Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"แม้ว-อ้อ" อ่วม! คตส.สั่งอายัดบัญชีเพิ่ม 7 บัญชี 


ผู้จัดการออนไลน์ - ในช่วงบ่ายวานนี้ (17 มิ.ย.) มีการประชุมคณะกรรมการ คตส.เพื่อพิจารณาติดตามความคืบหน้าในโครงการตรวจสอบของอนุกรรมการต่างๆและพิจารณาการอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมตามที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบติดตามทรัพย์สินของบุคคลที่ คตส. อายัดทรัพย์ ที่มีคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา เป็นประธาน ในเวลา 13.00 น.


 


กระทั่งเวลา 16.30 น.นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.แถลงว่า จากการติดตามของคณะอนุกรรมการติดตามตรวจสอบบุคคลที่ คตส.ได้มีมติอายัดทรัพย์ ที่มีคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา เป็นประธาน ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของยอดเงินในบัญชี


 


ระหว่างวันที่ 4-11 มิ.ย. ก่อนที่คตส.จะมีมติอายัดทรัพย์จำนวน 21 บัญชี และพบว่ามีการยักย้ายถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นเป็นเงิน 8 พันล้านบาท ดังนั้นคุณหญิงจารุวรรณ จึงเสนอให้มีการอายัดทรัพย์บัญชีที่มีการเคลื่อนย้ายเงิน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้อายัดบัญชีเพิ่มเติม 7 บัญชี ที่มีการถ่ายโอนเงินจาก 21 บัญชีที่คตส.ได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย 1.บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชี บริษัทเอสซีออฟฟิส พลาซ่า จำกัด 2.บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชี บริษัทพีทีคอร์ปอเรชั่น จำกัด 3.บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชี บริษัทเวิร์ธ ซัพพลายจำกัด 4.บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ชื่อบัญชี โอไอเอ เมนเนจเมนท์ จำกัด 5.ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชดา ชื่อบัญชี น.ส. ชิณนิชา วงศ์สวัสดิ์ 6. บลจ.ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี บรรณพจน์ ดามาพงศ์ และ 7. ธนาคารกรุงเทพ สาขารัชดา ชื่อบัญชี ที่ปรึกษากฎหมายธีรคุปต์ รวมวงเงิน 8 พันกว่าล้านบาท ซึ่งการอายัดจะอายัดเฉพาะเงินที่มีการเคลื่อนย้ายถ่ายโอนระหว่างวันที่ 4-11 มิ.ย. เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับยอดเงินฝากเดิม


 


นายสัก กล่าวว่า นอกจากนี้ คตส.ยังต้องติดตามเงินที่หายไปจากบัญชีวงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท ที่หายไปก่อนวันที่ 4 มิ.ย. โดยจะขอให้ธนาคารส่งรายละเอียดให้กับคตส.ต่อไป ซึ่งคตส.จะทำการอายัดไว้จนกว่าเจ้าของบัญชีจะนำหลักฐานมายื่นคำร้องพิสูจน์


 


นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการคตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ( มหาชน) กรณีการซื้อขายระหว่างบริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ กับนายพานทองแท้ และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร โดยนาย วิโรจน์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติตามที่ตนเสนอ คือให้ปรับลดตัวเลขการเรียกเก็บภาษีจากบริษัทแอมเพิลริช หลังจากที่คตส.เคยเสนอไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้นได้เรียกเก็บในอัตรา 21,706,817,662.76 บาท แต่พบว่ามีการคำนวณที่ซ้ำซ้อน ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่นำเอาเงินปันผลมาคำนวณประเมิณภาษี จนทำให้เกิดความซ้ำซ้อน


 


"ดังนั้นจึงต้องมีการประเมินใหม่ โดยผมเป็นคนประเมินเองกับมือ รับรองไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน โดยผลการประเมินใหม่พบว่า บริษัทแอมเพิลริช ต้องจ่ายภาษีทั้งหมด 20,923,998,301.92 บาท ลดลง 782,819,360.88 บาท" นายวิโรจน์ กล่าว


 


