Skip to main content
sharethis

มี 88 ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารไปแล้ว มี 53 องค์กรที่มารวมตัวกันเป็น World Coalition Against the Death Penalty และอาจจะมีถึง 100 เหตุผลที่ทำให้คนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ไม่เห็นด้วยกับการลงโทษที่มี "หน้าตาไม่เป็นมนุษย์" แต่เป็นที่น่าเสียดาย...ที่คนหัวใจ "มืดบอด" มากมายในโลกนี้ แยกแยะคำว่า "ความยุติธรรม", "การแก้แค้น" หรือแม้กระทั่ง "การฆ่าปิดปาก" ไม่ออก

Iraq : The Real War

โดย อุทัยวรรณ เจริญวัย

 

 

 

          

มี 88 ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารไปแล้ว มี 53 องค์กรที่มารวมตัวกันเป็น World Coalition Against the Death Penalty และอาจจะมีถึง 100 เหตุผลที่ทำให้คนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ไม่เห็นด้วยกับการลงโทษที่มี "หน้าตาไม่เป็นมนุษย์"

 

เหตุผลของบางคนอาจจะพูดสั้นๆ จบภายใน 2-3 ประโยค ขณะที่เหตุผลของคนบางคนอาจจะต้องใช้วรรณกรรมทั้งเล่มหรือหนังทั้งเรื่องมาช่วยพูดให้ ขณะที่กับอีกบางคน มันอาจไม่ใช่เรื่องของเหตุผล...แต่เป็นเรื่องของ "ใจ"

 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในกรณีของซัดดัม ฮุสเซน คนที่ไม่เห็นด้วยกับโทษประหาร...ไม่ได้แปลว่าต้องปฏิเสธการลงโทษ และคนที่ประณามกระบวนการ "พิจารณาคดี" ที่เกิดขึ้น...ไม่ได้แปลว่าต้องปฏิเสธการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม

 

(เป็นที่น่าเสียดาย...ที่คนหัวใจ "มืดบอด" มากมายในโลกนี้ แยกแยะคำว่า "ความยุติธรรม", "การแก้แค้น" หรือแม้กระทั่ง "การฆ่าปิดปาก" ไม่ออก)

 

ซัดดัม ฮุสเซน ตายไปพร้อมกับความลับที่อันตราย (ต่อวอชิงตัน) หลายอย่าง ข้อกล่าวหาที่อ้างต่อๆ กันมา เชื่อต่อๆ กันมาเกี่ยวกับเขา หลายข้อมีเงื่อนงำที่ยังหาความชัดเจนไม่ได้ หลายข้ออยู่บนพื้นฐานที่เลื่อนลอยใส่สีตีไข่ไปไกล และหลายข้อก็ชัดเจนว่า...มีเงาทะมึนหลังฉากของใครต่อใครเข้ามาวุ่นวายชุลมุนเต็มไปหมด

 

ในโอกาสที่ซัดดัม ฮุสเซนต้องจบชีวิตลง ถือเป็นช่วงเวลาอันดีที่เราจะได้หยิบยกเรื่องราวความสัมพันธ์ซัดดัม-อเมริกามาสำรวจหลายๆ แง่มุม ในฐานะที่เขาเคยเป็นมิตร เป็นศัตรู รวมทั้งตกเป็นเหยื่อ propaganda อันเข้มข้นของอเมริกามาตลอดช่วงหลังๆ

 

ชิ้นที่จะอ่านต่อไป แม้ข้อมูลของผู้เขียนจะไม่ถึงกับลึกลับเท่าไหร่ แต่ "มุมมอง" และ "การตั้งคำถาม" ของเขา เป็นสิ่งที่ขาดแคลนอย่างมากในสังคมไทย

 

ซัดดัมเป็นเผด็จการที่น่ากลัวที่สุดในโลก...จริงหรือ? ซัดดัมเป็น "ฮิตเลอร์นัมเบอร์ 2" จริงหรือ? หรืออันที่จริงแล้ว...ซัดดัมเป็นแค่ "กระต่าย" ตัวหนึ่ง?

