"พระราชินี" รับสั่ง "ฉันทนไม่ไหวแล้ว"
เว็บไซต์แนวหน้า : ที่โรงแรมอโนมา พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ บรรยายพิเศษเรื่อง "สถานการณ์ภาคใต้ ไฟที่ยังไม่ดับ"จัดโดย สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนในบรมราชินูปถัมภ์ ทั้งนี้มีศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนสายปัญญา โรงเรียนจิตลดา โรงเรียนวังหลังวัฒนา สมาคมสตรีภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก สมาชิกแจ้งข่าวกลุ่มเหยี่ยวเวหาและพระยาอินทรีย์ เข้าร่วมฟังประมาณ 200 คน ระหว่างการบรรยายได้กล่าวท่อนหนึ่งถึงรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่มีต่อสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงให้คณะทำงานลงไปช่วยเหลือทุกเรื่องในทันที เมื่อเกิดเหตุวันนี้ ต้องไปพรุ่งนี้ อย่างวันที่ยิงรถตู้ วันรุ่งขึ้นคือ มีพระราชเสาวนีย์ให้พระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จทันที ให้เข้าไปช่วยเหลือทันที
ความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินาถที่ท่านบอกว่า "ฉันทนไม่ไหวแล้วที่จะปล่อยให้คนบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม ถูกฆ่าตายไปทุกวัน จนเหมือนกับว่าเวลาอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็แค่อุทานว่าตายอีกแล้วหรือ จนกลายเป็นเรื่องปกติ ท่านรับสั่งว่าอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าคนทั่วไปมีความคิดเช่นนี้จะเป็นอันตรายของประเทศชาติ ถ้าเรายังปล่อยอย่างนี้ลำบากแน่" รองสมุหราชองครักษ์กล่าว
พล.อ. ณพล กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถอยากเห็นประเทศเรามีการปกครองโดยใช้กฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือ มุสลิม ถ้าผิดก็ต้องลงโทษ มิเช่นนั้นเราจะปกครองกันไม่ได้ พระองค์ท่านได้สั่งว่า ต่อไปนี้ต้องเข้าไปช่วย ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ต้องทำให้ประชาชนทีแหลืออยู่รอดให้ได้ จำเป็นต้องฝึกก็ต้องฝึก หากต้องติดอาวุธก็ต้องยอม เพื่อป้องกันตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย ฉันไม่ได้สั่งให้ไปติดอาวุธเพื่อที่จะไปไล้ฆ่าใคร แต่เพื่อต้องการให้ฝึกเพื่อป้องกันตัวเองให้ได้ ตรงนี้ฝากทำความเข้าใจด้วย เพราะตอนนี้มีกลุ่มคนบางกลุ่มพวกสิทธิมนุษยชนทั้งหลายไปแผลเจตนาผิดโดยหาว่าเป็นการฝึกเพื่อทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างคนพุทธกับมุสลิม ถ้าไม่ฝึกจะไปหมดมากกว่านี้ ซึ่งเป้นที่มาของโครงการฝึกราษฏรอาสารักษาหมู่บ้าน ตอนนี้ไปฝึกไปแล้ว 33 กองร้อย
"เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าเราคงจะใช้วิธีการที่จะสมานฉันท์อย่างเดียวไม่ได้ ผมไม่ได้ไปต่อต้านนโยบายรัฐบาล แต่ได้ไปให้ข้อคิดเห็นกับท่านนายกฯ เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเราต้องทำควบคู่กันไป ในส่วนใดที่เขาร่วมมือร่วมใจเราก็ช่วยเหลือ ในส่วนใดที่เราใช้ความรุนแรงเราก็ต้องใช้การปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย อย่าให้คนผิดลอยนวล ในขณะนี้ถ้าเราจับมาแล้วปล่อย จับมาแล้วปล่อยโดยที่ไม่มีการลงโทษใดๆ ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติขวัญเสีย"รองสมุหราชองครักษ์ กล่าว
พันธมิตรเดินสายปลุกม็อบขย่มรัฐบาล
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเวทีความรู้สู่ประชาชน "พันธมิตรสัญจร" ที่บริเวณสวนรักข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนครนครราชสีมา โดยมีอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร อาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และมีประชาชนกว่า 3 พันคน เข้าร่วมฟัง และยังได้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดินสัญจร" ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายการุณ ใสงาม ฯลฯ ร่วมจัด โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องสถานการณ์ครึ่งปีหลังยึดอำนาจ กรณีไอทีวี และการเมืองร้อนซ่อนเงื่อน ทั้งนี้ นายสนธิ ยังได้กล่าวท่อนหนึ่งว่า "คนบางคนต้องการสมานฉันท์ แต่พระกับโจรสมานฉันท์กันได้หรือ และมาวันนี้เขาไม่ต้องการให้เราโตต่อไป วันนี้เรามาสู่จุดเริ่มต้นใหม่ เราต้องพึ่งตัวเราเองอีกแล้ว และไม่มีอะไรที่น่ากลัวเท่ากับสู้กับวิญญูชนจอมปลอม หน้าฉากว่าซื่อสัตย์แต่ลับหลังจับมือกับทักษิณ แต่เชื่อว่าแต่ละเรื่องจะโผล่ออกมาแน่ ที่เห็นก็เรื่องกล้ายาง กฎหมายค้าปลีกก็ไม่ออก เพราะไปรับเงินเขามาแล้วใช่ไหม"
