Skip to main content
sharethis

11 พ.ค.50 - คณะอนุกรรมาธิการติดตามอำนวยความยุติธรรมและการเยียวยาปัญหาภาคใต้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มีนางจิราพร บุนนาค รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานได้จัดประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานของกรรมาธิการ โดยมีนางอังคณา นีละไพจิตร นายชาญเชาว์ ไชยยา นุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสมเกียรติ บุญชู ผู้อำนวยการ สมช. นายสหการ เพรชนลิล หัวหน้าสำนักนโยบายและแผนสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และแพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา อดีตคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติเข้าร่วม ประชุม  


 


นางอังคณา นีละไพจิตร กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับทหาร 7 นายที่ถูกลอบวางระเบิดที่ถนนดุซงญอ-เจาะไอร้อง บริเวณบ้านบองอ หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ชาวบ้านอยู่ในละแวกนั้นทั้งๆ ที่บ้านติดกับถนนที่เกิด เหตุแต่ไม่มีใครออกมาช่วยเหลือหรือให้ข้อมูลใดๆ กับเจ้าหน้าที่รัฐ บางคนบอกว่า พูดภาษาไทยไม่ได้ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องแต่ตนก็ทราบมาว่าข้อเท็จจริงทุกคนพูดภาษาไทยได้ ฟังภาษาไทยรู้เรื่องแต่ทำไมถึงไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งประเด็นตรงนี้ต้องกลับมาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าการกระทำของชาวบ้านไม่ใช่เรื่องผิดแต่เป็นการแสดอารยะขัดขืนที่ต้องการส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รัฐรู้ว่า การดำเนินการบางอย่างของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ถูกต้อง


 


นางอังคณากล่าวอีกว่า ในการที่ตนได้ลงไปทำงานในพื้นที่เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีปัญหาหลายด้าน การจับกุมคุมขังการห้ามญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา ยังมีให้เห็นอยู่ตลอดรวมถึงเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดคือการซ้อมผู้ต้องขังที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้วในยุคนี้แต่ก็ยังมีเกิดขึ้นอีก จึงอยากให้อนุกรรมาธิการของเรา ทำงานในเชิงรุก ลงไปสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การเมืองของประเทศเราอยู่ในช่วงไม่ปรกติการใช้อำนาจจึงมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก โดยเฉพาะการใช้อำนาจของทหารผ่านทางกฎอัยการศึก หรือ พรก.ฉุกเฉินก็ยังใช้ได้โดยไม่มีขีดจำกัด บางครั้งจับกุมผู้ถูกกล่าวหามาแล้ว ถึงเวลาต้องปล่อยตัวก็กลับใช้อำนาจของกฎหมายอื่นมากักตัวเขาไว้อย่างซ้ำซ้อน เรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครพูดถึงและก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา


 


"ปัญหาเดิมก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซ้ำร้ายรัฐกลับสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเตรียมที่จะแต่งตั้งนายทหารที่เคยออกคำสั่งฆ่าคนเป็นร้อยลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่อีก คราวนี้ปัญหาจะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ เราพยามแก้ปัญหาในเรื่องความรุนแรงรายวัน แต่เราไม่เคยแก้ปัญหาที่เป็น ความขัดแย้งทางด้านความคิดเลย" นางอังคณากล่าว


 


ขณะที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษาผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เตรียมลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในพรุ่งนี้ (12 พ.ค.) เพื่อให้คำแนะนำในลักษณะเป็นที่ปรึกษากับหน่วยในพื้นที่ แต่คงจะไม่ลงไปทำงานด้านยุทธศาสตร์โดยตรง พร้อมกันนี้ เตรียมเสนอขอคำสั่งเพิ่มในส่วนงานด้านมวลชน ที่จะเข้าไปคลุกคลีกับประชาชนกว่า 18,000 หมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือได้ว่าเป็นสงครามกองโจรเกือบเต็มรูปแบบของพวกกบฏแบ่งแยกดินแดน ที่ลอกเลียนแบบมาจากอัฟกานิสถาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตั้งรับทำให้เสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากขณะนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพื้นที่สีแดง จำนวน 300 หมู่บ้าน


 


สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นไม่หยุด โดยเวลา 10.30 น.วันที่ 11 พ.ค. 50 คนร้ายได้ขับรถกระบะตอนเดียวกราดยิงรถฮอนด้าซีวิคสีฟ้า 4 ประตู ทะเบียน กข 4909 นราธิวาส ขณะแล่นอยู่บนถนนสายนราธิวาส-ระแงะบ้านทุ่งขนุน ม.3 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส คนขับถูกกระสุนปืนเสียชีวิต คือ นายเจ๊ะมุ สะมะแอ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ ผู้บาดเจ็บ 2 คน สามารถวิ่งหนีเอาชีวิตรอดได้หวุดหวิด คือ นายอัมรี อุมา รองนายก อบต.บาโงสะโต และนายอับดุลรอนิง จาเงาะ สมาชิก อบต.บาโงสะโต


 


เวลาประมาณ 11.30 น. กลุ่มคนร้ายขับรถกระบะขว้างระเบิดมือใส่จุดตรวจสามแยกน้ำตกซีโป เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จากนั้นใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงซ้ำจนตำรวจชีวิต 2 นาย คือ ส.ต.ต.วิทยา ขุนทอง และ ส.ต.ต.สถาพร นุ่นแจ้ง สังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ แล้วราดน้ำมันเบนซินใส่ร่างทั้ง 2 นายแล้วจุดไฟเผาจนไหม้เกรียม ก่อนหยิบอาวุธปืนหลบหนีไป


 


ต่อมาเวลา 13. 00 น. คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ที่บริเวณถนนเทศปฐม เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จนนายสะอารี ตะยาตี อายุ 21 ปี ได้รับบาดบาดเจ็บ ส่วนนายมูฮำหมัด ยูโซ๊ะ อายุ 35 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เหตุเกิดขณะที่ทั้ง 2 คนขับรถจักรยานยนต์กลับจากทำพิธีละหมาดที่มัสยิด


 


ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้าและผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net