ถนนคนเดินเชียงใหม่อลเวง! ทหารไล่จับคนค้านกฎอัยการศึก รวบไม่เว้นเด็ก!

ทหารรวบ 6 คนไม่เว้นเด็กช่วยพ่อแจกใบปลิวค้านกฎอัยการศึก ที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ ประธานกลุ่มคนเหนือรักประชาธิปไตยชี้ทำเหมือนเป็นผู้ร้าย จับกระทั่งเด็ก "ไม่ใช่วิสัยคน" ด้านอดีต ส.ส.ไทยรักไทยเชียงใหม่-ลำพูน ยอมเปลี่ยนแผนหันล่าชื่อถวายฎีกากรณีถูกยุบพรรค ตามเครือข่าย-สำนักงานพรรคแทนหลังทหารขวางล่าชื่อที่ถนนคนเดิน

วานนี้ (17 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยปกติแล้วจะมีกิจกรรม "ถนนคนเดิน" จัดขึ้นที่ ถ.พระปกเกล้าบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และตลอด ถ.ราชดำเนิน จ.เชียงใหม่ นั้น ปรากฏว่าได้มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยกลุ่มอดีต ส.ส.ไทยรักไทย จ.เชียงใหม่และ จ.ลำพูน ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถวายฎีกา กรณีคำตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย และ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "คนเหนือรักประชาธิปไตย" แจกใบปลิวคัดค้านกฎอัยการศึก ปรากฏว่าถูกทหารเข้ามาห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าว และในรายหลังมีการจับกุมสมาชิกกลุ่ม ซึ่งมีเด็กหญิงอายุ 11 ปีรวมอยู่ด้วย

 


 


ที่มาของภาพ : ผู้จัดการออนไลน์

 

ทหารขวาง อดีต ส.ส.เหนือไทยรักไทยตั้งโต๊ะล่าชื่อถวายฎีกา

โดยเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วานนี้ (17 มิ.ย.) ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ กลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะมีงาน "ถนนคนเดิน" ทุกวันอาทิตย์ มีการตั้งเต็นท์ ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกา กรณีคำตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย โดยมีการนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาติดตั้ง พร้อมเครื่องขยายเสียง


แต่หลังจากติดตั้งได้ไม่ถึงชั่วโมง ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหาร บกที่ 33 เข้ามาสั่งให้รื้อถอนและตำรวจ สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ ได้เข้าเจรจากับ นายสมบูรณ์ ธรรมปัญญา ที่กำลังทำการติดตั้งเครื่องเสียงและเต็นท์ที่ทางกลุ่มไทยรักไทยภาคเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน จะทำการเปิดให้มีการร่วมลงชื่อถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรณีตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค 111 คน

 

โดยหลังการเจรจา นายสมบูรณ์ ได้ยินยอมที่จะทำการรื้อถอนเต็นท์และเครื่องเสียงแต่โดยดี พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายวิทยา ทรงคำ อดีต ส.ส.เขต 4 เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย เมื่อคืนวันที่ 16 มิ.ย. ให้นำเครื่องเสียงและเต็นท์มาติดตั้งบริเวณดังกล่าวในราคา 2,000 บาท โดยที่ตัวเองก็ไม่ทราบว่าจะนำมาเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมใดและไม่ทราบว่าได้มีการขออนุญาตใช้สถานที่หรือไม่ ซึ่งทางตำรวจได้นำตัวไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อนที่จะปล่อยตัวไป

 

พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ แจงประกาศกฎอัยการศึกห้ามชุมนุมการเมือง

ทั้งนี้ พันเอกนพพร เรือนจันทร์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 ซึ่งเดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยเจรจาทำความเข้าใจกับกลุ่มไทยรักไทยภาคเหนือที่ยื่นหนังสือแจ้งเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมดังกล่าวไปยังมณฑลทหารบกที่ 33 ตั้งแต่วานนี้ (16 มิ.ย.) แล้วว่า ไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพราะจังหวัดเชียงใหม่ยังคงประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการชุมนุมและเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ทำให้หวั่นวิตกว่าอาจจะนำไปสู่การก่อเหตุความวุ่นวายขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่า การล่ารายชื่อถวายฎีกาในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท พร้อมกับบอกว่าความพยายามที่จะดำเนินกิจกรรมในลักษณะนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าถึงเวลานี้ยังคงมีความพยามของกลุ่มคนบางกลุ่มที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่ามีการระดมคนเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ หรือไม่


 

