ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเพื่อนพ้องน้องพี่พนักงานไอทีวี "ทีวีเสรี" ในชะตากรรมที่ท่านได้รับ และแม้จุดประสงค์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งนี้จะเลิศหรูอุดมคติเพียงใด แต่พนักงานเหล่านี้คือเหยื่อที่มีชีวิตเลือดเนื้อจากความล้มเหลวในการสร้างทีวีเสรีของสังคมไทยที่จับต้องได้และต้องได้รับการเยียวยาด้วยค่าชดเชยที่เป็นธรรม และเร่งด่วน
บทสรุปของไอทีวีที่ลงเอยด้วยการ "ถอดปลั๊ก" จอมืด เหมือนไม่เคยมีทีวีช่องนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่ฟ้องถึงสถานการณ์สื่อสารมวลชนบ้านเรา ให้มีสภาพย้อนกลับไปเมื่อสิบปีเศษในยุคก่อนที่ไม่มีไอทีวี ยังทำให้เห็นด้วยว่า สังคมไทยยังไม่มีสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดทีวีเสรีได้จริง
แม้ในช่วงของการก่อตั้ง การเริ่มต้นที่ผิดด้วยการเรียกค่าสัมปทานที่สูง ก็ทำให้ทีวีแห่งนี้กลายเป็นทีวีที่ต้องแสวงหากำไรชดเชยค่าสัมปทาน และ "สาระ" ก็มักจะเป็นสิ่งที่ขายไม่ได้หรือไม่ทำกำไรเสมอ
เหตุนี้ความพยายามดิ้นรนในการแก้ไขสัญญาสัมปทาน จึงบังคับให้ทีวีแห่งนี้ต้องโดดเข้าสู่วังวนการเมือง และกลายเป็นเครื่องมือให้กับทุนยักษ์ใหญ่ที่ทำงานการเมืองอย่างตระกูลชินวัตรไปในที่สุด
น่าสนใจที่ว่า เรื่องการอยู่หรือไปของไอทีวีเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ หรือเป็นเรื่องตัวบทกฎหมายว่าด้วยสัญญาทางแพ่งล้วนๆ
น่าสนใจว่า หากสถานีนี้เกิดขึ้นในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังได้รับความนิยมสูง และไม่มีปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง เช่น เมื่อ 4-5 ที่แล้ว ไอทีวีจะมีปัญหาอย่างที่ต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้หรือไม่
หากเชื่อว่า การตัดสินของศาลปกครองที่มีต่อผลของคณะอนุญาโตตุลาการยังคงเป็นเช่นเดิมไม่ว่าจะรัฐบาลไหน ก็ยังต้องถามต่อไปว่า กระบวนการหลังคำพิพากษาของศาลจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ เช่น เราอาจจะคาดเดาได้ว่า การอนุญาตให้ผ่อนชำระจะเกิดขึ้น แทนที่จะยกเลิกสัญญาและจอต้องมืดลงอย่างที่เป็นอยู่
ในแง่นี้แล้ว ไอทีวี จึงก่อตั้งด้วยเจตนารมณ์อย่างหนึ่ง แต่อยู่มาด้วยการเมือง และไปด้วยการเมือง
ในแง่นี้แล้ว บทเรียนจากไอทีวี จะมากจะน้อย น่าจะได้ทำให้ "เจ้าของสื่อ" ในปัจจุบันได้ตระหนักถึงการจัดวางความสัมพันธ์ระหว่าง ธุรกิจ ความเป็นมืออาชีพ และการเมือง
มีแต่การวางบทบาทองค์กรให้ทำหน้าที่สมวิชาชีพสื่ออย่าซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ยึดหลักการ ไม่เอียงเข้าหาผลประโยชน์ทางการเมือง (อย่างที่เห็นอยู่ดาษดื่นในหลายค่ายหลายสำนักในปัจจุบัน) จึงจะเป็นปราการสร้างความมั่นคงให้สื่อ
ไม่เช่นนั้น พนักงานนั่นเองที่จะตกเป็นเหยื่อก่อนใคร
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)