"พีทีวี" แพร่ภาพช่อง MV1
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีพีทีวี เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารได้ตัดสินใจใช้ช่องทางการออกอากาศของสถานีผ่านช่อง MV1 STAR CHANEL T.V. ดำเนินการแพร่ภาพออกอากาศรายการต่างๆ ของสถานี ควบคู่ไปกับการแพร่ภาพผ่านทางเวบไซต์ WWW.PTVTHAI.COM เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิกของพีทีวีสามารถรับชมรายการสดและเทปบันทึกรายการผ่านทางเวบไซต์ได้ง่ายขึ้น โดยได้ทำการออกอากาศในวันที่ 17 มีนาคม เป็นวัน
โดยเวบไซต์ ได้แนะนำวีธีการรับชม 3 ช่องทาง คือ ให้ซื้อจานดาวเทียมติดตั้ง หากมีจานดาวเทียมอื่นก็สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อให้เชื่อมต่อสัญญาณได้ หรือกรณีที่มีจานดาวเทียมวัดธรรมกายหรือจานดาวเทียมของ ASTV อยู่แล้วก็สามารถชมพีทีวีได้ทันที
"พิภพ" ชี้หาช่องทาง ปลดนายกฯ ไร้จริยธรรม
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ : นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีที่มาของนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่เห็นด้วยแน่นอนที่จะเปิดช่องให้นายกฯ มาจากคนนอก แนวคิดนี้เป็นของชนชั้นนำในสังคม ที่ต้องการใช้รัฐธรรมนูญเปิดพื้นที่ของชนชั้นนำให้มีอำนาจทางการเมือง เข้ามาบริหารประเทศโดยไม่ต้องลงเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชนชั้นนำเหล่านั้น ไม่เคยเชื่อว่าประชาชนจะสามารถเลือกนายกฯ ที่ดีได้ ถ้ารัฐธรรมนูญเปิดให้เป็นนายกฯ โดยไม่ต้องเลือกตั้ง ประชาชนจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากระบบประชาธิปไตย
ส่วนที่ น.ต.ประสงค์ เป็นห่วงว่า ถ้าปิดช่องนายกฯ เอาไว้ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองจะเข้าสู่ทางตันเหมือนในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาครป. กล่าวว่า ถ้าเป็นห่วงตรงนี้ต้องไปเปิดในมาตรา 7 ไม่ใช่เปิดกว้างไม่ระบุที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยต้องสร้างกระบวนการในมาตรา 7 ให้ปลดนายกรัฐมนตรีได้จริง มีผลในทางปฏิบัติด้วย อาทิ ในสถานการณ์วิกฤติให้วุฒิสภา สามารถเปิดประชุม เพื่อลงมติปลดนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง แล้วสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ แต่ต้องเป็นคนที่เคยเป็นส.ส.ในสมัยนั้น ไม่ใช่ไปเชิญคนนอกสภามาเป็น ซึ่งการใช้มาตรา 7 โดดๆ ไม่ได้ต้องสอดคล้องกับมาตราที่กำหนดให้นายกฯ ต้องมาจากส .ส.ด้วย แต่ ส.ว.ที่ทำหน้าที่นี้ได้ ต้องเป็นส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะมีความเชื่อมโยงกับประชาชน
"สิทธิชัย" ปลุกกระแสรักชาติ ถอน "ทีโอที-กสท" พ้นตลาดหุ้น
เว็บไซต์แนวหน้า : นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที ) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมการประชุมครม. ถึงแนวคิดการยกเลิกการนำการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) แปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ว่า 2 หน่วยงานนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงจึงไม่เหมาะสมที่เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเท่ากับเอาสมบัติของชาติไปขายให้เอกชนและการควบคุมจะเป็นไปอย่างลำบาก
นายกฯสั่งทุกกระทรวงคุมค่าใช้จ่ายงบปี"51 คงขาดดุล 1.2 แสนล้าน
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น : หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมพิจารณากรอบงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในวันนี้ ได้พิจารณา 2 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วยการติดตามตัวเลขการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2550 ประมาณการ ณ สิ้นเดือนมีนาคม พบว่ามีตัวเลขการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 579,881 ล้านบาท ของกรอบงบประมาณ 665,009 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเบิกจ่ายจริง 37.02% น้อยกว่ากรอบงบประมาณถึง 42.46%