 

วิลเลียม ริเวอร์ส พิตต์ (William Rivers Pitt) เป็นนักเขียนและบรรณาธิการสื่อทางเลือกออนไลน์ TruthOut มีแบคกราวด์การศึกษามาทางด้านวรรณกรรม เขาเขียนบทความทางการเมืองและเป็นแอคทิวิสต์ใกล้ชิดเดโมแครตมาหลายปี (เดโมแครตสายโพรเกรสสีฟ) มีงานหนังสือมาแล้ว 3 เล่ม (รวม  War on Iraq: What Team Bush Doesn't Want You to Know) บทความชิ้นนี้แปลมาจาก Hussein the Rabbit, TruthOut , 31 December 2006

 

ในโลกที่เต็มไปด้วยการหลอกล่อและภาพลวงตา โศกนาฎกรรมเกิดขึ้น...เมื่อประชาชนยอมตัวเป็นหมา (เกรฮาวนด์) ที่ถูกหลอกล่อให้วิ่งไล่กระต่ายตัวโน้นตัวนี้ไปเรื่อยๆ วิลเลียม ริเวอร์ส พิตต์ จะมาเล่านิทานสนุกๆ ให้เราฟัง พร้อมกับเชิญชวนชาวโลกทุกคนว่า

 

เป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีดีกว่า...อย่าเป็นประชาชน "หมา" อีกต่อไปเลย

 

 

0 0 0

 

 

 

 

ซัดดัม ฮุสเซน : กระต่ายล่อหมา

 

วิลเลียม ริเวอร์ส พิตต์

31 ธันวาคม 2006

 

 

 

It is a tale
Told by an idiot, full of sound and fury,
Signifying nothing.

- William Shakespeare

 

           

มือถือของผมส่งเสียงดังทั้งวัน เป็นสัญญาณว่ามีข้อความเข้ามาอีกแล้วนะ...จากเพื่อนๆ คอนเซอร์เวทีฟของผม

 

"Saddam is dead woohoo"  คือข้อความล่าสุด...ซึ่งก็พอจะบรรยายแทนข้อความที่เหลือได้ทั้งหมด ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากสามารถค้นพบความหมายหรือความพึงพอใจของตัวเองได้ กับการที่ฮุสเซนต้องมาพบกับจุดจบของเขาที่ปลายเชือกเส้นหนึ่ง...เมื่อเช้าวันเสาร์นี่เอง

 

ผมไม่สามารถจะรู้สึกแบบนั้นได้ ส่วนหนึ่งของอาการสองจิตสองใจเป็นเพราะพื้นฐานของผมที่ต่อต้านโทษประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม การต่อต้านโทษประหารโดยรัฐอย่างที่ผมเป็นนี้ ไม่ได้มาจากอุดมคติของคนที่มีจิตใจอ่อนโยน ไม่ได้มาจากความเห็นใจผู้ที่ต้องรับโทษ และไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมแบบแคธอลิกอย่างที่ผมได้เรียนรู้สมัยเป็นเด็ก แต่มันมาจากความจริงธรรมดาๆ ที่ว่า ความตายเป็นทางออกที่ง่ายเกินไป มันน่าจะดีกว่า ถ้าเราจะมอบความยุติธรรมให้กับบรรดาคนชั่วร้ายของโลก - ไม่ใช่โดยการเอาชีวิตเขา - แต่เป็นการยืดชีวิตของเขาออกไป ยื้อชีวิตของเขาเอาไว้...ภายใต้อาณาเขตแคบๆ ของการกักกันคุมขัง

 

