ประชาไท - 25 มิ.ย.50 ย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน กลุ่มองค์กรภาคประชาชน อาทิ กลุ่มเพื่อประชาชน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาประชาชน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย เครือข่ายสลัม 4 ภาค มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม สภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พร้อมใจจัดงาน ครบรอบ 75 ปี การอภิวัฒน์ไทย 24 มิถุนายน 2475 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อตอบย้ำวันสำคัญในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนไทยทุกคน
"วันที่ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ" นี่คือข้อความที่ปรากฏให้เห็นบนแผ่นทองเหลืองซึ่งถูกฝังอยู่บนลานพระบรมรูปทรงม้าในวันนี้ ณ จุดที่พลเอกพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร ประกาศชัยชนะของการอภิวัฒน์สังคมไทย อันเป็นการเริ่มต้นของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เป็นหลักประกันซึ่งสิทธิ เสรีภาพ และภราดรภาพของประชาชนตั้งแต่เมื่อปี 2475 จนถึงปัจจุบัน
บรรยากาศยามเช้าของงานรำลึกจากการสังเกตการณ์ของประชาไท มีผู้ทยอยเข้าร่วมตั้งแต่ตี 5 และเริ่มหนาตามากขึ้นในช่วงฟ้าสาง สำหรับวันที่ 24 มิ.ย. เคยเป็นวันชาติไทย ซึ่งเป็นวันประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ต่อมา ในปี พ.ศ. 2503 ทางราชการได้ถือเอาวันพระราชสมภพของพระประมุขแห่งชาติเป็นวันชาติแทน
"ลูกหลานไม่รู้เลยว่าวันที่ 24 มิถุนายน คือวันชาติที่ราษฎรได้มีสิทธิมีเสียง มีความเสมอภาคเท่าเทียมคนทั้งหลาย" นายเดช พุ่มคชา นักพัฒนาอาวุโส กล่าวถึงความสำคัญกับวันที่ 24 มิถุนายน
นายเดช ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเรามีประชาธิปไตย ที่เป็นเพียงแค่หมุด มีเพียงหลักฐานเชิงสัญลักษณ์ แต่สิทธิ เสรีภาพ ภราดรภาพอย่างเท่าเทียมที่รัฐควรทำให้เกิดขึ้น-ไม่เคยมี ดังนั้นคนที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้คือประชาชนซึ่งจะเป็นผู้สืบสานเจตนารมณ์ของคณะราษฎร โดยการเผยแพร่ ชักชวนให้หลักทั้ง 6 ประการให้เป็นจริง และเป็นของพี่น้องประชาชน
กิจกรรมวันนี้เริ่มต้นท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนด้วยพิธีกรรมสืบชะตา 24 มิถุนายน ประชาธิปไตยโดยการจุดเทียนหลัก6ประการ และผู้ร่วมงานได้ร่วมจุดเทียนล้อมรอบหมุดจารึกข้อความประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ผู้เป็นตัวแทนจุดเทียนหลัก 6 ประการทั้งหกท่านก็ได้แถลงคำประกาศคณะราษฎร 6 ประการ ซึ่งได้เคยมีการประกาศในวันนี้เมื่อ 75 ปีที่แล้ว โดย นายสมศักดิ์ โกสัยสุข เลขาธิการศูนย์ประสานงานกรรมกรแห่งชาติ ประกาศหลักประการแรก คือ "การดำรงไว้ซึ่งเอกราชทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในทางการเมือง ศาล และเศรษฐกิจ ตามเจตจำนงของคณะราษฎร" หลักประการที่ 2 เรื่องความปลอดภัย นางสาว
นางรสนา ยังได้เสนอการอภิวัฒน์ทางศาสนาเพื่อลดการประทุษร้ายต่อกัน และการอภิวัฒน์เศรษฐกิจเพื่อกระจายทรัพยากรให้กับประชาชน ส่วนในหลักประการที่ 3 ดร.
จากนั้นเป็นการปาฐกถาโดย นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ราษฎรอาวุโส ในหัวข้อ "ไปให้ไกลกว่าประชาธิปไตยเลือกตั้ง" ต่อด้วยการอ่านคำประกาศจากองค์กรภาคประชาชน โดย นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เป็นตัวแทนกลุ่มแรงงาน นาย
"หลัก 6 ประการนี้ ฝากไว้กับประชาชนทุกคนที่จะหันมาทบทวน ไม่มีสิ่งใดเป็นสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้แต่ทุกอย่างล้วนเกิดจากการร่วมมือร่วมใจกันเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน ที่จะรักษาเจตนารมณ์ที่ดีของคณะราษฎรสืบต่อไป" นางสาววิไลวรรณกล่าว
ด้านนายกิจ กล่าวตอกย้ำในประเด็นเดียวกันว่า ไม่คาดหวังต่อการทำงานของรัฐหรือของนักการเมือง เพราะชาวนาต้องเป็นผู้ช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอดและการพัฒนาของรัฐที่ผ่านมานั้นทำให้เกิดความยากจน ครอบครัวต้องแตกสลาย สังคมเกิดการแบ่งชนชั้นให้ชาวนา ให้คนจนกลายเป็นคนรากหญ้าที่ไม่มีสิทธิมีเสียงแม้แต่การต่อสู้บนท้องถนน การพัฒนาไม่ได้ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างที่คณะราษฎรเคยประกาศ มีแต่เพียงคนมีอำนาจเพียงไม่กี่ตระกูลเป็นผู้ได้ประโยชน์ ดังนั้นจึงขอยืนหยัดการปกป้องประชาธิปไตยด้วยมือของประชาชนเอง
ส่วนนายภัทรดนัย ได้ออกมาแสดงจุดยืนขอ งสนนท.ที่ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ประกาศเจตนารมณ์ทวงคืนรัฐธรรมนูญปี 40 โดยเชิญชวนให้ผู้มาร่วมงานไปร่วมลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ในวันที่ 19 สิงหาคมที่จะถึงนี้
หลังจบการอ่านคำประกาศ ผู้ร่วมงานร่วมวางดอกไม้เชิดชูเกียรติแด่วีระชนผู้เสียสละลงบนหมุดทองเหลืองอย่างสงบ พร้อมปิดท้ายกิจกรรมการหวนรำลึกถึงวันแห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ด้วยเสียงขลุ่ยจาก ศรีไพร เมฆาลัย กวีเมืองเพชรผู้ขึ้นเวทีพร้อมด้วยขลุ่ย