นายวิโรจน์ กล่าวว่า การคำนวณใหม่ครั้งนี้ทำให้ภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่แอมเพิลริชต้องจ่ายตามประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 65 ณ วันที่ 7 ก.ค.ที่จะถึงนี้ วงเงิน 15,381,931,722.49 บาท จากเดิม คตส.ประเมินไว้ ณ วันที่ 23 เม.ย. 16,387,961,732.32 บาท ลดลง 1,006,570,009.83 บาท เงินเพิ่มภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 67 ตรี ที่ต้องจ่าย ณ วันที่ 7 ก.ค. วงเงิน 476,437,782.70 บาท จากเดิม ณ วันที่ 23 เม.ย. ต้องจ่าย 511,609,722.70 บาท ลดลง 35,171,940 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคล การจำหน่ายกำไร ตามมาตรา 70 ทวิ ในการประเมินครั้งใหม่ บริษัทแอมเพิลริช ไม่มีภาระต้องจ่ายภาษี แต่ น.ส.พิณทองทา และนาย พานทองแท้ ต้องเป็นผู้จ่าย จำนวน 3,959,520,751.72 บาท ซึ่ง คตส.ได้ส่งให้กรมสรรพากรประเมินไปแล้ว การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย บริษัทแอมเพิลริช ต้องจ่าย ณ วันที่ 7 ก.ค. 5,066,168,796.73 บาท จากเดิม 874,725,456.02 บาท ซึ่งถือว่าตัวเลขลดลง 4,218,443,340.71 บาท


 


นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จำนวน 5,066,168,796.73 ล้านบาท หากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ยอมจ่ายจำนวน 4,036,787,885.83 ล้านบาท บริษัทแอมเพิลริช ต้องจ่ายจริงซึ่งจะเป็นเงินเพิ่มกรณีการจ่ายล่าช้า จำนวน 1,029,380,910.90 บาท แต่หากยังไม่ยอมจ่ายภายในวันที่ 7 ก.ค. นี้ บริษัทแอมเพิลริชต้องเสียเบี้ยปรับเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน ซึ่ง คตส.จะส่งให้กับกรมสรรพากรเรียกประเมินภาษีภายในสัปดาห์นี้


 


นายสัก กล่าวถึงการเรียกคุณหญิง พจมาน ชินวัตร เข้าชี้แจงการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ในวันที่ 19 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือขอเลื่อนการเข้าชี้แจงจากคุณหญิงพจมาน ดังนั้นถือว่าคุณหญิง พจมาน คงจะมาตามนัด หากไม่มา อนุกรรมการฯ ก็จะนำเรื่องนี้พิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


 


"กมธ.ยกร่างฯ" โล่งยืดพิจารณาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไปสิ้นเดือน


เว็บไซต์แนวหน้า - รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังที่ประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีมติเลื่อนการแปรญัตติม.78 เรื่องการบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ออกไปพิจารณากันในวันที่ 27-28 มิ.ย.ทำให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้โล่งอกที่ยังไม่ต้องต่อสู้กับผู้แปรญัตติ โดยกมธ.หลายคนถึงกับจับไม้จับมือกันด้วยความยินดี


 


ขณะที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานกมธ.ยกร่างฯเดินหอบเอกสารขนาดหนาประมาณ 1 นิ้วออกมาจากห้องประชุมอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับ กล่าวว่า ระหว่างนี้กมธ.ยกร่างฯจะหารือกับฝ่ายผู้แปรญัตตินอกรอบ ไม่ว่าจะเป็นนายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ก็สามารถมาคุยกันได้ ถ้าตกลงกันได้ค่อยเอาเข้าที่ประชุมใหญ่อีกครั้ง


 


 "น่าเสียดายที่ต้องเลื่อนออกไป วันนี้ผมเตรียมเอกสารชิ้นใหญ่ตั้งใจว่าจะเอามาชี้แจง แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร" น.ต.ประสงค์ กล่าว


 


หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย ระบุ ศก.ในช่วง 9 เดือน ยังไม่ขยายตัว - ลุยล่าชื่อต่อ


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับแกนนำกลุ่มเพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมืองทั้งด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจ หลังจากการยึดอำนาจผ่านไปแล้ว 9 เดือนว่า ทางการเมืองการปกครองพบว่าเจตนารมณ์ของการยึดอำนาจยังไม่ได้ทำตามข้ออ้างที่บอกว่า จะเว้นวรรคประชาธิปไตยชั่วคราว แต่เอาเข้าจริงกลับนำระบอบเผด็จการมาใช้ปกครองประเทศ ดูได้จากการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ ที่ออกมา เป็นการวางรากฐานให้การปกครองบ้านเมืองเป็นเผด็จการ โดยดูจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้มอบอำนาจการทำงานให้ใคร ก็ต้องดูว่าเป็นคนของตัวเองหรือไม่


