ข้าราชการ นักการเมือง และนายทหารหลายคณะเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อรดน้ำขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ ป๋าวอนขอให้คนไทยเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง เชื่อคนไทยมีความยุติธรรม คุณธรรม จริยธรรม

ประชาไท- 12 เม.ย. 2550 - ในวันนี้มีข้าราชการ นักการเมือง และนายทหารหลายคณะเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อรดน้ำขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์

รอบเช้า รมต.มหาดไทย และคณะนายทหารม้าเข้าพบ

โดยเมื่อเวลา 09.30 น. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำอธิบดีและคณะข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยเข้าขอพรและรดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

พล.อ.เปรม กล่าวให้พรว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ยังระลึกถึงกัน หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยคือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ขออวยพรให้พวกท่านทำหน้าที่ให้สำเร็จตามความมุ่งหมาย ปีใหม่ไทยนี้ขอให้พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองให้ปลอดภัย ดลบันดาลให้สำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ ปกป้องให้ปลดจากความทุกข์ ประสบความสุขทั้งส่วนตัวและส่วนรวม

โอวาท "ป๋า" บอก "ทรงกิตติ" เป็นเสธ.ทหารน่าจะช่วยเหลือวางแผนโครงการช่วยประเทศชาติ

ต่อมา พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร นำคณะนายทหารม้าเข้าขอพร โดย พล.อ.เปรม กล่าวโอวาทว่า หน้าที่ของทหารมีบัญญัติไว้ แต่ขณะนี้หน้าที่สำคัญที่สุดคือ การตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณต่อเรา ไม่ว่าจะเป็นสถาบันและชาติบ้านเมือง เพราะขณะนี้ชาติกำลังทวงบุญคุณเราอยู่ ต้องเข้าใจเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ต้องทำในสิ่งที่เราสัญญาไว้กับชาติบ้านเมืองว่า เราจะรักษายิ่งชีวิต

"ทรงกิตติ เป็นถึงเสนาธิการทหาร น่าจะช่วยเหลือวางแผนโครงการต่าง ๆ ช่วยประเทศชาติได้ เท่านั้นยังไม่พอ เรายังมีหน้าที่เสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติบ้านเมือง ใครที่เข้าใจเราผิด ก็ต้องทำให้เขาเข้าใจว่า เราเป็นชายชาติทหาร เรื่องส่วนตัวเราไม่เคยคิด เราคิดเรื่องส่วนรวมเป็นหลัก ใครที่เข้าใจผิด เราต้องชี้แจง พวกเราโตมาเป็นถึงระดับนายพัน นายพลกันแล้ว ไม่ต้องชี้แจงอะไรมาก เป็นทหารต้องสำนึกในหน้าที่ ต้องยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม" ประธานองคมนตรี กล่าว

คิวบ่ายสามที่สโมสรทหารบก นายกรัฐมนตรี ประธาน คมช. นายทหารเหล่าทัพ ผบ.ตำรวจครบ

ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่สโมสรทหารบก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เข้าร่วมงานพิธีรดน้ำและขอรับพร เนื่องในวันเทศกาลสงกรานต์ โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคุณหญิงจิตราวดี จุลานนท์ ภริยานายกรัฐมนตรี พล.อ.พงษ์เทศ เทศประทีบ เลขานุการนายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีพร้อมนายทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวม 100 คน

ซึ่งในระหว่างนั้นมีผู้ชุมนุมในนามศูนย์ข่าวสารกิจกรรมนักศึกษา [SAIR] มาประท้วงเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรีมาเล่นกลางเมืองแทนการอยู่เบื้องหลัง โดยถือป้ายผ้าและแจกเอกสารบริเวณถนนศรีอยุธยาด้วย (อ่านข่าวประกอบ)

สุรยุทธ์ปลาบปลื้ม พล.อ.เปรม สุขภาพแข็งแรง ยืนยันมุ่งมั่นปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติ

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนพร้อมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คณะนายทหารจากทุกเหล่าทัพ และตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีความรู้สึกปิติยินดีที่ได้มีโอกาสมาแสดงความปรารถนาดีด้วยความเคารพรักและจริงใจ ตนมีความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประจักษ์ว่า ฯพณฯ ท่านมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง พวกตนทุกตนที่มาชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้มีความภาคภูมิใจและตระหนักดีถึงอุดมการณ์ของท่านที่ได้มุ่งมั่นเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง รวมทั้งประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นที่เคารพรักและนับถือของพี่น้องระชาชนส่วนใหญ่

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าจะมุ่งมั่นปฏิบัติงานเพื่อความรักความสามัคคี ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคม และจะน้อมนำนโยบายที่สำคัญ ไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถรวมทั้งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งมั่นคงและด้วยความซื่อตรงเที่ยงธรรมสมกับความมุ่งมั่นที่ได้ปณิธานไว้ว่าเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนตลอดไป

จะนำความสงบสุขสู่บ้านเมือง ให้คนไทยโดยพร้อมเพรียงเข้าใจ ระบุมีส่วนน้อยที่ไม่เข้าใจป๋า

จากนั้น พล.อ.เปรม กล่าวให้พรก่อนรดน้ำว่า ถ้าเป็นสมัยก่อนที่บ้านเมืองยังสงบสุข เราก็มาแลกเปลี่ยนพรกัน ผู้น้อยต้องมาขอพรผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ก็ให้พรผู้น้อยและยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขกันตามประเพณี แต่ตอนนี้ไม่เหมือนก่อน บ้านเมืองเรามีปัญหา

จากนั้น พล.อ.เปรม ได้ถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวต่อว่า วันนี้จะขอพูดให้มากหน่อย ที่จริงเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ เรากำลังทำอยู่ และพัฒนาก้าวหน้าไป ด้วยความมั่นใจ แต่ยังมีผู้คนบางส่วนไม่ค่อยเข้าใจ แอ้ด (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) วันนี้ต้องขอเรียกชื่อเป็นญาติพี่น้องกัน เพราะเป็นวันสงกรานต์ แอ้ดซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี สนธิ (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน) ซึ่งเป็นประธาน คมช. และบรรดาพวกเราทั้งหลาย ทั้งที่เป็น คมช. และนายทหารจากเหล่าทัพต่างๆ รวมทั้งตำรวจ ต่างพยายามอย่างยิ่งที่จะนำความสงบมาสู่ชาติบ้านเมืองของเรา

"เราได้ปฏิญาณตนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระบรมฉายาลักษณ์ว่าเราจะทุ่มเททุกอย่าง เพื่อนำความสงบสุข มาสู่บ้านเมืองของเรา เพื่อทำให้คนไทยพร้อมเพรียงกันที่จะเข้าใจว่า พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ส่วนที่บางคนไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นส่วนน้อย ยังไม่เข้าใจว่าพวกเรากำลังเหน็ดเหนื่อย กำลังมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสงบสุขในชาติบ้านเมือง แต่สิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ และพัฒนาไปได้ด้วยดี แต่สิ่งที่เราค่อนข้องจะทำให้คนอื่นรู้สึกเป็นห่วงและไม่ทันใจ ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจเหมือนกัน" พล.อ.เปรม กล่าว

เท้าความหลังกับ "แอ้ด" ใช้เวลา 8 ปียุติ "เสียงปืนแตก" ใช้เวลานานกว่าบ้านเมืองสงบ

พล.อ.เปรม กล่าวว่า สมัยแอ้ดหรือพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ คงรู้ว่าสมัยที่เราทำงานกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) เราใช้เวลาตั้งแต่วันเสียงปืนแตก พ.ศ. 2512 ที่ภาคอีสาน บ้านนาบัว อ.เรณูนคร จ.นครพนม (วันเสียงปืนแตกที่จริงเป็นวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2508 - ประชาไท) เราทำให้ภาคอีสานมีวันเสียงปืนดับ ไม่มีวันยิงกันแล้วโดยใช้เวลา 8 ปี ดังนั้น งานเช่นนี้เป็นงานที่ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้รู้ว่า อะไรสมควรอะไรไม่สมควร เป็นงานที่เหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ ใช้คนที่มีความรู้ ความสามารถ และยังต้องใช้เวลานานพอสมควรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

