3 เม.ย. 2550 วานนี้ (2 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รก.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการและกลุ่มพิราบขาว 2006 ล่ารายชื่อประชาชน 1 แสนชื่อรวมทั้งเปิดเว็บไซต์ เพื่อถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรม ออกจากตำแหน่งองคมนตรี ว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม โดยจะพิจารณาข้อความทั้งหมดและบางข้อความอาจหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นในตัว ซึ่งจะดูภาพรวมทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม หากได้ผลประชุมจากตำรวจสันติบาล เขาจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง และอยากฝากถึงประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อผู้ก่อความไม่สงบ เพราะบ้านเมืองมีกฎหมายมีกติกา รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กำลังพยายามดำเนินการให้มีการเลือกตั้งเพื่อเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว ขอให้อดใจรอ ผู้ใดที่คิดทำอะไรไม่เหมาะสม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สั่งให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยกำชับตำรวจทั่วประเทศให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดเช่นกัน

 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเคลื่อนไหวหากรัฐบาลและ คมช.ไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่รัฐประหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดม็อบชนม็อบว่า หากเป็นเช่นนั้นจะระดมตำรวจนครบาล ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสันติบาล ตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรภาคเข้ามาเสริมกำลัง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย แต่เชื่อว่าไม่มีม็อบชนม็อบ เพราะสัปดาห์นี้ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นตัวแทนเขานัดหมายแกนนำม็อบทุกกลุ่มมาพูดคุย เช่น เรื่องความสงบเรียบร้อย ความเป็นประชาธิปไตย โดยคำนึงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นสำคัญ เพื่อไม่ให้พระองค์ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

 

ชี้ไม่มีกม.คุ้มครองถึงองคมนตรี แต่โดยมารยาทไม่ควรทำ

ต่อมาเวลา 16.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ http://tmctoday.com/vote/vote5450.php=1&category= ได้เปิดให้ประชาชนลงชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนเพื่อถอดถอนประธานองคมนตรีให้พ้นจากตำแหน่ง โดยจะรวบรวมรายชื่อให้ครบ 1 แสนคน และนำไปยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ ในวันที่ 5 เม.ย. 2550

 

พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (บช.ส.)ได้พิจารณากรณีดังกล่าวเห็นว่าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้บัญญัติว่าผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมุ่งหมายที่จะให้ความคุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น มิได้บัญญัติคุ้มครองไปถึงประธานองคมนตรีแต่อย่างใด

 

พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อความปรากฎในหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรมราชานุญาตถวายฎีกานั้น ทางคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อความที่ปรากฏนั้นไม่มีข้อความตอนใด ที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่อย่างใด

 

ผบช.ส. กล่าวว่า สำหรับการเลือก การแต่งตั้ง และการพ้นจากตำแหน่งประธานองคมนตรีและองคมนตรีอื่นๆ นั้น รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 มาตรา 4 วรรค 2 บัญญัติให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ดังนั้นพฤติการณ์และการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนประธานองคมนตรี จึงเป็นการกระทำที่มิบังควรเพราะอาจเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท อีกทั้งยังก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในหมู่คนไทย ซึ่งทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองจึงขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยง และโดยมารยาทแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมได้มีการนำกรณีดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานตามมาตรา 7 หรือไม่ พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ในคณะกรรมการก็ได้นำกรณีดังกล่าวมาเปรียบเทียบแล้วเห็นว่า มีความคล้ายคลึงกัน แต่กรณีมาตรา 7 ไม่ชัดเจนเท่ากรณีนี้ เนื่องจากกรณีนี้มีรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย แต่อย่างไรก็ตาม กรณีทั้งสองก็ไม่ควรกระทำ

 

จวกล่ารายชื่อถอดถอนป๋า สร้างความแตกแยก

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ของกลุ่มผู้ชุมนุมคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการว่า ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ เป็นคนที่คิดไม่ดี และเป็นผู้ที่สร้างปัญหาให้เกิดความแตกร้าวในหมู่ประชาชนด้วยกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเบื้องสูง ไม่ควรจะยุ่งและทำไม่ได้ด้วย เพราะเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ การกระทำเช่นนี้จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง จึงขอเตือนว่า ไม่ควรจะทำอย่างยิ่ง จะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมายคงไม่ได้ แต่ถ้ายังยืนยันที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คงต้องมาพิจารณาเจตนากันอีกครั้ง

 

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขู่จะออกมาชุมนุม เพื่อแสดงความไม่พอใจในการบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการตรวจสอบการทุจริตของอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายอารีย์ กล่าวว่า เป็นสิทธิที่แต่ละฝ่ายจะออกมาเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มสถานีโทรทัศน์ พีทีวี แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตและไม่จาบจ้วง หากเกินขอบเขต คงต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ

 