 


ส่วนปัญหาด้านเศรษฐกิจนั้น 9 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจโดยภาพรวมถดถอย เพราะการยึดอำนาจ ทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือ หลายบริษัทย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่นๆ ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ลดลง จนต้องปรับประมาณการลดลงไปด้วย


 


การแก้ไขปัญหาภาคใต้ พบว่ารัฐบาล และ คมช. ไม่ให้ความสำคัญแก้ปัญหา เพราะนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น เพราะมัวแต่อ้างว่าไปแก้ปัญหาที่สนามหลวง ซึ่งข้ออ้างแบบนี้เหมือนกับขอไปที ทั้งนี้ จะสังเกตเห็นว่าระยะ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความพยายามของนายกรัฐมนตรี คมช. พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะให้มีคนคล้อยตามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีความล้มเหลวเป็นผลมาจากการกระทำของคน ๆ เดียว ซึ่งจริงๆ แล้วการทำลายระบบต่าง ๆ เกิดขึ้นจากความพยายามต้องการทำลายล้างคนๆ เดียว โดยไม่คำนึงถึงผลเสียของบ้านเมือง


 


เว็บไซต์คมชัดลึก ยังรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวต่อว่าจะมีการเพิ่มแกนนำจากเดิมที่มีอยู่ จนกว่าจะตั้งพรรคไทยรักไทยแล้วเสร็จเพื่อช่วยกันทำงาน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง ส่วนการดำเนินการจัดตั้งพรรค กลุ่มจะเริ่มหารายชื่อประชาชนเพื่อสมัครเป็นสมาชิกสนับสนุนการตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นมาใหม่ โดยจะตั้งโต๊ะรับสมัครในทุกจังหวัด ทั้งที่ศาลากลางจังหวัด ค่ายทหาร ไม่เว้นแม้แต่จังหวัดที่ยังคงประกาศกฎอัยการศึกไว้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ต้องขออนุญาตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)



 


ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เงิน 2,000 ล้านบาท กับ คมช. เพื่อยุติปัญหาความวุ่นวาย นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ต้องไปถาม คมช.ว่าได้รับหรือไม่ แต่ส่วนตัวยังไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่เชื่อว่า คมช.จะรับเงิน พร้อมทั้งปฏิเสธให้ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรี



 


"บิ๊กห้าว" รับ การทำงานบอร์ด ทอท.ล่าช้า แต่ยังพอใจในระดับหนึ่ง


ผู้จัดการออนไลน์ - พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างบอร์ด ทอท. และคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเห็นว่าการทำงานของบอร์ด ทอท.ล่าช้า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่บอร์ด ทอท. ยืนยันว่าได้ดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ แต่มีปัญหาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและกดดันการทำงาน โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างพยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องประเมินการทำงานของบอร์ด หรือให้บอร์ด ทอท. ลาออกทั้งชุด ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานบอร์ด ทอท. ไปประเมินผลการทำงานของบอร์ดก่อน ซึ่งภาพร่วมแล้วเห็นว่าการแก้ไขปัญหาของ ทอท. ก็มีความคืบหน้าไปมาก และพอใจในการทำงานระดับหนึ่ง


 






ผู้จัดการ Section "การเมือง"


 


ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) นำเสนอข่าวการเมืองที่ต้องจับตา เริ่มที่ พาดหัว สติกเกอร์ "ทาสรักแม้ว" โผล่! ระบาดสุรินทร์-ติดทับทะเบียนรถวิ่งเย้ย กม.ทั่วเมือง ระบุว่า พบสติกเกอร์ข้อความ "เจ๊ง เครียด คิดถึงทักษิณ" ระบาดที่จังหวัดสุรินทร์ ล่าสุดอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์นำสติกเกอร์ "คิดถึงทักษิณ" ติดทับป้ายทะเบียนรถยนต์วิ่งตระเวนกู้ภัยเย้ยกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ทั่วเมือง


 