อดีต ส.ส.ไทยรักไทยเดินทางมาถึง ทหาร-ตำรวจ เชิญประชุมชี้แจง

อย่างไรก็ตาม หลังมีการรื้อถอนเต็นท์ ในเวลา 15.30 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย และนายนพคุณ รัฐไผท อดีต ส.ส.เขต 6 เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทยได้เดินทางมาที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์


ปรากฏว่า เมื่อเดินทางมาถึงได้ถูกทหารเชิญตัวเข้าร่วมประชุมในห้องประชุมหอศิลปวัฒนธรรมด้านหลังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มี พ.อ.ปฎินันท์ สายหัสดี รองผบ.มทบ.33 พ.ต.อ.อรรถกิจ กรณ์ทอง รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบก.จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข ผกก.สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ ทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุม ประมาณ 1 ชั่วโมง

 

โดยหลังจากนั้นได้มีกลุ่มอดีต ส.ส.เชียงใหม่และลำพูนของพรรคไทยรักไทย อีก 6 คน ทยอยเดินทางตามมาและได้รับเชิญเข้าไปสมทบ ได้แก่ นายสงวน พงษ์มณี อดีต ส.ส.เขต 2 ลำพูน, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต ส.ส.เขต 3 เชียงใหม่, นายวิทยา ทรงคำ อดีต ส.ส.เขต 4 เชียงใหม่, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต ส.ส.เขต 9 เชียงใหม่,นายพรชัย อรรถปรียางกูร อดีต ส.ส.เขต 5 เชียงใหม่ และนายโสภณ โกชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 11 เชียงใหม่พรรคไทยรักไทย

 

อดีต ส.ส.ยอมยกเลิกกิจกรรม เปลี่ยนแผนล่าชื่อตามเครือข่ายพรรคแทน

โดยภายหลังการพูดคุยทำความเข้าใจประมาณ 1 ชั่วโมงกับ พันเอกประตินันท์ สายหัสดี รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ทางกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ทั้ง 8 คน นำโดย นายสุรพงษ์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางทหารได้เชิญเข้าไปพบเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีความล่อแหลมที่อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นได้ ซึ่งทางกลุ่มเข้าใจดี และพร้อมที่จะยกเลิกการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม จะยังคงมีการรับลงชื่อจากประชาชนที่ต้องการจะร่วมถวายฎีกาต่อไป โดยเปลี่ยนไปใช้วิธีการให้ลงชื่อผ่านทางเครือข่ายของอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยในแต่ละพื้นที่ หรือที่สำนักงานของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยแต่ละเขต ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือกับทางทหารและได้รับอนุญาตแล้ว


ทั้งนี้มั่นใจว่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนจะมีผู้มาร่วมลงชื่อจำนวนมาก โดยเฉพาะอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่มีอยู่เขตละไม่ต่ำกว่า 40,000 คน เชื่อว่า น่าจะมาร่วมลงชื่อทั้งหมด และคาดว่า ทั้งประเทศน่าจะมีผู้ร่วมลงชื่อไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน จากอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทั้งหมด 14 ล้านคน ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดจะทำให้เสร็จโดยเร็วเพื่อถวายฎีกา โดยเชื่อว่าการล่ารายชื่อจะไม่เป็นการรบกวนเบื้องยุคลบาทแต่ที่ต้องทำเพราะเป็นทางออกสุดท้าย


นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า นับจากวันนี้ไปหากจะมีความเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ จะมีการแจ้งให้ฝ่ายความมั่นคงทราบก่อน ที่ต้องแจ้งกันก่อนเพราะเราไม่อยากมุดดิน และยืนยันว่าหลังจากนี้ไปทุกอย่างจะเปิดเผย จะไม่มีคลื่นใต้น้ำอีก และการร่วมกันแถลงในวันนี้จะเป็นการยืนยันด้วยว่า จะไม่มีการระดมมวลชนจากจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมม็อบใน กทม. อย่างแน่นอน

 

 


รถทหาร-ตำรวจบริเวณที่จอดรถหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ย่านถนนคนเดิน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังพบว่ารอบๆ บริเวณกิจกรรม "ถนนคนเดิน" เต็มไปด้วยทหารที่คอยสังเกตการณ์ และมีรถในราชการทหารและตำรวจตระเวนชายแดนจอดอยู่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ หลังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งเป็นย่านถนนคนเดิน เช่น รถจี๊ปสีเขียวในราชการทหาร มีข้อความ มทบ.33 ข้างรถ ทะเบียนตรากงจักร 11366 รถกระบะสีบรอนซ์มีหลังคาท้ายทะเบียนตรากงจักร 3363 และรถยนต์ของงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ของตำรวจตระเวนชายแดนทะเบียนตราโล่ 03436 เป็นต้น

 

ทหารไล่จับคนแจกใบปลิวเสนอยกเลิกกฎอัยการศึก จับหมดไม่เว้นแม้แต่เด็ก!

นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ที่ถนนคนเดิน จ.เชียงใหม่ เช่นกัน มีรายงานว่าในช่วงหัวค่ำ มีกลุ่ม "คนเหนือรักประชาธิปไตย" สวมเสื้อยืดสีแดง ได้เดินแจกใบปลิวให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้เหตุผลในตอนหนึ่งของแถลงการณ์ว่า


"...1. เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการท่องเที่ยวของภาคเหนือ การยังคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึกอันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต และการทำธุรกิจอย่างเป็นปกติ และเป็นการทำลายภาพพจน์ของเมืองท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เราจึงขอเรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกโดยด่วน ภายใน 7 วัน

2. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การทำมาหากินฝืดเคืองและยากลำบาก อย่างไม่เคย เป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย นับตั้งแต่มีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาเป็นเวลา 9 เดือน เราขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจควบคุมการปกครองในขณะนี้ หันมาให้ความสนใจต่อปัญหาปากท้องของชาวบ้านอย่างจริงจัง มากกว่าการห่วงอำนาจทางการเมืองก่อนที่ความเดือดร้อนของชาวบ้านจะบานปลายร้ายแรงจนไม่อาจเยียวยาได้…"

ในตอนท้ายของแถลงการณ์ระบุว่า นับแต่นี้เป็นต้นไปชาวเชียงใหม่ จะร่วมมือร่วมใจแสดงออก โดยการผูกริบบิ้นสีแดงที่มีข้อมือ หรือบริเวณเสื้อหรือที่ยานพาหนะทักคันจนกว่าการเรียกร้องครั้งนี้จะบรรลุผล


อย่างไรก็ตาม ผู้แจกใบปลิวได้ถูกทหารควบคุมตัวไปสถานีตำรวจ แต่เนื่องจากยังตั้งข้อหาไม่ได้จึงส่งไปสอบถามข้อมูลที่ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่แทน โดยผู้ถูกจับกุมมีทั้งหมด 6 คน ในจำนวนนี้มีเด็กหญิงอายุ 11 ขวบรวมอยู่ด้วย

 


หน้าค่ายกาวิละ จากการตรวจสอบ เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มใด

 

ทหารชั้นผู้น้อยแนะสอบถามผู้บังคับบัญชาพรุ่งนี้

และมีกระแสข่าวในกระดานข่าว Pantip.com ห้องราชดำเนินว่า สมาชิกกลุ่มดังกล่าวและกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ จะเดินทางไปเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวหน้าค่ายกาวิละ เบื้องต้นเมื่อเวลา 23.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามกับสารวัตรทหาร ที่เฝ้าเวรยามหน้าค่ายกาวิละ ได้คำตอบว่าเป็นทหารชั้นผู้น้อยไม่ทราบรายละเอียด ต้องรอผู้บังคับบัญชา โดยจะมีการแถลงข่าวในเช้าวันพรุ่งนี้


โดยผู้สื่อข่าวได้สำรวจบริเวณโดยรอบค่ายกาวิละ ไม่พบการชุมนุมใดๆ หน้าค่าย แต่มีการตั้งด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณถนนเจริญเมือง ใกล้สถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่

 

ประธานกลุ่มแจงเข้าวิทยุคนวันเสาร์ฯ ชี้ ศก.ซบเซา ต้องการเชียงใหม่ปลอดกฎอัยการศึก

ต่อมา ในวันนี้ (18 มิ.ย.) เวลาประมาณ 1.50 น. นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล ประธานกลุ่มคนเหนือรักประชาธิปไตย ได้โทรศัพท์เข้าไปในวิทยุออนไลน์  "คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ"  ช่วงดีเจมะลิ กล่าวว่าตนเองมีอาชีพผู้ประกอบการโรงแรมแห่งหนึ่ง ร่วมกับเพื่อนๆ ในสาขาวิชาชีพต่างๆ 12 เครือข่าย


กลุ่มได้รณรงค์เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่ปลอดจากกฎอัยการศึก เพราะจังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ทำไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง แต่เราพยายามเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจ ราชการบ้านเมือง ยกเลิกกฎอัยการศึก เศรษฐกิจมันซบเซามาก เราต้องแจกแถลงการณ์ที่ถนนคนเดินให้รัฐบาลรู้ "เราพากันไปแจกเอกสาร ไม่มีการปราศรัย ชาวบ้านที่ถนนคนเดินก็ว่าดีๆ ช่วยกันหน่อย จะได้ขายของได้" นายเพชรธวัสกล่าว

