Skip to main content
sharethis

แถลงการณ์ของนายโรเบิร์ต ไวสส์แมน ผู้อำนวยการ Essential Action องค์กรด้านการรณรงค์เพื่อการเข้าถึงยาระดับโลก ตอบโต้กับการที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯประกาศใน Special 301 Report ย้ายประเทศไทยไปอยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List):

สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้กระทำการอย่างน่ารังเกียจ เห็นแก่ได้ และน่าละอายอย่างยิ่งในการย้ายประเทศไทยขึ้นเป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List) ฐานที่ไม่ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเพียงพอ

ใน Special 301 Report สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐได้ไล่เลียงข้อกังวลเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ในประเทศไทย แต่มีประเด็นใหม่ด้วย - ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทย
"ถูกจับตามองเป็นพิเศษ" - คือการที่ประเทศไทยประกาศบังคับใช้สิทธิกับยาติดสิทธิบัตร 3 ตัว

ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ทราบดีว่า การกระทำของไทยไม่ได้ละเมิดพันธสัญญาในความตกลงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างของบริษัทยายักษ์ใหญ่และตัวแทนของพวกเขา - สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ไม่เคยกล่าวว่า ประเทศไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎระเบียบในองค์การการค้าโลก
(WTO) แต่สิ่งที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯตำหนิคือ "ขาดความโปร่งใสและกระบวนการที่เกิดขึ้นในประเทศไทยน่าห่วงใยอย่างยิ่ง" นี่คือความพยายามที่จะตำหนิอย่างผิดๆ ว่า ประเทศไทยประกาศบังคับใช้สิทธิโดยไม่ร้องขอใช้สิทธิจากผู้ทรงสิทธิเสียก่อน

นี่แสดงถึงความเห็นแก่ตัวอย่างยิ่งของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เพราะพวกเขารู้ตั้งแต่แรกว่า ภายใต้กฎระเบียบขององค์การการค้าโลก ประเทศไทยไม่ต้องเจรจาขอใช้สิทธิก่อนการประกาศบังคับใช้สิทธิ
และ สหรัฐอเมริกาเองก็เคยประกาศบังคับใช้สิทธิโดยรัฐอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่เคยขอใช้สิทธิกับผู้ทรงสิทธิก่อน

การกระทำของสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ช่างน่ารังเกียจ เพราะในรายงานประจำปีตามมาตรา 301 ระบุว่า
"สหรัฐสนับสนุนปฏิญญาโดฮาว่าด้วยทริปส์และการสาธารณสุขอย่างหนักแน่น"


ปฏิญญาโดฮาระบุว่า "ยืนยันว่า ความตกลงนี้สามารถแปลความ และนำไปปฏิบัติเพื่อสนับสนุนสิทธิของสมาชิก WTO ในการปกป้องสาธารณสุข โดยเฉพาะเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยาสำหรับทุกคน"


เมื่อในความจริงประเทศประเทศหนึ่งใช้สิทธิของตัวเองภายใต้ WTO -และเติมเต็มหน้าที่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพื่อจัดหายาที่มีความสำคัญให้กับคนในประเทศ แต่การตอบสนองของสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ไม่เพียงไม่ร่วมแสดงความยินดี แต่กลับข่มขู่ด้วยการย้ายให้ไปอยู่ในบัญชีประเทศที่ "ถูกจับตาเป็นพิเศษ"

การกระทำของสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ช่างน่าละอาย เพราะบ่อนทำลายการสาธารณสุข การใช้กลไกตามกฎหมายเพื่อให้เกิดการแข่งขันด้วยการนำเข้ายาชื่อสามัญ เพื่อแข่งกับยาต้านไวรัสและยาโรคหัวใจที่ราคาแพงเกินจริง ประเทศไทยแสดงให้โลกเห็นว่า ประเทศให้ความสำคัญกับชีวิตของคนเหนือการค้า
ประเทศไทยแสดงความชัดเจนอย่างยิ่งที่จะนำงบประมาณที่ประหยัดได้ไปใช้เพื่อขยายการเข้าถึงยาจำเป็นของคนไทย


แต่สารที่สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯส่งมาคือ ประเทศไทยควรยกเลิกการกระทำดังกล่าว - ยิ่งแย่กว่านั้น
คือการส่งสัญญาณไปยังประเทศอื่นๆ อย่าหาญกล้าที่จะเดินตามประเทศไทย

ใน Special 301 Report ของสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เต็มไปด้วยคำสรรเสริญในความสำคัญของนวัตกรรม ไม่มีใครกังวลถึงชีวิตของผู้คนที่ถูกความสำคัญของนวัตกรรมปฏิเสธ- แท้จริงแล้ว
ผู้ที่ทำงานด้านการสาธารณสุขจำนวนมากที่กังวลอย่างยิ่งกับการเข้าถึงยาของผู้คน
คือผู้ที่กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมด้านยา


 


อย่างไรก็ตาม สิทธิบัตรเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาที่ไร้ประสิทธิภาพมาก
โดยวัดจากงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา เทียบกับที่ผู้บริโภคต้องจ่าย ประเทศไทยเป็นผู้นำในองค์การอนามัยโลก (WHO)และอีกหลายเวทีในความพยายามที่ผลักดันให้เกิดการแสวงหาแนวทางเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความมั่นใจว่าคนจะเข้าถึงยา


ถ้าสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯห่วงใยในประเด็นเหล่านี้ แทนที่จะยืนข้างผลประโยชน์ของบริษัทยายักษ์ใหญ่ สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯควรชื่นชมประเทศไทย ให้ความร่วมมือ และเลิกนิสัยอันธพาลรังแกประเทศไทย ประเทศที่มีรายได้ประชาชาติ (GDP) แค่ 1 ใน 16 ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net