นศ.ชาติพันธุ์ มรช.เข้ายื่นหนังสือถึง "เสน่ห์ จามริก" แฉถูกละเมิดสิทธิซ้ำซาก ในขณะที่ ประธาน กสม.ย้ำถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาไทยและปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
วันนี้ (23 มีนาคม) ที่โรงแรมดิเอมเพลส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 รุ่นที่ 1 สาขา ชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จำนวน 15 คน นำโดยนายสุรพจน์ มงคลเจริญสกุล ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เพื่อขอให้พิจารณาปัญหาอย่างเร่งด่วนและช่วยหามาตรการป้องกัน เนื่องจากที่ผ่านมานักศึกษาได้ยื่นหนังสือเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแล้ว ปรากฎว่ายังมีการละเมิดสิทธิซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก
ตามที่นักศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ลัวะ ปกาเกอญอ ลีซู ลาหู่ ดาราอ้างชั้นปีที่ 1 รุ่นที่ 1 ของสาขา ชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มรช.ได้เข้าร้องเรียนต่อคุณสุนีย์ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาจากนั้นราว 1 เดือน กลุ่มนักศึกษาได้ลงไปยื่นหนังสือขอทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ปัญหานักศึกษาชาติพันธุ์ต่อคณะอนุกรรมการด้านสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และตัวแทน กสม. โดยมีคุณหญิงอัมพร มีศุข นางสาวนัยนา สภาพึ่ง และนายเอกชัย ปิ่นแก้ว มารับหนังสือและทำบันทึกชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้บริหารสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษาไว้
โดยในการร้องเรียนนั้น ได้ชี้แจงให้เห็นปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนใน 3 ประเด็นหลัก คือ การหลอกลวง การล่วงละเมิดทางเพศ และการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต นอกจากนี้ในบันทึกชี้แจงดังกล่าว ยังได้กล่าวถึง การที่กลุ่มนักศึกษาถูกข่มขู่จากนิติกรมหาวิทยาลัยให้ไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงที่มหาวิทยาลัยตั้งขึ้น โดยทางนิติกรกล่าวว่า ถ้ากลุ่มนักศึกษาไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดทางวินัยและจะไม่รับรองความปลอดภัย
นายสุรพจน์ มงคลเจริญสกุล นักศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มรช.กล่าวว่า หลังจากวันนั้นมา ทางกลุ่มนักศึกษายังต้องเผชิญหน้ากับการละเมิดสิทธิซ้ำด้วยการตกเป็นจำเลย ผู้ถูกกระทำจากบุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายในหลายรูปแบบ
"ตลอด 1 ปีการศึกษาที่ผ่านมา พฤติกรรมการล่วงละเมิดสิทธิของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ ก็ทำให้นักศึกษาและครอบครัวของพวกเราที่อยู่บนภูเขาได้รับความบอบช้ำทางจิตใจและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจมากพออยู่แล้ว แต่การเรียกร้องให้แก้ไขปัญหานี้กลับยิ่งทำให้พวกเราต้องเผชิญกับการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิซ้ำจากมหาวิทยาลัยที่เป็นสถานบันการศึกษาของพวกเราอีก ทางพวกเราจึงขอให้ท่านอาจารย์ในฐานะประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติช่วยพิจารณาปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและช่วยหามาตรการป้องกันการละเมิดสิทธินักศึกษาชาติพันธุ์ซ้ำด้วย"
ด้านนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวภายหลังได้รับหนังสือร้องเรียน ว่า ได้รับทราบข้อมูลเรื่องของนักศึกษามาระดับหนึ่งแล้ว จากนี้ไปจะเร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องของนักศึกษา เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่เกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาไทยและปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ ตัวแทนนักศึกษาชาติพันธุ์ ยังได้มอบเอกสารข้อมูล กรณีที่กลุ่มนักศึกษายังต้องเผชิญหน้ากับการละเมิดสิทธิซ้ำด้วยการตกเป็นจำเลย ผู้ถูกกระทำจากบุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายในหลายรูปแบบ ดังนี้
1.ผู้อำนวยการวิทยาลัยนานาชาติภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ในฐานะผู้ที่รับผิดชอบดูแลนักศึกษาในสาขานี้หลังจากที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมีคำสั่งยุบสถาบันชาติพันธุ์ฯ (26 กุมภาพันธ์ 2550)ได้กล่าวตำหนิกลุ่มนักศึกษาที่ขอเข้าพบเพื่อถามถึง การแก้ไขปัญหาและอนาคตของตนเอง ในวันที่ 3 มีนาคม 2550 ณ อาคารสถาบันฯว่า กลุ่มนักศึกษาเป็นผู้ที่เรียกร้องเรื่องประโยชน์ส่วนตน ทำลายชื่อเสียงมหาวิทยาลัย และมอบเอกสารหลักสูตรให้นักศึกษาไปอ่านเพื่อพิจารณาตัวเองว่า จะเรียนต่อไป หรือไม่
