หากไม่ขึ้นต้นด้วยการประณามการวางระเบิดทั่วกรุงเทพในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ก็ไม่ทราบว่าจะขึ้นต้นด้วยอะไรกับการกระทำเยี่ยงนี้
ตอนที่ระเบิดตูมแล้วตูมเล่า กระจายความรุนแรงออกไปในแบบปากต่อปาก คำถามแรกที่เกิดขึ้นหลังการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ประสบเคราะห์กรรมก็คือ ใครเป็นคนทำ และทำทำไม คำตอบก็คือ เป็นไปได้หลายอย่าง
ผมเพียงแต่มั่นใจว่า ผู้ที่ทำเรื่องแบบนี้ได้จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน
เปล่านะครับ ผมไม่ได้หมายถึงการฝึกฝนในการทำระเบิด ตลอดจนการวาง การจุดชนวน การกลบเกลื่อนร่องรอย เรื่องแบบนี้ขี้ปะติ๋ว หาอ่านทางอินเทอร์เน็ตก็คงพอจะได้ แต่หัวใจที่ต้องสูบฉีดเลือดที่เย็นยะเยียบนี่ต่างหากที่ต้องฝึกฝน
ผมไม่เชื่อหรอกว่า คนพวกนี้วิกลจริต การเชื่ออย่างนั้น มันก็แค่ลมปากของผู้นำและการระบายความคับแค้นชนิดหนึ่ง แต่คนชนิดนี้จำเป็นต้องมีความคิดประเภท "ยอมสละเลือด (ที่ไม่ใช่ญาติตัวเอง) สักเล็กน้อยเพื่อเป้าหมายที่สำคัญกว่า" หรือ "เชือดไก่ให้ลิงดู" หรือต้องคิดในเชิงยุทธวิธีเป็น พูดง่ายๆ ต้องแยกความหมายระหว่าง "อาชญากรรม" กับ "สงคราม" ได้ และมองการกระทำครั้งนี้เป็นสงคราม
นักการเมืองไทยนั้น เป็นมนุษย์พันธุ์ที่คิดถึงผลประโยชน์มากกว่าอุดมการณ์ ทางที่เขาจะได้อำนาจมา อย่างไรเสียก็หลีกไม่พ้นต้องยกมือไหว้ประชาชน อย่างไรเสียเขาได้อำนาจมาก็เพียงชั่วระยะเวลาจำกัด 4 ปี 6 ปี ราคาที่เขาต้องจ่ายในการวางระเบิดเพียงเพื่อเอาชนะกันทางการเมืองจึงอาจจะแพงเกินไป ไม่สมเหตุสมผลจะทำไปทำไม อยู่เฉยๆ รอให้มีการเลือกตั้ง จะปีสองปีอย่างมากสี่ปี ก็แค่ทำใจให้ราวกับสอบ ส.ส.ตก และรอกลับมามีอำนาจไม่ดีกว่าหรือ
ครั้นจะบอกว่า เพราะกลัวการถูกยึดทรัพย์หรือถูกทำลายผลประโยชน์โดยคณะรัฐประหาร ก็แล้วทำแบบนี้จะไม่ยิ่งเร่งให้โดนหนักเข้าไปอีกหรือ ข้อเท็จจริงแบบนี้ หากไม่อคติเกิน เกลียดกันมากเกินไปก็น่าจะคิดออก ไม่มีความจำเป็นต้องไปคิดให้ซับซ้อนมากมายหลายซับหลายซ้อน เพราะหัวใจของมนุษย์พันธุ์นี้จะอย่างไรไม่ได้ฝึกฝนมาอย่างนั้น และตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทย มนุษย์พันธุ์ที่ฆ่าแกงผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่ค่อยปรากฏว่าเป็นนักการเมืองเท่าใดนักด้วย
คนมีสี คือคำตอบ จะสีเขียวของทหารไทย สีกากีของตำรวจ ผมไม่ทราบว่า กรณีผู้ก่อความไม่สงบชายแดนใต้ หากมีอย่างเป็นขบวนการจริงๆ ละก็ เขาจะใช้สีอะไร แต่ก็ต้องจัดว่าเป็นพวกมีสีเหมือนกัน
หากเป็นเรื่องของคนมีสีมีเครื่องแบบ ระเบิดครั้งนี้เป็นคำตอบชัดเจนว่า การรัฐประหารที่อ้างเรื่องความสมานฉันท์ ที่แท้มันคือการกระทำที่เป็นก้าวแรกของการแตกหัก และคณะรัฐประหารล้มเหลวในการปฏิรูปโครงสร้าง
แต่ผมเองเชื่อไปในทางหลังมากกว่าว่า สถานการณ์ในภาคใต้นั้นเป็นต้นเหตุระเบิดหลายจุดทั่วกรุง เพราะไม่ว่าอย่างไร เราต่างก็เคยคาดกันอยู่แล้วว่า ช้าเร็วระเบิดก็ต้องดังที่กรุงเทพฯ ก็ในเมื่อมันเคยดังมาหลายทีแล้วที่หาดใหญ่