ยิ่งอาชญากรรมของเขาเลวร้ายเท่าไหร่ ผมเชื่อว่า...เรายิ่งต้องรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้เท่านั้น ให้พวกเขาได้ทนทุกข์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าสมเพช ให้พวกเขาต้องนั่งจ้องกำแพงและจมอยู่กับเรื่องราวของตัวเองเป็นเวลานานๆ หลายทศวรรษ ให้พวกเขาได้เผชิญความจริงอันโหดร้ายว่า วันพรุ่งนี้จะหดหู่ไม่น้อยไปกว่าวันที่ผ่านมา และนั่นหมายถึง ความเบิกบานใดๆ จะไม่ได้มีไว้เพื่อพวกเขาอีกแล้ว พระอาทิตย์บนฟ้าจะไม่ได้ส่องแสงลงมาเพื่อพวกเขาอีกแล้ว ผมได้แต่เสียดายว่า ทิมอธี แมควีห์ (Timothy McVeigh - มือบอมบ์โอกลาโฮมา 1995) น่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ บิดกายคุดคู้อยู่หลังซี่กรงเหล็ก แหวกว่ายทุรนทุรายอยู่ในมหาสมุทรแห่งกาลเวลา เช่นเดียวกับซัดดัม ฮุสเซน ฆาตกรร้ายหลายร้อยหลายพันศพ ผู้ซึ่งเพิ่งจะได้รับอิสรภาพเป็นของขวัญไปแล้วเช้าวานนี้...อย่างที่เขาไม่สมควรจะได้รับ

 

แต่พ้นไปจากเรื่องนี้ (ที่เป็นความเชื่อส่วนตัวของผม) ก็คือ ความไร้สาระสุดยอดของกระบวนการปาหี่พิพากษาที่เกิดขึ้นทั้งหมด การพิจารณาคดีของฮุสเซน-อย่างที่เขาเรียกกัน นับเป็นการสบประมาทหลักการพื้นฐานของนิติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง มันออกไปทาง Reality Show มากกว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายจริงๆ (1) คำให้การฝ่ายโจทก์ที่มีต่อซัดดัมส่วนใหญ่ ว่ากันว่า...แม้แต่ศาลท้องถิ่นที่เลอะเทอะไร้มาตรฐานที่สุดของประเทศอิรักเอง...ฟังแล้วก็คงต้องโยนทิ้งถังขยะไป ทนายความของฮุสเซนสามคนต้องถูกฆ่าตาย ที่แต่งตั้งมาแทนก็ไม่มีประสบการณ์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ที่เหนืออื่นใดก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างที่ประเทศอิรักถูกยึดกุมโดยอำนาจยึดครองต่างชาติ รัฐบาลที่วางโปะอยู่ข้างบน ก็เป็นแค่รัฐบาลที่มารวมตัวกันได้ เพียงเพราะเหล็กแหลมๆ ที่คอยเสียบเอาไว้ เส้นลวดสารพัดที่ช่วยๆ กันมัดไว้ และแรงจูงใจทางนิกายความเชื่อ

 

ซัดดัม ฮุสเซน ถูกคณะผู้บริหารของทำเนียบขาวสามสมัยใช้ประโยชน์จากเขา แบบเดียวกับที่...กระต่ายพลาสติกถูกนำมาใช้ล่อหมาในลู่วิ่งแข่ง เช่นเดียวกับพวกหมาเหล่านั้น เราต่างก็วิ่งไล่เขาติดต่อกันมานานหลายปี โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า เราได้แต่วิ่งวนอยู่ในวงกลมไปมา...เพียงเพื่อที่จะกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

 

ความจริงที่เป็นเรื่องสำคัญ มีความหมาย และพร้อมจะสร้างความอึดอัดใจให้กับใครหลายๆ คน ต้องตายไปพร้อมกับฮุสเซนเมื่อเช้าวานนี้ คำกล่าวซ้ำๆ ย้ำๆ ต่อๆ กันมาที่ว่า "ซัดดัมรมแก๊สชาวเคิร์ดที่ ฮาลับจา (Halabja)" ได้แพร่หลายครอบงำสังคมของเรามานานหลายปี โดยปราศจากการท้าทายในพื้นที่สนทนาวิวาทะของพวกกระแสหลักทางการเมือง ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่ง สตีเฟน ซี เพเลเทียร์ (Stephen C. Pelletiere) จะได้เคยออกมาเปิดเผยข้อมูลบางส่วนซึ่งสวนทางกับความเชื่อนี้แล้วก็ตาม ในบทความที่ชื่อ "A War Crime or an Act of War" ของเขา ตีพิมพ์ในนิวยอร์คไทมส์ มกราคม 2003