2.อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันที่ 6 มีนาคม 2550 โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
-ตั้งแต่เกิดปัญหานี้มา ท่านยังไม่เคยพบนักศึกษากลุ่มที่ร้องเรียนเลย
-มีกลุ่มบุคคลแอบอ้างว่า เป็นนักศึกษาชาติพันธุ์ชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมาเรียกร้อง และยื่นหนังสือคำร้องให้ท่านแล้ว แต่ไม่ได้เซ็นต์ลงนาม เมื่อทางมหาวิทยาลัยฯ ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงๆ ได้เรียนเชิญนักศึกษาทั้ง 15 คนมาพบ แต่นักศึกษาไม่ยอมลงรายชื่อที่จะยืนยันคำร้อง และยังไม่ยอมที่จะยื่นข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม
-กรณีล่วงละเมิดทางเพศ กลุ่มที่ร้องเรียนยังไม่มาให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายที่จริงเป็นอย่างไร
-ทางมหาวิทยาลัยได้ดูแล "ทุนการศึกษา" ให้กับนักศึกษาชาติพันธุ์ทั้ง 15 คนแล้ว และมหาวิทยาลัยมีภาระต้องดูแลนักศึกษาชาติพันธุ์ 500 กว่าคน ไม่ได้มีแค่กลุ่มนี้
ก่อนจบการแถลงข่าว ท่านกล่าวว่า สิ่งนี้เป็นข้อเท็จจริงและความเป็นจริงที่ต้องช่วยกันตีแผ่ หลังจากนั้นทางมหาวิทยาลัยได้จัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ "ก้านบัว" ฉบับซัมเมอร์ ประจำวันที่ 7-9 มีนาคม 2550 จำนวน 2,000 ฉบับแจกจ่ายไปทั่วมหาวิทยาลัย และมีการลงในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยด้วย
กรณีเรื่องการเข้าพบ ดร.มาณพ ภาษิตวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายนั้น นักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ เคยเข้าพบอธิการบดี เมื่อวัน ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 ณ บ้านพักท่านอธิการบดี ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อให้ข้อมูลปัญหาอันเกิดจากพฤติกรรมของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ และมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ท่าน 3 ชิ้น ท่านเองยังแนะนำให้นักศึกษาทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาถึงท่านโดยตรง และกล่าวว่า การร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิฯ เป็นสิทธิของนักศึกษา แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่รู้ข้อเรียกร้อง จะทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ ต้องรอให้คณะกรรมการสิทธิฯ ทำหนังสือมาถึงมหาวิทยาลัยก่อน
เนื่องจากกลุ่มนักศึกษารู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงไม่ได้เซ็นลงนามด้วยรายมือชื่อในหนังสือร้องเรียน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่รับหนังสือของมหาวิทยาลัยก็ได้กล่าวติเรื่องนี้และมีการลงทะเบียนรับหนังสือเอาไว้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมากลุ่มนักศึกษาก็ปรากฎตัวต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ใช่ "กลุ่มที่แอบอ้าง" แต่อย่างใด
และการเชิญนักศึกษาของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง โดยให้นิติกรมหาวิทยาลัยฯ โทรศัพท์มาล่วงหน้า 1 วันเพื่อเรียกนักศึกษาเข้าไปสอบปากเปล่าทีละคน อีกทั้งยังมีการพูดจาข่มขู่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ ทางกลุ่มนักศึกษาจึงทำ หนังสือที่พิเศษ 2/2550 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 ยื่นถึง อธิการบดีเพื่อขออนุญาตไม่เข้าชี้แจง อย่างไรก็ตาม วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 ตัวแทนนักศึกษาได้เข้าไปพบกับคณะกรรมการฯ เพื่อเจรจาและคณะกรรมการก็ไม่ได้แจ้งให้นักศึกษาแต่ละคนเซ็นต์ยืนยันคำร้องในหนังสือแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีการพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมกับท่านประธานคณะกรรมการฯ อยู่เป็นเวลานาน
นอกจากนี้แล้ว ยังได้มีการให้รายละเอียดของการลวนลาม ล่วงละเมิด และส่อเค้าว่าจะเกิดปัญหาการเรื่องเพศกับผู้เสียหายที่เป็นอดีตนักศึกษา เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาปัจจุบัน รวมทั้งเอกสารบางชิ้นกับท่านอธิการบดีแล้ว ท่านยังแนะนำให้ผู้เสียหายทำหนังสือถึงท่านโดยตรง และในหนังสือพิเศษฉบับที่ 2/2550 กลุ่มนักศึกษาก็ได้แจ้งให้ท่านทราบว่า ผู้เสียหายบางคนเลือกที่จะใช้สื่อมวลชนเป็นช่องทางในการร้องเรียน
และกรณีการชี้แจงของอธิกาบดี มรช. เรื่อง "ทุนการศึกษา" ของนักศึกษาชาติพันธุ์นั้น เป็นการนำข้อมูลเก่าที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการนักศึกษาของสถาบันชาติพันธุ์ฯ ทำมาแก้ไขข้อมูลใหม่ จนกลายเป็นข้อมูลที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)