ชี้นิ้วไปที่ "เสรีพิศุทธิ์" ก่อนให้กำลังใจ "อย่าท้อถอย ทำให้บ้านเมืองสงบสุข"

ขณะเดียวกัน พล.อ.เปรม ได้ชี้นิ้วมาที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เหรียญรามามาจาก อ.นาแก จ.นครพนม พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ที่พูดและพวกเราเข้าใจ แต่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นงานที่ไม่ใช่ง่ายๆ นึกจะทำให้เสร็จก็เสร็จภายในวันในพรุ่ง เพราะการทำความเข้าใจกับผู้ที่ไม่เข้าใจค่อนข้างยาก แต่สิ่งสำคัญที่อยากพูดซ้ำและเรารู้อยู่แล้วว่า ขอให้ดำรงความมุ่งหมายว่าพวกเราจะทำให้บ้านเมืองสงบสุข ต้องไม่ย่นย่อท้อถอย และต้องไม่น้อยใจ ไม่ท้อใจ ไม่เสียใจว่าลงทุนลงแรงไปมากแล้วคนยังไม่เห็น แต่ไม่เป็นไร เพราะคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจ

"ผมอยากให้กำลังใจพวกเราทุกคนว่า เราต้องคิดว่าเราโชคดีเหมือนกันที่กำลังเผชิญกับปัญหาที่ค่อนข้างยากอย่างนี้ เราจะได้ช่วยกันทำ ช่วยกันใช้กำลังความสามารถทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยกันออกแรงเพื่อนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมืองนี้ มันเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นการกระทำที่เราน่าจะภาคภูมิใจ นี่คือการกระทำของลูกผู้ชาย ผู้หญิงก็ได้ คุณติ๋ม (คุณหญิงจิตราวดี) ก็ทำได้ ทหารหญิง ตำรวจหญิงก็ทำได้ เพราะเป็นเรื่องความน่าภาคภูมิใจของเราที่อยู่ในฐานะที่เป็นอยู่ขณะนี้" พล.อ.เปรม กล่าว

"ป๋า" มั่นใจคนไทยมีความยุติธรรม จริยธรรม คุณธรรม

พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่มีความยุติธรรม ความเป็นธรรม มีจริยธรรม มีคุณธรรมจริงๆ จะเห็นว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ และทำเพื่อใคร ทำเพื่อพี่น้องประชาชนขาวไทยและชาติบ้านเมืองของเรา ซึ่งที่ตนพูดเป็นสิ่งที่แปลกจากการให้พร ของวันสงกรานต์ของไทยเรา เพราะสถานการณ์จำเป็นต้องพูดอย่างนี้

ขอพระบารมีพระเจ้าอยู่หัวฯ-พระราชินีนาถฯ ดลใจให้ "คนไม่เข้าใจ" เข้าใจเจตนาดีของพวกเรา

พล.อ.เปรม ถอนหายใจก่อนจะกล่าวว่า จะให้พรจริงๆ ขอให้พระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ ขอให้บรรพบุรุษไทยที่ช่วยคุ้มครองบ้านเมืองมาถึงวันนี้ ขอให้พระสยามเทวาธิราชที่เรานับถือเคารพบูชา ขอให้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถช่วยเป็นกำลังใจ พระราชทานกำลังใจให้พวกเรามีความมุ่งมั่น มีเจตนาอันดี ถ้าเราทำสิ่งที่ดีที่ชอบแล้วขอให้ทำด้วยความสำเร็จ ใครที่ไม่เข้าใจก็ขอให้เข้าใจเจตนาดีของพวกเรา ขอให้เขารู้และเห็นว่าพวกเราทำเพื่อประชาชนชาวไทย เพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อความสงบสุขร่มเย็น ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จในการกหระทำครั้งนี้ และได้รับการยอมรับจากคนไทยทั่วไป ขอให้ทุกคนมีแต่ความปลอดภัยประสพความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน ขอบใจมาก