 

เพเลเทียร์ เคยเป็นนักวิเคราะห์ระดับซีเนียร์ของซีไอเอ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์การเมืองอิรักในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน และเขายังเป็นศาสตราจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ Army War College ในปี 1988-2000 ต้นยุค 90 เพเลเทียร์ได้เป็นหัวหน้าทีมของกองทัพในการทำรายงานสืบสวนชิ้นหนึ่ง ภายใต้หัวข้อที่ว่า...อิรักจะต่อสู้กับอเมริกาอย่างไรในสงคราม และรายงานลับปี 1991 ของเขาฉบับนี้เอง ได้ให้รายละเอียดอย่างมากเกี่ยวกับการโจมตีที่ฮาลับจา (1988) เอาไว้

 

"หลังการสู้รบครั้งนั้น" เพเลเทียร์เขียนไว้ดังนี้ "หน่วยข่าวกรองของกองทัพอเมริกา (DIA - Defense Intelligence Agency) ได้เข้าไปสืบสวนอย่างเร่งด่วนทันที พร้อมจัดทำรายงานลับฉบับหนึ่งขึ้นมา ซึ่งต่อมารายงานนี้ได้รับการเผยแพร่ไปสู่ประชาคมข่าวกรองส่วนอื่นๆ ในฐานะข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้ ผลการศึกษาจากรายงานนั้นยืนยันว่า เป็นแก๊สของอิหร่านที่สังหารชาวเคิร์ด...ไม่ใช่แก๊สของอิรัก หน่วยงานยังพบด้วยว่า ทั้งสองฝ่าย (อิรักและอิหร่าน) ต่างก็ใช้แก๊สกับฝ่ายตรงข้ามในการสู้รบรอบๆ ฮาลับจา อย่างไรก็ตาม จากสภาพศพชาวเคิร์ดบ่งชี้ว่า พวกเขาตายจาก Blood Agent  - หมายถึง แก๊สพิษที่มีองค์ประกอบของสารไซยาไนด์ - ซึ่งเป็นชนิดที่รู้กันดีว่าอิหร่านเป็นฝ่ายใช้ ขณะที่ในส่วนของอิรัก ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าใช้ แก๊สมัสตาร์ด (Mustard Gas) ในการสู้รบครั้งนี้ ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า เป็นเจ้าของสารต่างๆ ที่ปรากฏในเลือดเวลานั้น" (2)

 

ไม่มีใครปฏิเสธว่า ซัดดัม ฮุสเซน มีชื่อเกี่ยวพันกับฆาตกรรมและการสังหารหมู่มากมาย แต่กระนั้น ความจริงที่อยู่ในรายงานลับชิ้นนี้ก็ทำให้เราต้องหยุดคิด สิ่งที่หยิบยกมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของเล่ห์กลทางการเมือง...อเมริกันสไตล์...เท่านั้น ภายใต้เล่ห์เพทุบายทางการเมือง ข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ถูกมองข้ามละเลย เพียงเพราะมันจะทำให้เรื่องเล่าหลักๆ ในหัวของเรา ดูยุ่งเหยิงไม่ราบรื่น ทำให้วิธีคิด-วิธีให้เหตุผลของเราต้องสะดุดหกล้ม ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางเดิมๆ ได้ ในเมื่อสโลแกนที่รองรับสงครามคือถ้อยคำโกหก ใครก็ตามที่ตามแห่ไปกับมัน...ก็เป็นเพียงเหยื่อของการตบตาลวงโลก

 

แล้วก็มาถึงส่วนที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับการย้อนอดีตเหล่านี้ นั่นก็คือ มือของอเมริกาที่คอยกำกับชี้แนะอยู่หลังฉาก เหมือนกับพระเจ้าสร้างอาดัม รัฐบาลของเราปั้นแต่งฮุสเซนขึ้นมาจากดินเหนียว เป่าลมหายใจลงไปในปอดเขา แต่สำหรับเรา ฮุสเซนกลับเป็นอะไรสักอย่าง...ที่ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด

 

รายงานจากนิวยอร์ค ไทมส์ สิงหาคม 2002 ชื่อ "Reagan Aided Iraq in War Despite Use of Gas"  (เรแกนช่วยอิรักทำสงคราม ทั้งที่รู้ว่าใช้แก๊ส) มีข้อความว่า "โปรแกรมปิดลับของอเมริการะหว่างช่วงรัฐบาลเรแกน ได้จัดหา-ให้ความช่วยหลือสำคัญด้านการวางแผนสู้รบแก่อิรัก แม้จะเป็นช่วงเวลาที่หน่วยข่าวกรองต่างๆ ของอเมริกาต่างก็รู้ชัดว่า ผู้บัญชาการของอิรักได้ใช้อาวุธเคมีในการสู้รบ ระหว่างสงครามอิรัก-อิหร่าน - - ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของนายทหารระดับสูงหลายนายซึ่งเกี่ยวข้องกับโปรแกรมนี้โดยตรง" (3)

 

"ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะผู้บริหารของเรแกนจะออกมาประณามอิรักในที่สาธารณะ กรณีที่อิรักใช้แก๊สมัสตาร์ด ซาริน วีเอ๊กซ์ และสารพิษอื่นๆ ก็ตาม" รายงานกล่าวต่อไปว่า "นายทหารระดับสูงต่างยืนยันว่า ประธานาธิบดีเรแกน รองประธานาธิบดีจอร์จ บุช (พ่อ) และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคง-ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร ไม่เคยถอนความช่วยเหลือจากโปรแกรมลับดังกล่าวเลย ภายใต้โปรแกรมนี้เอง เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพกว่า 60 คนได้ร่วมกันให้ความช่วยเหลือลับๆ แก่อิรัก โดยมีการจัดหาป้อนข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายทหารของอิหร่าน การวางแผนยุทธวิธีในการสู้รบ แผนโจมตีทางอากาศของอิหร่าน ตลอดจนการประเมินความเสียหายจากการทิ้งระเบิดของอิรักให้ด้วย"

 

"ต้นปี 1988" รายงานระบุว่า "หลังจากกองทัพอิรัก ด้วยความช่วยเหลือด้านการวางแผนจากอเมริกัน ได้ยึดคืน คาบสมุทรเฟา (Fao Peninsula) กลับมา ในการโจมตีเพื่อเปิดทางให้อิรักเข้าถึงอ่าวเปอร์เชียอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม พันโทริก ฟรองโคนา (Lieutenant Colonel Rick Francona) ปัจจุบันเกษียณแล้ว ได้ถูกส่งไปสำรวจสนามรบร่วมกับเจ้าหน้าที่อิรัก นายทหารระดับสูงกล่าว พันโทฟรองโคนา ได้เห็นการแบ่งโซนพื้นที่ที่ปนเปื้อนสารเคมีโดยมีการทำเครื่องหมายเอาไว้ และยังเห็นกล่องบรรจุยา แอโทรพีน (atropine) ที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่ว ซึ่งหมายถึงว่าทหารอิรักได้รับการฉีดยาป้องกันผลกระทบจากแก๊สพิษเผื่อไว้แล้ว ในกรณีที่อาจมีลมตีกลับมายังตำแหน่งที่ตั้งของตน เจ้าหน้าที่ซีไอเอได้ให้การสนับสนุนอิรักภายใต้โปรแกรมดังกล่าว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่วมด้วย พร้อมกันนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ซีไอเออีกส่วนที่คอยให้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมแนวรบต่างๆ แก่อิรัก"

 

ตามคำประกาศอย่างเป็นทางการ โทษประหารของฮุสเซนเป็นการลงโทษเขาสำหรับการสังหารชาวชีอะต์เมือง ดูเจล (Dujail) จำนวน 148 ศพ ในปี 1982 คำวินิจฉัยของศาลระบุว่า ฮุสเซนได้สั่งฆ่าพวกเขาเป็นการตอบโต้ หลังเหตุการณ์ที่ชาวชีอะต์พยายามลอบสังหารฮุสเซนต้องพบกับความล้มเหลว

