นายไกรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รัฐประหารเกิดขึ้นจนถึงวันนี้การขอโทษของนายกรัฐมนตรีไม่สามารถนำไปสู่นโยบายแห่งความปรองดองได้อย่างแท้จริง แต่ความรุนแรงโดยรัฐยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง การปะทะและความรุนแรงก็ยังเกิดขึ้น ประชาชนก็ยิ่งเสียหายและเสียชีวิต หลั่งน้ำตาทั้ง 3 จังหวัด ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยืนยันในหลักการสันติวิธี เพราะในอดีตเราเคยใช้นโยบาย 66/23ในการแก้ปัญหาให้ผู้ที่หลงผิดกลับเข้ามามอบตัวร่วมพัฒนาชาติ ขณะนี้ทราบว่ามีผู้ต้องการเข้ามอบตัวจำนวนมากแต่รัฐบาลไม่ยอมเจรจา เพียงเขาขอให้มีการนิรโทษกรรมความผิดที่เคยกระทำ แต่รัฐบาลไม่ยอม ทั้งๆที่การใช้นโยบาย 66/23 ได้ยกความผิดให้ทั้งหมด วันนี้ทำให้เราเห็นคนที่ออกจากป่า เดินกันอยู่เต็มสภา โดยที่รู้หรือไม่ คนเหล่านั้นบางคนเคยทำผิดคดีอาญาเคยยิงและฆ่าคนมาแล้ว

"ขณะนี้ยุทธศาสตร์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ พยายามยั่วยุ ทุกอย่างให้หมดความอดทนแล้วใช้ความรุนแรงเข้าปราบปราม เหมือนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำ ขอเจ้าหน้าที่มีความอดทนและระลึกว่าหากใช้ความอยุติธรรมเข้าแก้ปัญหา ผลที่จะได้ก็คือความอยุติธรรมกลับมา ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้สิ่งที่เขาต้องการกำลังจะสำเร็จ เพราะประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งทางศาสนา สิ่งที่อันตรายที่สุดคือเชื่อหรือไม่ว่าวันนี้พื้นที่ 80% ของจังหวัดนราธิวาสขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ก่อการร้ายเรียบร้อยแล้ว "นายไกรศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้นายไกรศักดิ์ ยังเสนอให้รัฐบาลควรนำข้อเสนอและผลการศึกษาปัญหาของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์(กอส.)ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯซึ่งมีข้อเสนอแนะที่ดีที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลควรนำมาดัดแปลงมาใช้แก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดเพราะเชื่อว่าจะสามารถลดความขัดแย้งในพื้นที่ได้ระดับหนึ่ง  รวมถึงต้องดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำผิดด้วย  ขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศ ที่เป็นแม่งานหลักในการเจรจาควรต้องมีคณะกรรมการเฉพาะกิจ ที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้อย่างดี ในการเจรจากับทางการมาเลเซียด้วย รวมทั้งกับแกนนำของกลุ่มทุกกลุ่ม เพราะเชื่อว่าผู้บงการอยู่นอกประเทศทั้งหมด โดยเฉพาะ บีอาร์เอ็น โคออดิเนต ที่มีเครือข่ายกว้างขวาง

ทั้งนี้ นายไกรศักดิ์ได้บอกกับสื่อมวลชนว่า สื่อมวลชนต้องเข้าใจจิตวิทยาของผู้ก่อการร้ายด้วย นโยบายของพล.อ.สุรยุทธ์พยายามลดความรุนแรงลง แต่ยิ่งลด ผู้ก่อการร้ายก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้น ดังนั้นการใช้ภาษาอาจจะสร้างความเกลียดชังมากขึ้น จนตอนนี้บางกลุ่มเรียกร้องการปราบปรามเพิ่มขึ้นในทุกรูปแบบ หรือเรียกร้องศาสนาเดียวแล้ว