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2551 ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลได้วางไว้ โดยคำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณแบบเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใส ประหยัด และเป็นธรรม ซึ่งกระทรวงต่าง ๆ ได้เสนอกรอบ และโครงการต่าง ๆ ที่จะจัดทำโครงการใช้จ่ายงบประมาณในปี 2551 ซึ่งเมื่อรวมวงเงินงบประมาณที่ขอมาทั้งสิ้นคิดเป็นวงเงินถึง 2.08 ล้านล้านบาท สูงกว่ากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่จัดทำไว้ 1,635,000 ล้านบาท หรือมีการของบประมาณเบิกจ่ายสูงกว่ากรอบวงเงินงบประมาณ 452,496 ล้านบาท
สำหรับการจัดทำกรอบงบประมาณในปี 2551 ที่สำนักงบประมาณเสนอมามีรายละเอียดประกอบด้วยการจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายภายใต้การประมาณการว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 5% โดยมีอัตราเงินเฟ้อ 3% ซึ่งมีกรอบงบประมาณรายจ่ายวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,635,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2550 จำนวน 68,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.4%
งบประมาณรายจ่ายดังกล่าวแบ่งเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 1,166,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีงบประมาณ 2550 งบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนจำนวน 416,925 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2550 กว่า 11.3% งบประมาณรายจ่ายชำระคืนเงินกู้จำนวน 51,747 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 กว่า 6.7%
นอกจากนี้ มีการประมาณการของรายได้สุทธิกรอบงบประมาณปี 2551 อยู่ที่ 1,515,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้สุทธิปี 2550 จำนวน 95,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.7% ทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2551 เป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลในวงเงิน 120,000 ล้านบาท โดยการขาดดุลจะคำนึงถึงยอดหนี้สาธารณะไม่เกิน 50% ของจีดีพี
"โบ๊เบ๊" ถึงขีดสุดเตรียมบุกทำเนียบฯ
นางสดศรี สมพันธ์ หนึ่งในตัวแทนผู้ค้าโบ๊เบ๊ เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 20 มี.ค.นี้ ผู้ค้าโบ๊เบ๊ได้กำหนดจะเดินทางไปประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นการประท้วงแบบสันติ ถือป้าย แสดงความเดือดร้อนของผู้ค้า และเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้สังคมและผู้มีอำนาจได้รับรู้ว่าปัญหาของโบ๊เบ๊และความเดือดร้อนของผู้ค้ายังอยู่ และผู้ค้ายังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อเรียกร้องความถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย
กองทุนหมู่บ้านปราจีนฯล่มสลาย
เว็บไซต์สยามรัฐ : นายประจวบ ตันโป๊ย อายุ 49 ปี ประธานตรวจสอบด้านการเงินโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และคณะกรรมการหมู่บ้านบ้านโนนหมู่ที่ 8 ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า จากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานตรวจสอบด้านการเงินโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองบ้านโนน กลางเดือน ก.พ. 50 และพบว่า โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองบ้านโนน มีปัญหาในการดำเนินโครงการฯ กล่าวคือ นับตั้งแต่ปี 2545 - 2548 มีการปล่อยเงินกู้ยืมแก่สมาชิกรวม 212 ราย สมาชิกไม่ส่งเงินคืนสูงถึง 74 ราย จนปัจจุบันหยุดชะงักไม่สามารถปล่อยชำระเงินกู้โครงการฯได้ จากจำนวนยอดเงินต้นที่รัฐบาลส่งมอบให้ 1 ล้านบาทเหลือเงินในปัจจุบันเพียง 320,000 บาทเศษ เท่านั้นจึงไม่สามารถดำเนินการยื่นจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้