 

อย่างไรก็ตาม จาการวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมด บ่วงที่ถูกนำมาคล้องคอฮุสเซนไม่ได้เป็นเพียงผลลัพธ์จากการกระทำของเขาเอง แต่เป็นผลมาจาก...การโจมตีทางทหารและการโจมตีทางวาจาของอเมริกาและบรรดาเสียงส่วนใหญ่ในโลกตะวันตกที่มีต่อเขาเป็นเวลายาวนานหลายปี ซัดดัม ฮุสเซนเป็นแค่เผด็จการรายย่อยๆ ที่ชื่อเสียงด้านความโหดร้ายน่ากลัวของเขาถูกขยายจนใหญ่โตมากมาย บนการปั้นแต่งจอมปลอมและบนเจตนาจงใจ ทั้งนี้ เนื่องมาจากผู้บริหารประเทศนี้ ต่างก็รู้ดีว่า คนอเมริกันที่มองเห็นแต่เพียงศัตรูที่สุดแสนจะน่ากลัว คือคนอเมริกันที่พร้อมจะถูกปั่นหัว ควบคุมและหันเหความสนใจได้ง่ายๆ

 

เขี้ยวเล็บของฮุสเซนถูกถอนทิ้งไปหลายปีมาแล้ว สัจจธรรมพื้นๆ เบื้องหลังจุดจบของเขามีอยู่ว่า...เขาเคยเป็นอดีตพันธมิตรที่มีค่ามาก จนกระทั่งเขาหยุดรับใช้หรือหยุดตอบสนองต่อเป้าหมายของเราในภูมิภาคนี้นั่นแหละ แต่ถึงกระนั้น ความตายของเขาก็อาจจะช่วยตอบสนองเป้าหมายบางอย่างได้เช่นกัน ประธานาธิบดีที่กำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ ผู้อับจนหนทางจนต้องใช้กระต่ายล่อหมาเป็นครั้งสุดท้าย เพิ่งจะได้ประโยชน์จากรายงานข่าวไม่กี่ชั่วโมงในช่วงวันหยุดมานี้เอง

 

ที่ไหนสักแห่งบนเส้นทางสายนี้ บางที ประชาชนอาจจะหยุดคิดและตั้งคำถามได้บ้างว่า การวางบ่วงเส้นนั้นลงบนคอฮุสเซน มันคุ้มกันดีหรือไม่ กับชีวิตของทหารอเมริกันสามพันที่ถูกฆ่าตาย กับทหารอเมริกัน 47,000 ที่บาดเจ็บพิการ กับพลเรือนชาวอิรักจำนวนมหาศาลที่ต้องเสียชีวิตไปพร้อมกัน กับสนามบ่มเพาะผู้ก่อการร้ายอันเป็นผลจากความโกรธแค้นในความตายเหล่านั้น และกับเงินภาษีหลายล้านล้านที่ต้องละลายทิ้งไปในพื้นทรายอิรัก?

 

ซัดดัม ฮุสเซน ถูกแขวนคอไปเมื่อวันเสาร์ จากการกระทำทั้งหมดของเขาที่ไปไกลกว่าสิ่งที่บรรยายไว้ในคำวินิจฉัยตัดสินคดี ความผิดส่วนใหญ่ที่เขาก่อไว้ ล้วนเกิดขึ้นท่ามกลางการรับรู้และการเต็มใจให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลอเมริกัน รัฐบาลของเราอุ้มชูและสนับสนุนให้เขาคงอำนาจอยู่ เพียงเพราะเขาสามารถทำหน้าที่เป็นลิ่วล้อโง่ๆ ที่มีประโยชน์ในการต่อต้านอิหร่าน  และแล้ว...ข้อเท็จจริงต่างๆ ก็จะถูกขุดหลุมฝังไปพร้อมกับศพของเขา พื้นทรายจะดูดกลืนเรื่องราวของเขาไว้ตลอดกาล เรื่องราวของเขาที่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า มีระยะทางอันน่าสยดสยองเพียงใด...ที่คอยแยกการกระทำออกจากคำพูดของเราไว้