แต่รัฐบาลชุดนี้ก็สรุปและเชื่อเร็วไป ความเสียหายจากความเร็วครั้งนี้ อาจจะรุนแรงเท่าๆ กับวาทะ "โจรกระจอก" ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นได้ใครจะไปรู้
พูดก็พูดเถอะ ตอนคุณทักษิณเป็นนายกฯ เรื่องรีบสรุปนี่ถูกด่ากันเต็มบ้านเต็มเมือง พอมาถึงรัฐบาลวาสนาดีชุดนี้ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ลองถ้าตอนนี้เป็นสมัยของคุณทักษิณ มีหวังคุณทักษิณจะโดนข้อหาวางระเบิดเพื่อกลบข่าวเขายายเที่ยง และจดทะเบียนสมรสซ้อน
ทีนี้ปัญหาเรื่องทางใต้ พูดให้ถูกแล้วถูกอีกก็ต้องบอกว่า ต้องใช้เวลาแก้ ไม่สามารถแก้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากการระเบิดกรุงเทพฯ มาจากกลุ่มเหล่านี้ จะมีอะไรมากไปกว่า "ทำใจ" และอยู่กันอย่างอิสราเอลให้ได้ คือระเบิดตูมก็ประณาม เยียวยา และก็ตามไล่จับกันไป แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุดเพื่อลดทอนแรงกระทบสะท้อนจากระเบิด ซึ่งเป็นเป้าหมายของระเบิดมากกว่า ผู้เสียชีวิตและเสียงตูมๆ แรกเสียอีก
ซึ่งหากเราเข้าใจเป้าหมายของการวางระเบิดเช่นนี้ ก็มีเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจต่อไปว่า แรงระเบิดไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากกลุ่มไหน ผลกระทบนั้นก็รุนแรง นัวเนีย และยุ่งเหยิง
เพราะอะไรน่ะหรือ พูดกันแบบตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า เพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลจากคณะทหาร ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นคณะที่ยืนอยู่ในฝักฝ่าย และไม่มีทางที่จะสร้างการยอมรับให้กับอีกฝ่าย นับประสาอะไรที่จะสร้างการยอมรับให้กับผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ที่จะอยู่ร่วมด้วยกับคนอีก 73 จังหวัดที่เหลือ
เห็นแก่ประเทศชาติ มีแต่ต้องคืนอำนาจนั้นกลับมาให้ประชาชน ให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุด แฟร์ที่สุด และให้เจ้าของบ้านเมืองได้เลือกเองว่า เขาต้องการรัฐบาลแบบไหน เพราะประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง คือกระบวนการที่ออกแบบมาเพื่อความสมานฉันท์ การอยู่ร่วมกัน และการตัดสินความขัดแย้งอย่างสันติเท่าที่โลกมีมาตลอดอายุมนุษยชาติ
มีการเลือกตั้ง มีการตัดสินด้วยการหย่อนบัตร "ระเบิดการเมือง" มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
มีการเลือกตั้ง ต่อให้เกิดระเบิดก่อการร้ายหรือจากปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ ระเบิดนั้นก็ไม่รุนแรง ไม่ส่งผลกระทบกว้างไกลอย่างที่เป็น หรือพอมีทางที่จะพูดคุยกันได้ (ถ้ารัฐยอมพูดคุย)
พูดกันอย่างนี้ คงต้องบอกกันชัดๆ ไปเลยว่า การรัฐประหาร และคณะรัฐประหาร คือปัญหาของแผ่นดิน มีแต่การคืนอำนาจให้ประชาชนจึงจะเยียวยาปัญหาของแผ่นดินในเวลานี้ได้
ลองถ้าตัดสินใจจะคืนอำนาจให้ประชาชนในทันที เรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็เป็นแค่ปัญหาทางเทคนิค เพราะขนาดปล้นอำนาจไปยังทำมาแล้วในฉับพลันทันที แล้วคืนอำนาจมันจะยากเย็นตรงไหน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)