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตักเตือนและปรามบุคคลที่ออกมารวบรวมรายชื่อ และวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรี รวมถึงขอให้ตรวจสอบข้อความตามเว็บไซต์อย่างเข้มงวด เนื่องจากเข้าข่ายละเมิดประมวลกฎหมายอาญา ในประเด็นการละเมิดพระราชอำนาจ การก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ความแตกแยกของคนในชาติ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

นอกจากนี้ กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ควรแจ้งต่อกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อเป็นมาตรการในการขออนุญาตใช้สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นลานคนเมือง หรือท้องสนามหลวง ว่าห้ามมีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันองคมนตรี ไม่เช่นนั้นต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย หรือถึงขั้นยกเลิกการชุมนุม

 

เชื่อพันธมิตรออกมาเคลื่อนไหว ไม่วุ่นวายเหมือนก่อนรัฐประหาร

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รองประธาน คมช.ให้สัมภาษณ์กรณีที่กลุ่มฅนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการเปิดเว็บไซต์ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อปลด พล.อ.เปรม ออกจากตำแหน่งว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะไปทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร แต่บางครั้งเขาก็ลืมเมื่อมีคนเตือนสติแล้ว เดี๋ยวก็คงจะคิดได้และไม่ดำเนินการอย่างนี้อีก

 

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาลและ คมช.อีก จะเป็นเหตุให้สถานการณ์วุ่นวายเหมือนก่อนเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 หรือไม่ รองประธาน คมช.กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่กลับไปเหมือนตอนนั้น และที่เชื่อเช่นนั้นก็เพราะหากเราได้พูดคุยและรับฟังกันอย่างมีเหตุมีผลกับผู้ที่ควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง ก็จะไม่มีอะไรที่จะมากระทบกระทั่งกัน ส่วนกรณีที่นายกฯ ระบุว่า จะมีการพูดคุยกับแกนนำกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะเป็นเวลาใดนั้น ยังไม่ทราบแต่ในการประชุม คมช.วันที่ 3 เมษายน ก็จะมีการพูดคุยกัน

 

ต่อข้อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่มีคนออกมาโจมตี พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ถือเป็นธรรมชาติ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องพยายามสร้างชื่อเสียงผลงานและบทบาทของแต่ละคน เพราะอีกไม่นานประมาณ 4 -5 เดือน ก็จะมีการเลือกตั้งแล้วจึงต้องการหวังผลเพื่อเตรียมเลือกตั้ง

 

นครบาลรับลูกพร้อมดำเนินคดีผู้ชุมนุมลงชื่อขับไล่ป๋า

พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ฝ่ายสอบสวน กล่าวว่า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดเข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ลงชื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม แต่หากมีการแจ้งความพนักงานสอบสวนก็พร้อมดำเนินการไปตามขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมาไม่น่ามีปัญหาอะไร

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการตามความผิดข้อหาหมิ่นประมาทและจาบจ้วงเบื้องสูงนั้น บช.น.มีคณะทำงานทำหน้าที่ตรวจสอบและเก็บรวบรวมหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง โดย พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวานิช รอง ผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการสอบสวน เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน กรณีความผิดโดยนำคำกล่าวปราศรัยของแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ที่โจมตี พล.อ.เปรม ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายในช่วงที่ผ่านมา ที่บันทึกไว้ได้จากเทปเสียงและภาพวิดีโอว่ามีข้อความใดเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ เพื่อเตรียมการดำเนินคดี และหากมีคำสั่งจาก ผบช.น.ให้ดำเนินการกับผู้ลงชื่อถอดถอน พล.อ.เปรม ด้วย คณะทำงานดังกล่าวก็พร้อมดำเนินการทันที เพราะมีการประสานข้อมูลกับตำรวจสันติบาลอยู่แล้วตลอดเวลา

 

ปชป.ติงสันติบาลเพิ่งขยับ

นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวเปิดเว็บไซต์ล่ารายชื่อ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้ปลด พล.อ.เปรม ว่าการแต่งตั้งหรือการให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ดังนั้น แม้ผู้ที่เคลื่อนไหวจะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่สามารถทำได้ แต่ไม่สมควรนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันเห็นว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการรักษาความสงบของบ้านเมืองกลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ถือว่าทำงานอ่อนแอ ล่าช้า ใช้ไม่ได้ จึงขอเรียกร้องไปยังบุคคล 2 กลุ่ม คือฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว และฝ่ายที่รักษากฎหมายต้องเร่งทำอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น

 

"ที่ตำรวจสันติบาลบอกว่า ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาว่า การเคลื่อนไหวถวายฎีกาให้ปลด พล.อ.เปรม เข้าข่ายผิดกฎหมายในประเด็นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่นั้น ผมคิดว่าช้าเกินไป เพราะมีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราอย่างเด็ดขาด" รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

 