 

ในที่สุด กระต่าย...ก็ถูกหยิบออกไปจากลู่วิ่ง เราบุกรุกประเทศของเขา สิ่งต่างๆ ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น เราจับเขาและโยนเขาเข้าคุก สิ่งต่างๆ ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น สุดท้าย เราปลิดชีวิตเขา สิ่งต่างๆ ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น เรายังคงวิ่งวนอยู่ในวงกลม เวียนกลับมาที่เก่าครั้งแล้วครั้งเล่า ใครบางคนเริ่มไม่แน่ใจว่า...เราจะมีโอกาสหันมาเห็นบ่วงที่คล้องคอตัวเองทันเวลาหรือไม่ ก่อนที่พื้นข้างล่างซึ่งรองรับพวกเราอยู่จะทรุดตัวถล่มลงไป และความมืดจะกลืนกินเราไว้ พร้อมกับเสียงแห่งการพังทลายที่ชวนให้สะอิดสะเอียน o

 

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

(1) ปาหี่? Reality Show? ยิ่งกว่าศาลจิงโจ้?

ทำไมศาลที่ "อเมริกาจัดให้" ถึงถูกประณามมากมายอย่างนี้  - ละเมิดกฎหมายอะไรบ้าง? ยังไงบ้าง? อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่

 

- A Trial Giving Kangaroos A Bad Name, Stephen Lendman, Znet, November 08, 2006 (แนะนำอย่างแรง)

 

- Illegal and unfair trials of President Saddam Hussein and others by the Iraqi Special Tribunal,
Ramsey Clark (Former U.S. Attorney General), International Action Center (IAC), October 10, 2006

 

- Saddam Must Die, Paul Wolf (Saddam Hussein"s Attorney), Middle East Online, 2006-11-07 (Documents from the case can be found at  www.international-lawyers.org)

- Questionable Verdict, Richard Falk (Professor Emeritus of International Law and Practice at Princeton University, author of more than twenty books), Middle East Online, 2006-11-07

- Amnesty International deplores death sentences in Saddam Hussein trial, Amnesty International, 11/05/2006

 

- Show Trial and Show Execution, John Nichols, The Nation Magazine, 2006-12-30

- This Was a Guilty Verdict on America as Well, Robert Fisk, The Independent, 06 November 2006

 

 

(2) ปริศนาฮาลับจา (รวมแคมเปญอันฟาล)

Blood Agent หมายถึง แก๊สพิษหรืออาวุธเคมีที่อยู่ในกลุ่มไซยาไนด์ ที่รู้จักกันมีอยู่ 2 ตัว คือ Cyanogen Chloride กับ Hydrogen Cyanide จัดเป็นแก๊สพิษอันตรายที่ขัดขวางการใช้ออกซิเจนของเซลร่างกาย ส่งผลกระทบรุนแรงถึงชีวิต

 

ตามรายงานอีกชิ้นหนึ่งที่เพเลเทียร์เป็นหัวหน้าทีมจัดทำ เผยแพร่ในปี 1990 ชื่อว่า "Iraqi Power and US Security in the Middle East," ออกโดย  Strategic Studies Institute, U.S. Army War College มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

"เหยื่อจำนวนมากมายส่วนใหญ่ที่ผู้สื่อข่าวและผู้สังเกตการณ์ได้พบเห็นในที่เกิดเหตุ มีอาการตัวม่วงคล้ำ (blue) ถึงขีดสุด นั่นหมายถึงว่าเขาถูกฆ่าโดย  Blood Agent - ซึ่งถ้าไม่ใช่  Cyanogen Chloride ก็ต้องเป็น Hydrogen Cyanide - อิรักไม่เคยผลิตและไม่มีความสามารถที่จะผลิตสารเคมีเหล่านี้ แต่อิหร่านได้ใช้มันมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ ชาวอิหร่านจึงเป็นฝ่ายฆ่าเคิร์ด"