ลูกป๋าเข้าคิวรดน้ำ - รายแรกสุรยุทธ์ ป๋าพรมน้ำ - ลูบศีรษะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.เปรม ได้กล่าวให้โอวาทเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2550 ให้กับ นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ แล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมภริยาได้เข้ารดน้ำขอพร พล.อ.เปรม เป็นคนแรก โดย พล.อ.เปรม ได้พรมน้ำที่ศีรษะ พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมกับลูบศีรษะเบาๆ 3 ที

หลังจากนั้น พล.อ.บุญรอด นำผู้บัญชาการเหล่าทัพทยอยเข้ารดน้ำขอพร พลอ.เปรม ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การเข้ารดน้ำของ พล.อ.สนธิ ครั้งนี้ พล.อ.เปรม ไม่ได้พรมน้ำลงศีรษะเหมือนกับ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ และภายหลังการรดน้ำ พล.อ.เปรม ได้เดินมาทักทายพูดคุยกับ พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมกับกล่าวว่า "มีจ่าตำรวจจราจรคนหนึ่งแอ้ด (พล.อ.สุรยุทธ์) เคยเจอหรือไม่ เพราะเป็นจ่าตำรวจที่ดี และเก่ง ไปบอกเขาว่าถ้าไม่มีสตางค์ หากจะทำสัญญาณไฟท้ายขบวน ขอให้มาบอกจะออกสตางค์ให้"

ป๋าทัก "อนุพงษ์" เป็นอย่างไรบ้างลูก ทัก "สพรั่ง" ใจเย็นๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.เปรม ได้ไปทักทาย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่นั่งตรงกลางระหว่าง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก โดยทักทายว่า "ป็อก (พล.อ.อนุพงษ์) เป็นอย่างไรบ้างลูก" พร้อมกับทักทาย พล.อ.สพรั่ง ว่า "จะทำอะไรก็ขอให้ใจเย็นๆ หน่อยนะพรั่งนะ"

เดินผ่านประธาน คมช. ไม่ทัก แต่ไปทัก สถิรพันธุ์ ประยุทธ์ และถามอาการป่วยสุรยุทธุ์

ขณะที่ พล.อ.เปรม เดินผ่านหน้า พล.อ.สนธิ โดยไม่ได้ทักทายแต่อย่างใด แต่กลับหันไปทักทาย พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ และนายทหารคนอื่น ๆ โดยเฉพาะ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.บุญรอด ได้เดินควบคู่กับ พล.อ.เปรม เพื่อเดินทางไปส่งที่บ้านรับรองสี่เสาเทเวศร์ ทั้งนี้ ในระหว่างเดินไปยังบ้านพักรับรอง พล.อ.เปรม ได้ถามอาการป่วยของ พล.อ.สุรยุทธ์ โดย พล.อ.สุรยุทธ์ เล่าให้ฟังว่า "ไม่เจ็บ เพียงแต่ไปเอ๊กซ์เรย์เท่านั้น แต่ลำบากหน่อยตรงที่จะต้องไปถ่ายท้อง และต้องทานอาหารอ่อนๆ รวมถึงต้องรับประทานยาถ่าย ตรงนี้จะทำให้เสียเวลาการทำงานไป 2 วัน"

บิ๊กบังไม่ให้สัมภาษณ์ สพรั่งระบุคำป๋าเป็นพรปีใหม่แต่ตนเป็นนักรบต้องใจร้อน

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ พล.อ.สนธิ ภายหลังรับฟังคำอวยพร แต่ พล.อ.สนธิ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์พร้อมยกมือไม่ขอตอบคำถาม

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์ พล.อ.สพรั่ง ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม กล่าวอวยพรขอให้ พล.อ.สพรั่ง ใจเย็นๆ โดยที่ พล.อ.สพรั่ง กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "นี่แหละถือเป็นพรปีใหม่ แต่เราเป็นนักรบก็ต้องใจร้อน"