โดยผู้จัดการออนไลน์ให้ความเห็นว่า "คงไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำผลประโยชน์ทางการเมืองมายุ่งเกี่ยวหรือกระทำการณ์ใดอันจะนำไปสู่ความสับสน สร้างความขัดแย้ง แตกแยกให้แก่ประชาชนในสังคม ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในจังหวัดสุรินทร์ ทั้งฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง รวมถึงองค์กรภาคเอกชนและประชาชนได้พยายามสร้างความรู้รักสามัคคี และสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งรณรงค์ให้ยึดมั่นในพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเคารพในคำวินิจฉัยตัดสินคดียุบพรรคการเมืองของตุลาการรัฐธรรมนูญ เพื่อความสงบสุขมั่นคงของประเทศชาติบ้านเมือง"


 


นอกจากนี้ในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 18 มิ.ย. มี นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ


 


โดยผู้ดำเนินรายการประเมินการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ว่าการชุมนุมยืดเยื้อนั้น แกนนำมีแต่ได้กับได้ ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งได้มาก เพราะเขาไมได้ควักเงินจ่ายเอง ยิ่งในสถานการณ์ขณะนี้ การจัดซื้อจัดจ้าง จะราคาสูงมากกว่าตอนปกติ จึงเรียกการชุมนุมนี้ว่า "ม็อบหลอกแดก" ซึ่งคนที่เป็นนายใหญ่อยู่ต่างประเทศจะไม่จ่ายก็ไม่ได้ เพราะถ้าเลิกม็อบแล้ว ก็จะไม่มีอำนาจต่อรอง


      


 "เขาก็จะรอให้ประเด็นพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติปะทุขึ้นมา รอให้มีแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ ซึ่งเขาพยายามแยก พล.อ.สนธิ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ออกมา ล่าสุด ยังมีประเด็นขัดแย้งในหมู่ตุลาการอีก หรืออาจเกิดความพลิกผันที่รัฐบาลอาจทำให้ประชาชนไม่พอใจ ประเด็นรับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และยังมีวันที่คุณทักษิณจะมาศาลอีก จึงเป็นเกมยาว ที่เขารอจะเล่น"


      


ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า วันนี้ คมช.ได้เปรียบ ม็อบฯ เป็นรอง แต่มันมีการซื้อเวลา และอาศัยสื่อบางสื่อ เช่น มติชนสุดสัปดาห์ ที่มีนายเสถียร จันทิมาธร เป็นบรรณาธิการ และมีพฤติกรรมการขึ้นปกอย่างเป็น"กลางใจพ.ต.ท.ทักษิณ" ฉบับล่าสุดได้เอาภาพครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณขึ้นปก พร้อมคำว่า "Holocuast ฆ่าล้างโคตร" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เป็นการสื่อว่า คมช.กำลังฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือไม่ แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้วิธีฆ่าตัดตอนผู้ค้ายาเสพติด หรืออุ้มฆ่าในภาคใต้ นายเสถียรกลับไม่พูดถึงบ้าง


      


นายคำนูณ สิทธิสมาน กล่าวว่า ฝากขอโทษถึงผู้ใหญ่หลายคนในมติชนด้วย เชื่อว่ามติชนทั้งฉบับคนส่วนใหญ่มีคุณภาพ แต่มีบางคนที่ผูกพันกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ใช้ความเป็นบรรณาธิการบริหารเข้าไปจัดการ


 


ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่เข้าร่วมชุมนุมสนามหลวง ว่า ไม่สมควรเป็นกรรมการสิทธิฯ อีกต่อไป เพราะสนับสนุนคนที่ละเมิดสิทธิอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ


 


นายคำนูณ กล่าวถึงนายจรัลว่า เป็นมันสมองของม็อบสนามหลวง ซึ่งมาจาก 2 ส่วนคือ ทุนเหิมเกริม และคอมมิวนิสต์อารมณ์ค้าง นายจรัลจัดอยู่ในกลุ่มคอมมิวนิสต์อารมณ์ค้าง เพราะเคยเข้าป่าร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 และได้เข้าไปอยู่ในสำนักที่ 61 ของ พคท.ที่จังหวัดน่ายร่วมกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายเสถียร จันทิมาธร


 


นอกจากนั้น นายจรัลยังเจ็บปวดกับเหตุการณ์ 6 ตุลา และเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับสถาบัน ขณะนี้จึงเป็น 3 ประสาน ระหว่างนายจรัล มันสมองของม็อบ นายจาตุรนต์ และนายเสถียรที่เป็นใหญ่เป็นโตในมติชน ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และนี่คือภัยของระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนกลุ่มนี้อาจไม่ได้เกิดจากกลุ่มที่ภักดี พ.ตท.ทักษิณ แต่เกิดจาดพวกที่ฝังใจเหตุการณ์ 6 ตุลาคม นายคำนูณวิเคราะห์