 

เพเลเทียร์กล่าวว่า จำนวนผู้ตายที่ฮาลับจา อยู่ในหลัก "หลายร้อย" ไม่ใช่ "หลายพัน" อย่างที่ ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ กล่าวอ้าง

 

รายงานนี้ยังยอมรับด้วยว่าอิรักใช้มัสตาร์ดแก๊สในการสู้รบกับอิหร่านที่ฮาลับจา อย่างไรก็ตาม มัสตาร์ดแก๊สไม่ใช่แก๊สมีฤทธิ์ร้ายแรงฆ่าคนแบบเดียวกับ Blood Agent (ผลของมัสตาร์ดแก๊สที่ชัดๆ คือผิวหนังไหม้ แผลพุพอง และอาจบั่นทอนทำลายระบบทางเดินหายใจ) รายงานชิ้นนี้ระบุว่ามัสตาร์ดแก๊สจะส่งผลต่ออัตราการตายเพียง 2% ไม่สามารถฆ่าคนจำนวนหลายร้อยได้

 

นอกจากเอกสารของเพเลเทียร์และคณะแล้ว ยังมีเอกสารอีกบางชิ้นของซีไอเอ ตลอดจนรายงานของนักข่าวบางรายในที่เกิดเหตุที่ท้าทายความเชื่อเกี่ยวกับฮาลับจาเวอร์ชัน "วอชิงตันนิยม"  และไม่เพียงฮาลับจาเท่านั้น ที่น่าสนใจกว่าก็คือ ในส่วนของแคมเปญอันฟาลทั้งหมด ที่มักถูกเรียกว่าเป็น "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเคิร์ด" ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า...มีการขยายความเกินจริงมากน้อยแค่ไหน? ข้อมูลที่ได้-ได้มาจากใคร? น่าเชื่อถือพอหรือไม่?

 

จนถึงวันนี้ ประเด็นเหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่มีการดีเบตกันอยู่ ยังไม่มีคำตอบชัดเจน และยังไม่มีกระบวนการไต่สวนที่เชื่อถือได้เกิดขึ้น - อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข้อมูลหลายๆ ทางที่ไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่ การเลือกรับฟังแต่รายงานของ "ฮิวแมน ไรทส์ วอตช์" ด้านเดียว อาจเป็นอันตรายต่อวิจารณญาณได้ (อันที่จริง ประเด็นนี้พอจะมีรายละเอียดเจาะลึกอยู่ในมือ แต่คงไม่มีเวลาให้ เพราะยังมีเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ)

 

(3) ความช่วยเหลือของอเมริกา

อย่างที่รู้กันดี อเมริกาไม่ได้ช่วยเหลืออิรักแค่เรื่องข่าวกรองแน่ๆ นอกจากช่วยจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สารพัดแล้ว อเมริกายังรู้เห็นเป็นใจหรือเล่นเกมอิรัก-อิหร่านยังไงบ้าง? มีคำถามและมีความลับอยู่หลายเรื่อง เดี๋ยวเราจะมีรายงานของนักข่าวตัวจริงเสียงจริงเรื่องนี้โดยเฉพาะตามมา  แต่อาจจะต้องเว้นวรรคไปพูดเรื่องที่ "ร้อนๆ" ตอนนี้ก่อน

 

 

(หมายเหตุ : ขอออกตัวปิดท้ายและเป็นครั้งสุดท้ายว่า - ผู้แปลไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยกับความคิดทั้งหมดของงานที่เลือกมาแปลนะคะ และสำหรับชิ้นนี้ อย่างน้อยที่สุด เหตุผลในการต้านโทษประหารของดิฉันก็ไม่ตรงกับคุณบอกอพิตต์ข้างบนแน่ๆ ค่ะ พอดีดิฉันเป็นพวกชอบอ่าน Victor Hugo มากกว่าเช็คสเปียร์)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net