ปชท.เร่งตำรวจจัดการม็อบระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ขณะเดียวกัน นายสนธิญา สวัสดี กรรมการบริหารและรองโฆษกพรรคประชากรไทย และนายประจักษ์ สัตย์ซื่อ กรรมการพรรคประชากรไทย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สอาด การลพ พนักงานสอบสวน (สบ 2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมกลุ่มผู้ชุมนุมล่ารายชื่อถอดถอน พล.อ.เปรม

นายสนธิญา กล่าวว่า เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงอยากให้กองปราบปรามยุติการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบและสมานฉันท์ อย่างไรก็ตาม การล่ารายชื่อของกลุ่มบุคคลต่างๆ หากยังไม่ยุติ และมีการลงรายชื่อครบจำนวน 100,000 รายชื่อ ยื่นต่อราชเลขาธิการก็จะถือว่าความผิดสำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวตามรายชื่อทั้งหมดอีกครั้ง

 

กมธ.ยกร่างฯ ร้องเอาผิดเว็บถอดป๋า

วันเดียวกัน นายยศศักดิ์ โกไสยกานนท์ อายุ 38 ปี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ตำแหน่งนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอนุกรรมการพนักงานเจ้าหน้าที่ดำรงผู้ทรงคุณวุฒิในการตรวจสอบหุ้นชิน เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เปิดเว็บไซต์ tmctoday.com ในฐานทำให้ พล.อ.เปรม เสื่อมเสียชื่อเสียง ในการล่าชื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งและสั่งปิดเว็บภายใน 3 วัน ให้ค้นหาว่าใครเป็นเจ้าของเว็บไซต์นี้และติดตามตัวมาดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นจะร้องทุกข์ไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอ ซึ่งต้องการที่จะลดกระแสกดดันในการเมืองของกลุ่มที่เคลื่อนไหวประท้วง ซึ่งหากมีหลอกลวงประชาชนสำเร็จจะเกิดผลกระทบกับ คมช." นายยศศักดิ์ กล่าว

 

พีทีวีฟ้อง "สนธิ-เว็บ ผจก.-อลงกรณ์" แฉ ขบวนการดึงฟ้าต่ำ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด และผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี และนายจักรภพ เพ็ญแข ตัวแทนผู้ผลิตรายการ เข้าพบ พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม รอง ผบก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เว็บไซต์ผู้จัดการ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับการล่ารายชื่อถอดถอน พล.อ.เปรม

 

นายจตุพร กล่าวว่า นายสนธิได้พูดพาดพิงถึงเขาในรายการยามเฝ้าแผ่นดินระบุว่า มีอดีตนายทหารรับจ้างของอิสราเอลซึ่งเป็นคนไทยชื่อ นายเอนก ชัยชนะ ได้พูดจาหมิ่นเบื้องสูง โดยระบุว่าชายคนดังกล่าวสนิทสนมกับเขาทั้งที่ในความเป็นจริงในชีวิตนี้เขาไม่รู้จัก ไม่เคยพบเจอชายคนนี้มาก่อน

 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาคือกรณีเว็บไซต์ผู้จัดการเสนอข้อมูลว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ลงชื่อในลำดับที่ 2,467 ร่วมกับกลุ่มฅนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการเพื่อถอดถอน พล.อ.เปรม แต่ต่อมาได้ถอนชื่อออก โดยข้อมูลนี้ยังถูกนำไปเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง

 

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พีทีวีจะยังคงชุมนุมกันต่อไป ในวันที่ 8 เมษายน จะเริ่มการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป และวันดังกล่าวจะมีรายละเอียดมากกว่าครั้งที่ผ่านมาโดยจะเป็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่มีการปฏิวัติเป็นต้นมา

 

เมื่อถามว่าการชุมนุมแต่ละครั้งมักมีการพาดพิงถึง พล.อ.เปรม เมื่อเป็นเช่นนี้จะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า พีทีวีไม่เคยกล่าวโจมตีใดๆ ต่อ พล.อ.เปรม เพียงแต่อธิบายความว่าข้อกล่าวหาว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจนั้นคือ นายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรที่ให้สัมภาษณ์หนังสืออิมเมจ ฉบับเดือนธันวาคม หากต้องการจะไล่ต้อนก็ต้องไปไล่เอาจากนายสุริยะใส

 

ด้านนายจักรภพ กล่าวว่า ขณะนี้ดูเหมือนว่าจะมีขบวนการใหม่เกิดขึ้นในบ้านเมือง เขาอยากใช้คำว่าขบวนการดึงฟ้าต่ำ เพราะว่าเป็นขบวนการที่เมื่อประสบความล้มเหลวในการวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่มีความหลากหลายแล้วก็จะหันกลับไปใช้แนวทางเดิมที่เคยใช้ คือ ทำให้เกิดความคิด ความเข้าใจว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นมีลักษณะหมิ่นเบื้องสูง

 

 

 

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ และเว็บไซต์คมชัดลึก