Skip to main content
sharethis

ประชาไท - วานนี้ (20 มิ.ย.50) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมราชมังคลา พาวีเลี่ยน บีช รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา มีการจัดสัมมนาการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสื่อ กลุ่มงานสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน สตรี ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 (ศสส.ภ.9) เพื่อเข้าถึงกลไกการช่วยเหลือการค้ามนุษย์ มีพล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชน สตรีและการค้ามนุษย์ ตำรวจภูธรภาค 9 (พดส.ภ.9) เป็นประธาน มีคณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ และคณะกรรมการศูนย์ฯ  เข้าร่วม 20 คน


 


พ.ต.อ.ดำรงค์ วัฒโนดร หัวหน้า ศสส.ภ.9 รายงานต่อที่ประชุมว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา สามารถให้การช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ได้ 11 ราย ถูกหลอกไปค้าประเวณีในประเทศมาเลเซีย 4 ราย ถูกหลอกไปเป็นพนักงานเสิร์ฟในสถานบริการที่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ 4 ราย ถูกหลอกไปเป็นหมอนวดที่ประเทศสิงคโปร์ 2 ราย ส่วนใหญ่เป็นคนภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งหมดเดินทางผ่านอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา


 


พ.ต.อ.ดำรงค์ รายงานต่อไปว่า มีอยู่รายหนึ่งเป็นสตรีชาวบ้านนุปาโหยง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ชื่อนางสาวซีตีอีฉะ บินตีออสมัน อายุ 17 ปี ถูกหลอกพามาเที่ยวในประเทศไทย ผ่านทางอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กำลังจะถูกนำตัวขึ้นกรุงเทพมหานคร พอถึงจังหวัดพัทลุงหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจ


 


พ.ต.อ.ดำรงค์ ได้นำเสนอผลการปฏิบัติงานและสถิติการค้ามนุษย์ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ว่า ในปี 2547 มี 31 คดี จับกุมผู้กระทำผิดได้ 28 คน ปี 2548 มี 31 คดี จับกุมผู้กระทำผิดได้ 46 คน ปี 2549 มี 9 คดี จับกุมผู้กระทำผิดได้ 12 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับการค้าประเวณี และผู้ถูกจับกุมเป็นสตรี เหตุเกิดส่วนใหญ่ในจังหวัดสงขลา โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ เนื่องจากมีประชากรมาก ส่วนปี 2550 ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม มี 6 คดี จับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 คน ในจำนวนนี้ เกิดที่อำเภอสุไหงโก - ลก 4 คดี


 


พ.ต.อ.ดำรงค์ รายงานอีกว่า ขณะนี้ผู้กระทำผิดคดีค้ามนุษย์ 2 ราย มีพฤติการณ์หลอกหญิงไปค้าประเวณีในประเทศมาเลเซีย คือ นางสาวดวงพร โสภากุล อายุ 28 ปี ชาวอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ซึ่งจับกุมได้แล้ว ส่วนอีกรายชื่อนางต้อย ไม่ทราบนามสกุล อายุ 50 ปี เป็นชาวจังหวัดนครพนมเช่นกัน อยู่ระหว่างการสืบสวนหาตัวมาลงโทษ ขณะนี้ได้ประสานกับสถานีตำรวจท้องที่เพื่อขอออกหมายจับแล้ว


 


จากนั้นผู้เข้าร่วมประชุมได้นำเสนอข้อมูล และแนวทางการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยส่วนใหญ่ระบุว่า ปัญหาการค้ามนุษย์มักจะเกี่ยวพันกับการค้าประเวณี ปัญหายาเสพติด แก๊งค์จักรยานยนต์ซิ่ง และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย


 


พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปัญหาการค้าประเวณีส่วนหนึ่ง เกิดจากผู้หลักผู้ใหญ่บางคน เมื่อเดินทางลงพื้นที่มักจะถามหาเด็ก จะต้องลดพฤติกรรมนี้ลงให้ได้ ส่วนแก๊งค์รถซิ่งในอำเภอหาดใหญ่ มักเกิดจากวัยรุ่นที่พื้นฐานครอบครัวมีปัญหา ตนรู้จักกับหัวหน้าแก๊งค์คนหนึ่ง ชักชวนเด็กหญิงอายุ 12 ปี ไปเที่ยวแล้วกักขังไว้ 2 สัปดาห์ จากนั้นให้เสพยาเสพติดและกระทำชำเราถึง 25 ครั้ง เมื่อถามเด็กผู้หญิงว่าทำไมถึงยอมไป ได้รับคำตอบว่า แค่มาดูรถซิ่งแล้วอยากลองไปเที่ยวด้วย


 


พ.ต.อ.สาคร เปิดเผยต่อไปว่า ในอำเภอหาดใหญ่ ช่วงวันศุกร์และเสาร์ มีนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงมาก รวมทั้งคนมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย บางครั้งการตรวจหาสารเสพติดลำบากมาก โดยเฉพาะการตรวจกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังในพื้นที่ ที่มักไม่ให้ความร่วมมือ เช่น ย้อนถามว่ามีอำนาจอะไรถึงไปตรวจ เป็นต้น ดังนั้น การตรวจสถานบันเทิง ต้องบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะจะมีช่วยได้มาก


 


พ.ต.ท.นราศักดิ์ เชียงสุข รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวในที่ประชุมว่า การค้าประเวณีในจังหวัดยะลายังมีอยู่ โดยเฉพาะในอำเภอเบตง ส่วนใหญ่เป็นสตรีที่มาจากทางภาคเหนือ ส่วนต่างชาติก็จะเป็นชาวจีน อุซเบกิสถาน สำหรับการตรวจตรวจตราตามหอพักต่างๆ ในเขตเทศบาลนครยะลา ได้กระทำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบได้ 7 คนพร้อมอาวุธ ทั้งหมดเสพยาเสพติด ส่วนยาเสพติดที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้ คือ 4 คูณร้อย ใช้ใบกระท่อมผสมกับยากันยุง น้ำดื่มโค้ก ยาแก้ไอ ผู้เสพมีทั้งชายและหญิง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีเครื่องมือตรวจหาสารเสพติดประเภทนี้


 


นายสัจจา ศรีเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาวชิราวุธ ในฐานะที่ปรึกษา ศสส.ภ.9 กล่าวว่า ขณะนี้การใช้ยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้ใบกระท่อม มาเป็นสารชนิดหนึ่งเรียกว่า ไบโตแพล็กส์ ส่วนในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จะใช้ใบขี้เหล็กแทนใบกระท่อมที่หายากขึ้น กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เริ่มมีการใช้ขี้วัวสด โดยจะใช้กะลามะพร้าวมาขูดขี้วัวที่มีกลิ่นฉุนมากๆ แล้วมาสูดดม ทำให้เมาได้เหมือนกัน สำหรับยาเสพติดประเภทนี้ ได้รับความนิยมในประเทศอินโดนีเซียมาก่อน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net