ประชาไท - 3 เม.ย. 2550 วันนี้ (2 เม.ย.) นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อาจารย์ประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่งจดหมายอีเล็คทรอนิกส์ หัวข้อเรื่อง Siam not Thailand ระบุส่งถึง กัลยาณมิตร และสื่อมวลชน เรื่อง ขอให้ลงชื่อเรียกร้องให้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับพุทธศักราช 2550 โดยใช้ชื่อประเทศว่า "สยาม" แทน "ไทย" (Siam not Thailand) เพื่อให้สอดคล้องกับ "ความเป็นจริง" ทางเชื้อชาติ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม และตรงตาม "ข้อมูล" ทางประวัติศาสตร์ เขาจึงเห็นเป็นการสมควรที่จะให้ใช้นามประเทศในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 นี้ว่า "สยาม" และ
โดยในตอนท้ายของจดหมาย นายชาญวิทย์ ระบุว่า หากผู้ใดเห็นชอบด้วยขอให้ส่งความเห็น หรือรวบรวมความเห็น รายชื่อ หมู่คณะเสนอโดยตรงต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ส.ส.ร. พรรคการเมืองและองค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือจะเสนอผ่านมายังเขาเพื่อรวมรวมส่งอีกครั้งหนึ่งก็แล้วแต่จะเห็นควร
เรื่อง ขอให้ลงชื่อเรียกร้องให้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับพุทธศักราช 2550 โดยใช้นามประเทศว่า "สยาม" แทน "ไทย" (
เรียน กัลยาณมิตร และสื่อมวลชน
(1) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 รัฐบาลในสมัยนั้นได้ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" เป็น "ไทย" และจาก
(2) รัฐบาลสมัยนั้นให้เหตุผลทาง "เชื้อชาตินิยม" ว่า "รัฐบาลเห็นสมควรถือเป็นรัฐนิยมให้ใช้ชื่อประเทศ ให้ต้องตามชื่อเชื้อชาติและความนิยมของประชาชน"
(3) เหตุผลที่รัฐบาลในสมัยนั้น ยกขึ้นมาอ้างว่าด้วยเชื้อชาตินั้น ไม่ถูกต้องตาม "ความเป็นจริง" และ "ข้อมูล" ทางประวัติศาสตร์
(4) ประชาชนที่ประกอบกันขึ้นเป็นพลเมืองของประเทศของเรานั้น มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม มีทั้งไทย ลาว มอญ เขมร กูย แต้จิ๋ว กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ไหหลำ แคะ จาม ชวา มลายู ซาไก มอแกน ทมิฬ เปอร์เซีย อาหรับ ฮ่อ พวน ไทใหญ่ ไทดำ ผู้ไท ขึน เวียด ยอง ลั๊วะ ม้ง เย้า กะเหรี่ยง ปะหล่อง มูเซอร์ อะข่า ขะมุ มลาบรี ชอง ญากูร์ ฝรั่ง (ชาติต่างๆ) แขก (ชาติต่างๆ) ฯลฯ ฯลฯ
(5) รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ก็ใช้นามประเทศว่า "สยาม" และในการร่างรัฐธรรมนูญอีกหลายครั้ง ก็ได้มีการอภิปรายในประเด็นที่จะเปลี่ยนนามประเทศเป็น "สยาม" อีก เช่น ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2492 และฉบับ 2511 เป็นต้น
(6) ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับ "ความเป็นจริง" ทางเชื้อชาติ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม และตรงตาม "ข้อมูล" ทางประวัติศาสตร์ จึงเห็นเป็นการสมควรที่จะให้ใช้นามประเทศในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 นี้ว่า "สยาม" และ Siam สืบไปทั้งนี้เพื่อ "หลักการณ์ของความสมานฉันท์ การยอมรับในความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษาและอัตลักษณ์วัฒนธรรม และประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน" เช่นเรา
(7) หากท่านเห็นชอบด้วยขอให้ส่งความเห็น หรือรวบรวมความเห็น รายชื่อ หมู่คณะของท่านเสนอโดยตรงต่อ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ส.ส.ร. พรรคการเมืองและองค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือจะเสนอผ่านมายังข้าพเจ้า เพื่อรวมรวมส่งอีกครั้งหนึ่งก็แล้วแต่จะเห็นควร
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Charnvit Kasetsiri, Ph.D.
Senior Adviser and Lecturer
Southeast Asian Studies Program
Secretary
Social Sciences and Humanities Textbook Foundation
413/38 Arun-Amarin Road
Bangkok 10700, Thailand
e-mail: charnvitkasetsiri@yahoo.com;
h-pages: http://textbooksproject.com/HOME.html,
http://www.tu.ac.th/org/arts/seas;
662-424-5768, fax. 662-433-8713
คำชี้แจงและบรรยาย เรื่องนามประเทศ "สยาม" เพิ่มเติม
(8) พอถึงปี 2482 รัฐบาลสมัยนั้น ก็เปลี่ยนนามเป็น "ประเทศไทย" และThailand โดยใช้มติ ครม. และประกาศเป็น "รัฐนิยม" แล้วก็ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลา 68 ปี ครับ นับว่าสั้นมากๆๆ เมื่อเทียบกับการใช้ในสม (12) ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับ "หลักการณ์ของความสมานฉันท์ การยอมรับในความหลากหลายทางเชื จึงขอบรรยายมาเพียงเท่านี้ ครับ |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)