 


 






เศรษฐกิจ


 


หุ้นไทยพุ่ง22จุดนลท.เชื่อรัฐบาล-คมช.คุมม็อบพีทีวีอยู่หมัด


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้(18มิ.ย.) ปิดการซื้อขายที่ 766.20 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.95 จุด หรือ 2.95% มูลค่าการซื้อขาย 23,155 ล้านบาท


 


หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วยหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด คือ PTT ปิดที่ 270.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท, PTTEP ปิดที่ 110.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท, KBANK ปิดที่ 70.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท, TOP ปิดที่ 71.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท, KEST ปิดที่ 25.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท


 


นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทีเอสอีซี เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก 2 ประเด็นหลัก คือ 1.นักลงทุนคลายความกังวลกรณีการชุมนุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เหตุการณ์ผ่านไปโดยสงบ และ 2.ปัจจัยภายนอก กล่าวคือตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ คือประกาศออกมาอยู่ที่ 0 .1% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% ทำให้ความกังวลเรื่องเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคลายตัว


 


นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้หุ้นพลังงานซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมมากปรับตัวเพิ่มขึ้น และดันให้ทั้งตลาดปรับตัวขึ้นด้วย


 


นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า หุ้นปรับตัวแรง เป็นผลมาจากนักลงทุนดูผลทางการเมืองที่ไม่มีความรุนแรงจากการชุมนุมในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ความกังวล เกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองผ่อนคลายลงไป


 


ส่วนสถานการณ์ตลาดหุ้นต่อจากนี้ก็คิดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาระบุว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้ทำให้สถานการณ์ภายในประเทศคลี่คลายลงอย่างไรก็ตามก็อยากเตือนนักลงทุนให้ติดตามข้อมูลข่าวสารให้ดีหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็ต้องตัดสินใจการลงทุนของตัวเองให้ดี


 






คุณภาพชีวิต


 


สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จฯ เปิดพิพิธภัณฑ์ถ่านหินลิกไนต์ฯ 21 มิ.ย.นี้


ผู้จัดการออนไลน์ - นายพายัพ พงศ์พิโรดม รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนพฤกษชาติ บริเวณปากบ่อเหมืองแม่เมาะ เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้แก่ประชาชนและเยาวชน รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง ที่ กฟผ. ได้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้แก่สังคมไทยอีกทางหนึ่ง ใช้งบประมาณก่อสร้างรวม 70 ล้านบาท เป็นอาคารที่มีความทันสมัยเทคโนโลยีสื่อผสมผสาน และเทคนิคพิเศษนำเสนอการทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์ของประเทศไทย ใช้เทคนิคการถ่ายทอดเรื่องราวทางธรณีวิทยาด้วยภาพยนตร์ 3 มิติ


 


ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะเป็นเหมืองขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียนำถ่านหินมาผลิตกระแสไฟฟ้ามีกำลังการผลิตจำนวน 2,400 เมกะวัตต์ ส่งกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง โดยมีระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน โดยในช่วงของวิกฤติสถานการณ์น้ำมันที่สูงขึ้นนั้นแหล่งถ่านหินจากเหมืองแม่เมาะที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงดังกล่าวได้ช่วยพยุงราคาไฟฟ้าของประเทศไทยไม่ให้สูงขึ้น


 


รมว.คมนาคมเร่ง ร.ฟ.ท.แก้ปัญหาชุมชนลุกล้ำแนวเขตหวั่นกระทบโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง


กรมประชาสัมพันธ์ - พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมแนวเส้นทางการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต  ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. ว่า ได้กำชับให้ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.เร่งจัดเตรียมความพร้อมพื้นที่ในการก่อสร้าง  โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งมีชุมชนอาศัยอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโครงการล่าช้าเช่นเดียวกับโครงการ ก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือ แอร์พอร์ตลิงค์ สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร  จะเป็นไปตามกรอบเดิมคือ  ประกาศประกวดราคาประมาณกลางเดือนกรกฎาคม  2550  และให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอภายใน 45 วัน หรือกลางเดือน กันยายน  2550 จากนั้นจะมีการประเมิลผลและดำเนินการเจรจาพร้อมขออนุมัติจากคณะกรรมการของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2550 นี้   และจะรู้ผลการคัดเลือกบริษัทผู้รับเหมาพร้อมจะลงนามในสัญญาได้ภายในกลางเดือนธันวาคม 2550  เริ่มก่อสร้างต้นเดือนมกราคม 2551 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง และจะแล้วเสร็จประมาณ มิถุนายน 2553


 


ส่วนช่วงบางซื่อ-รังสิต  ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดออกแบบรายละเอียดและเอกสารประกวดราคา เนื่องจากมีการเพิ่มสถานีบริการอีก 4 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่ 5 แห่งซึ่งต้องนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม  ประมาณเดือนตุลาคม 2550 นี้  สำหรับปัญหาอื่น ๆ เช่นการเข้าไปจัดการในชุมชนที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ก่อสร้าง ยืนวันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างที่ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากเป็นพื้นที่ของการถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. ซึ่งสามารถเข้าไปดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการเวนคืนที่ดิน


 


ด้านนายบัญชา  คงนคร  รักษาการผู้ว่า ร.ฟ.ท กล่าวว่า การก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันนั้น ร.ฟ.ท.จะดำเนินการก่อสร้างตัวสถานีบางซื่อ ซึ่งอยู่ในงานช่วงบางซื่อ-รังสิต ควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องต่อเชื่อมการเดินทางและการใช้สถานี  แต่จะไม่แยกสัญญาการก่อสร้าง โดยให้มีผู้รับเหมาเพียงรายเดียวเพื่อความสมบูรณ์ของเส้นทาง โดยในระยะแรกระบบการเดินรถจะใช้รถไฟประเภทดีเซลราง ไประยะหนึ่งส่วนจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าเมื่อไร ขึ้นกับการก่อสร้างโครงการสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต เนื่องจากระบบอาณัติสัญญาณและการเดินรถเป็นกระบวนการเดียวกัน   อย่างไรก็ตามหลังจากก่อสร้างรถไฟสายสีแดงแล้วเสร็จสถานีบางซื่อจะเป็นศูนย์กลางของการรถไฟโดยเฉพาะรถทางไกล  ส่วนที่สถานีกรุงเทพ หรือ หัวลำโพงนั้นจะให้รถชานเมืองเข้าไปใช้พักรถ เพื่อลดความแออัดของการจราจร


 






ต่างประเทศ


 


เลขายูเอ็นชี้โลกร้อนรากเหง้าปัญหาดาร์ฟูร์


เดลินิวส์ - นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดเผยในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกมีส่วนให้เกิดความขัดแย้งในเขตดาร์ฟูร์ของประเทศซูดาน เนื่องจากความแห้งแล้งได้ก่อให้เกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงแหล่งน้ำกัน โดยนายบัน ซึ่งได้ให้ความสำคัญทั้งปัญหาความขัดแย้งในดาร์ฟูร์และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกเป็นอันดับแรก ๆ กล่าวว่า ปริมาณฝนตกในซูดานเริ่มลดลงเรื่อย ๆ เมื่อ 20 ปีก่อน ปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ซึ่งก็เกิดจากฝีมือมนุษย์


 


เลขาธิการยูเอ็นระบุด้วยว่า กลุ่มเกษตรกรที่ตั้งรกรากและกลุ่มที่เลี้ยงปศุสัตว์เร่ร่อนชาวอาหรับ อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้ จนกระทั่งเกิดภาวะแห้งแล้งขึ้น แต่ในขณะที่ สภาพการณ์เลวร้ายลง การขาดแคลนน้ำและอาหาร ก็ส่งผลกระทบต่อสันติภาพ และเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมยืดเยื้อรุนแรงที่พวกเราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้ ปัญหาเกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยายังอยู่เบื้องหลังความขัดแย้งในหลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งโซมาเลียและไอโวรี โคสต์ด้วย


 


ประชาชนมากกว่า 200,000 คน ถูกสังหารเสียชีวิตในเมืองดาร์ฟูร์ตั้งแต่ปี 2546 เมื่อกลุ่มกบฏท้องถิ่นได้จับอาวุธขึ้นมาห้ำหั่นกับรัฐบาลซูดาน โดยกล่าวหารัฐบาลมาหลายสิบปีว่า ละเลย ไม่เอาใจใส่และทอดทิ้งพวกเขา บรรดาผู้นำซูดานยังถูกกล่าวหาด้วยว่าสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงชาวอาหรับที่ฝักใฝ่รัฐบาล หรือ    ที่รู้จักกันในชื่อกลุ่ม "จันจาวีด" ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลปฏิเสธ


 


เกาหลีใต้เตรียมจัดส่งความช่วยเหลือด้านพลังงานไปให้แก่เกาหลีเหนือ


กรมประชาสัมพันธ์ - แหล่งข่าวอุตสาหกรรมในเกาหลีใต้  เปิดเผยว่า  กระทรวงรวมชาติกำลังเจรจาติดต่อกับโรงกลั่นน้ำมัน  2  แห่ง  คือ  เอสเค   คอร์ปและจีเอส   คาลเท็กซ์  คอร์ป  เพื่อซื้อน้ำมันจำนวน  50,000    ตัน  เตรียมไว้จัดส่งให้แก่เกาหลีเหนือ  โดยเกาหลีใต้เคยรับปากไว้ว่าจะจัดหาน้ำมันให้แก่เกาหลีเหนือ  หากเกาหลีเหนือยอมปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์


 


 


รัฐบาลใหม่ปาเลสไตน์เริ่มทำงานท่ามกลางการคาดหวังต่างชาติช่วยเหลือ


กรมประชาสัมพันธ์ - วานนี้ (18 มิ.ย.) รัฐบาลฉุกเฉินของประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส แห่งปาเลสไตน์จัดการประชุมเป็นครั้งแรกในวันนี้นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสยึดครองฉนวนกาซา  ท่ามกลางสัญญาณที่ว่า ชาติตะวันตกอาจจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินในเร็วๆ นี้       โดยนายฮาเวียร์ โซลานา หัวหน้านโยบายต่างประเทศอียูประกาศว่า อียูที่มีสมาชิก 27 ประเทศและเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของปาเลสไตน์จะให้ความช่วยเหลือโดยตรงบางส่วนแก่รัฐบาลชุดใหม่ของปาเลสไตน์   นอกจากนี้ยังหาทางส่งความช่วยเหลือให้แก่ฉนวนกาซาซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนของปาเลสไตน์ด้วย


 


รัฐมนตรีข่าวสารของปาเลสไตน์กล่าวว่า นายซาลาม เฟย์ยาด นายกรัฐมนตรี   คนใหม่ของปาเลสไตน์ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่จบการศึกษาจากสหรัฐและได้รับความยอมรับนับถือจากชาติตะวันตกเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย   ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง   รามัลเลาะห์เมืองหลวงทางด้านการเมืองของเขตเวสแบงค์   โดยนายเฟย์ยาดให้คำมั่นว่าจะพยายามประสานรอยร้าวระหว่างชาวปาเลสไตน์     ส่วนที่ฉนวนกาซามีรายงานว่าประชาชนพากันกักตุนอาหารและข้าวของเครื่องใช้เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมในดินแดนดังกล่าวซึ่งถูกอิสราเอลตัดขาดจากโลกภายนอก


 


สื่อฝรั่งเศส ระบุชัยชนะที่ไม่เด็ดขาดของรัฐบาลในการเลือกตั้งเป็นสัญญาณเตือนจากประชาชน


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศส ที่มีขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งพรรคยูเอ็มพีของประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซี ชนะพรรคสังคมนิยมไปด้วยคะแนน 314 ที่นั่งต่อ 185 ที่แม้จะขาดลอยแต่ก็ไม่เด็ดขาดและน้อยกว่าที่คาดไว้ สื่อในฝรั่งเศสระบุว่า เป็นการส่งสัญญานเตือนจากประชาชน โดยหนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร่ ระบุ เป็นการเตือนว่า ประชาชนยังไม่พร้อมสำหรับการปฏิรูปที่เป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดีซาร์โคซี ส่วนหนังสือพิมพ์ทรีบูน ระบุว่า เป็นการเตือนให้รัฐบาลต้องพยายามมากขึ้นในการคงคะแนนนิยมจากประชาชน ขณะที่หนังสือพิมพ์ลิเบราซิออง รายงานว่าเป็นการเตือนว่าพรรคสังคมนิยมกำลังมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น


 

ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ มีรายงานว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและพลังงานของนายอแลง จูเป้ ได้ว่างลงเป็นผลมาจากการที่นายอแลง จูเป้ ลาออกเพราะแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ยังไม่มีรายงานว่า ทางรัฐบาลจะทาบทามผู้ใดมารับตำแหน่งแทน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net