 

เผยนาทีระทึก อยู่ๆ ทหารเข้าล็อกตัว จับไม่เว้นเด็ก

ประธานกลุ่มคนเหนือรักประชาธิปไตยกล่าวต่อไปว่า อยู่ดีๆ ก็มีทหารมาล็อกตัวพวกเรา ผมโดนเป็นคนแรก ก็โวยไปว่า ผมไม่ได้ปฏิวัติ ไม่ได้ทำอะไร ผมไม่ใช่แกนนำ ผมเป็นชาวบ้าน อยากให้ยกเลิกกฎอัยการศึก จะได้ทำมาหากิน เขาก็ไม่พอใจ แต่เขาก็ปล่อยเพราะประชาชนเริ่มหันมาสนใจ แต่พอสมาชิกพากันเดินกลับ ผ่านช่วงที่ไม่มีชาวบ้านขายของก็ถูกจับไป มีผู้ใหญ่ 5 คน รวมเด็ก 11 ขวบ เป็น 6 คน ส่วนตนเองวิ่งหลุดมา เขาก็จับคนอื่นต่อ


นายเพชรธวัส เล่าต่อไปว่า ทหารจับกุมไปไว้ที่ค่ายกาวิละจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้ติดต่อไม่ได้ ถ้าไม่ปล่อยจะต้องทำอย่างไรบ้าง เด็กต้องไปเรียนหนังสือ ไม่น่าจับเลย "จับหมด กี่ขวบก็จับ" แจกใบปลิว มันแย่ตรงนี้แหละ ชาวบ้านว่าอย่างนี้ไม่มาขายของแล้ว เขาแจกให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ก็หาว่าเราเป็นกบฏ เขาบอกใช้กฎอัยการศึก เขาจับอย่างเดียว แล้วก็มีการตั้งด่านทำอย่างกับเราเป็นคนร้ายฆ่าคน


ขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เราจะได้ทำงานได้ จะได้มีเงินใช้ พวกคุณจะทะเลาะกัน เรื่องการเมืองอะไรพวกเราไม่รู้เรื่อง ผมเป็นเจ้าของโรงแรมคืนหนึ่งมีคนพัก 1 ห้องถึง 2 ห้อง ผมตายเลย ไม่เหลือเลย ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร "และนี่จับเด็กไปด้วย ไม่ปล่อยเด็ก มันไม่ใช่วิสัยของคน ทำไมเป็นแบบนี้ได้หนอ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ป.4- ป.5 นายเพชรธวัสกล่าว

 

นัดขอร้องทหารปล่อยตัว หน้าค่ายกาวิละ 8 โมงวันนี้

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 4.00 น. ผู้ใช้ชื่อว่า "คุณออฟ" ได้รายงานเข้าไปในวิทยุ "คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ" ได้รายงานเพิ่มเติมว่าสมาชิกของกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการจะเผยแพร่วีดีโอบันทึกภาพการจับกุมดังกล่าวทางอินเตอร์เน็ต เพื่อเผยแพร่ให้ผู้รักประชาธิปไตยได้เห็นว่าทหารภายใต้กฎทำอย่างไรกับประชาชน โดย "คุณออฟ" เปิดเผยว่า วิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพที่ทุกคนเดินแจกเอกสารทำความเข้าใจพี่น้องในถนนคนเดิน และต่อมาถูกตำรวจ ทหารประมาณ 10 กว่า นาย เข้ามารวบตัว


"คุณออฟ" ยังเปิดเผยอีกว่า ในช่วงที่มีการควบคุมตัวใหม่ๆ ยังสามารถติดต่อผู้ถูกควบคุมตัวได้ และทราบว่าเด็กผู้หญิงที่ถูกจับกุมไปด้วยร้องไห้ตลอดไปทาง แต่ตอนนี้ไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้แล้ว และขอยืนยันด้วยว่าทหารยังไม่มีการปล่อยตัวสมาชิกกลุ่มแต่อย่างใด


โดยทางกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการได้ทำการนัดหมายสมาชิกในจังหวัดเชียงใหม่ที่บริเวณหลังวัดพระสิงห์ ด้านหน้า ร.ร.วโรรสแกรนพาเลส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในเวลา 7.00 น. วันนี้ (18 มิ.ย.) เพื่อเดินทางไปยังหน้าค่ายกาวิละในเวลา 8.00 น. เพื่อขอร้องให้ทหารปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท