Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี


 


อนุสนธิ (1) จากการอ่านบทความในสื่อปลุกระดมแนวใหม่ในยุคหลังทันสมัย (post-modern) เรื่องนายพล วาง เปา อดีตนายทหารเผ่าม้ง แห่งกองทัพราชอาณาจักรลาวที่ไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐหลังเวียงจันทน์แตกในปี 2518 แล้วถูกตำรวจสหรัฐจับเมื่อกลางเดือนมิถุนายนด้วยข้อหา วางแผนใช้กำลังประกอบอาวุธโค่นล้มรัฐบาลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐ (2) ทำให้เกิดความประทับใจว่า การรื้อฟื้นความคิดแบบขวา/ซ้าย เพื่อทำลายกันทางการเมือง (หรืออาจจะถึงกับทำลายชีวิตกันจริงๆ) กำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ในบริบทใหม่ที่แสนจะหลุดโลก หลังจากที่มันสงบนิ่งมา 30 ปี


 


บทความดังกล่าว (3) เขียนโดยผู้ใช้นามปากกาว่า สปาย หมายเลขหก ในสไตล์การเขียนเลียนแบบรายงานข่าวกรอง เพื่อทำให้เรื่องที่เขียนดูมีความลึก และลับ เพื่อขอยืมความขลังของมันตรงที่ไม่มีใครรู้มากนัก (ว่ามันถูกหรือผิด) ชวนคนอ่านให้เชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม และ เลือกเผยแพร่บทความดังกล่าวได้ถูกที่ คือเลือกเวบไซต์ และ หนังสือพิมพ์ แนวขวาจัดอนุรักษ์นิยม ซึ่งกำลังทำตัวเป็นสื่อปลุกระดมยุคใหม่ ที่มีผู้เปรียบเปรยว่า ทำหน้าที่คล้ายๆ กับ ดาวสยามและวิทยุยานเกราะ เมื่อกว่า 3 ทศวรรษที่แล้ว และกำลังไต่เส้นแดงหมิ่นเหม่ต่อการล้ำเข้าไปในแดนของ สิ่งที่องค์การสหประชาชาติเรียกว่า "สื่อแห่งความเกลียดชัง" เข้าไปทุกทีแล้ว


 


ท้องเรื่องที่นำเสนอออกแนววรรณกรรมโฆษณาชวนเชื่อยุคสงครามเย็น งานเขียนแบบนี้ ชวนให้นึกถึงนิยายแนวแอคชั่น-อิโรติก ของ ก้องหล้า สุรไกร ในไทยรัฐเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน เพียงแต่ฝีมือการเขียนเทียบก้องหล้าไม่ติด คือเป็นงานที่มุ่งเชิดชูบทบาทของทหารไทยร่วมกับชนกลุ่มน้อยม้ง และฝ่ายขวาในลาวในการแทรกซึมต่อต้านและบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐบาลเวียงจันทน์ เพื่อมุ่งหวังฟื้นฟู "การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" (วลีนี้เป็นคติทางการเมืองของไทย ไม่เคยปรากฎว่ามีอยู่ในลาว แม้การปกครองก่อนปี 2518 ก็ไม่เรียกเช่นนั้น) โดยนำเสนอตัวละครที่มีอำนาจทางการเมืองไทยปัจจุบัน อย่างพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และ พลเอกบุญรอด สมทัศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอกสนธิ บุญยะรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ว่าล้วนแล้วแต่เป็นนายทหารฝ่ายขวาที่เติบโตมาด้วย "ราชการพิเศษ" (พูดให้ตรงคือทหารรับจ้าง) เพื่อบ่อนทำลายประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วทั้งนั้น ทั้งๆ ที่สามนายพลไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องโดยตรง


 


สปาย หมายเลขหก ไม่สนใจความถูกต้องของข้อมูล ทั้งๆ ที่เป็นข้อมูลเปิดเผยที่ตรวจสอบได้ง่ายๆ ตัวอย่างเช่น เขียนว่า "วังเวียง กับทุ่งไหหินอยู่ใกล้กัน" ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วอยู่คนละแขวง และ "นั่งรถหากันเป็นวันยังไปไม่ถึง" (สำนวนก้องหล้า ต้องว่า หนทางไกลขนาดนี้ทำเอาสะโพกเนียนๆ ของบัวตอง ช้ำไปเป็นกอง) หรือ พยายามจะยัดเยียด "ความเป็นไทย" ให้ผู้นำเพื่อนบ้าน โดยการบอกว่า "พลเอก คำไต สีพันดอน อดีตประธานประเทศลาว เป็นคนบ้านนาหว้า มุกดาหาร" ซึ่งผิดข้อเท็จจริงเพราะท่านเป็นคน จำปาสัก ทางภาคใต้ของลาว (ความจริงถ้าทางการลาวประท้วงเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นปัญหาทางการทูตกับเพื่อนบ้านได้อีก)


 


นักเขียนฝ่ายขวามักนิยมกษัตริย์ และพยายามสร้างเรื่องที่เชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดเวลา สปาย หมายเลขหก ก็เช่นกัน เขาเชื่อมโยงเหตุระเบิดหลายครั้งในลาว (ส่วนใหญ่ในเวียงจันทน์) ในช่วงปี 2543 ว่าเป็นฝีมือของพวกฝ่ายขวา เฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มนายพลว่าง เปา ว่าต้องการปลุกระดมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้การนำของราชวงศ์ร่มธงขาว ทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ความรุนแรงในลาวกับกลุ่มราชวงศ์ได้เลย แม้แต่เหตุการณ์วังเต่าในปีนั้น ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า กลุ่มพระญาติพระวงศ์ลาวไม่มีใครทราบเรื่องหรือรู้เห็นเป็นใจเลย จดหมายแต่งตั้ง สีสุก ไซยะแสง เป็นผู้ต่างหน้า ไม่เพียงพอต่อการเชื่อมโยงการปล้นด่านวังเต่า เข้ากับกลุ่มพระญาติพระวงศ์ลาวได้เลย ความจริงแม้แต่รัฐบาลลาวปัจจุบันก็ไม่เคยกล่าวหาว่ากลุ่มพระญาติพระวงศ์ลาวเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในลาว


 


แนวทางการต่อสู้ของกลุ่มม้งกับกลุ่มเจ้าลาว ไม่ได้ไปในทางเดียวกัน และพวกเจ้าก็ไม่ได้นิยมแนวทางของ ว่าง เปา เจ้าชายสุริวงศ์ สว่าง เคยให้สัมภาษณ์ กับผู้เขียนที่ปารีส เมื่อสองปีก่อนว่า พระองค์ปรารถนาจะให้ประชาชนลาวเป็นคนเลือก ด้วยวิธีลงประชามติเท่านั้นว่า จะให้ลาวมีการปกครองแบบมีกษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ (4) พระองค์ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังยึดอำนาจ แม้มันจะทำให้พระองค์จะได้เป็นประมุขก็ตาม และในคำฟ้องคดีของทางการสหรัฐต่อ ว่าง เปา ไม่ได้พูดถึงระบอบการปกครองหลังยึดอำนาจเลยแม้แต่น้อย ทั้งไม่มีรายงานว่า กลุ่ม ว่าง เปา ติดต่อกับพวกเจ้าอีกด้วย


 


แต่ที่ผิดพลาดฉกาจฉกรรจ์คือการทึกทักเอานิทานกำมะลอว่าเป็นเรื่องจริง ด้วยการบอกว่า อนุวงศ์ เชษฐาธิราช และ อุไรวรรณ ภรรยา เป็นรัชทายาทราชวงศ์ร่มธงขาวถูกสังหารที่จังหวัดหนองคายเมื่อสองปีก่อน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นข่าวคึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์ ใครๆ ก็ทราบดีว่าคนที่ถูกสังหารที่หนองคายเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว คือ ดร.สมอก สามัญชนชาวลาวจากภูเขาควาย อพยพไปอยู่สหรัฐ ใช้ชื่อว่า ฟิลิป แมคโรวัน อ้างตัวเป็นเชื้อพระวงศ์ว่าสืบมาจากเจ้าอนุวงศ์ ต่อให้เขาเป็นลูกหลานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนุวงศ์จริง เขาก็ไม่ใช่รัชทายาทของราชวงศ์ร่มธงขาว


 


เพราะรัชทายาทราชวงศ์ร่มธงขาวตัวจริง คือ เจ้าชายสุริวงศ์ สว่าง พระโอรสขององค์มกุฎราชกุมาร หรืออีกนัยหนึ่ง ราชนัดดา องค์โต ของเจ้ามหาชีวิตของลาวองค์สุดท้าย ปัจจุบันอาศัยอยู่ชานกรุงปารีส หาได้มีใครทำร้ายให้เสียชีวิตแต่อย่างใดไม่ และดูเหมือนความคิดที่จะฟื้นฟู "การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ในลาวของพระองค์นั้นเลือนลางเต็มทน


 


นักเขียนฝ่ายขวาชอบใช้จินตนาการที่ไม่สมจริงเกี่ยวกับกษัตริย์และพระราชอำนาจ อย่างในกรณีของไทย นักเขียนในแนว สปาย หมายเลขหก หลายคนเรียกร้องอำนาจพระมหากษัตริย์ในทางการเมืองเกินเลยกว่ารัฐธรรมนูญและจารีตประเพณีจะให้ได้ เช่นขอให้พระองค์พระราชทานนายกรัฐมนตรีให้ใหม่บ้าง ทั้งๆที่มีพระบรมราชวินิจฉัยแล้วว่า ทำไม่ได้ และ "มั่ว" แต่ก็ยังเฝ้าเรียกร้องและกล่าวหาคนที่คัดค้านว่าจ้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวในแง่นี้ พวกเขามีความนิยมกษัตริย์มากกว่าเจ้าเสียอีก และว่ากันตามตรรกดังกล่าว พวกเขากำลังกล่าวหาพระมหากษัตริย์ว่ากำลังบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์เสียเอง


 


ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาของนักเขียนฝ่ายขวาจำนวนมากและ สปาย หมายเลขหก ก็ไม่ได้รับการยกเว้น คือ ความไม่เคร่งครัดในความถูกต้องของข้อมูล เขาพูดถึงม้งถ้ำกระบอกว่าเป็นพวก "รอสัมภาษณ์" โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า ม้ง 15,000 คนจากถ้ำกระบอกขึ้นเครื่องบินไปสหรัฐแล้วตั้งแต่กลางปี 2548 ไม่อยู่ให้ใครใช้งานไปแทรกซึมใครอีกต่อไปแล้ว และม้งห้วยน้ำขาว ประมาณ 8,000 คนไม่ได้มาจากไซยะบุรีเท่านั้น (ความจริงจากไซยะบุรีส่วนน้อยหรือแทบไม่มีเลย) แต่มาจากหลายที่ รวมทั้งที่ตกค้างจากถ้ำกระบอกด้วย


 


และที่สำคัญพวกเขาไม่ได้มีปัญหาทางอุดมการณ์กับชาวบ้านห้วยน้ำขาวซึ่งเป็นอดีตแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ อย่างที่ สปายหมายเลขหก ว่าเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกทางชาติพันธุ์ได้กลืนกินอุดมการณ์ ซ้าย/ขวา ไปจนสิ้น


 


ประทานโทษ คนที่รับจ้างพาลูกหลานอดีตนักรบซีไอเอให้ข้ามมาอยู่เพชรบูรณ์ เป็นอดีตคอมมิวนิสต์ทั้งนั้น (ถ้าอยากรู้เรื่องนี้ถามผู้ใหญ่ไสว ลีปรีชา ที่บ้านนั้นดูก็ได้ ไม่ต้องไปหารายงานข่าวกรองมั่วๆ ที่ไหน)


 


งานเขียนของ สปายหมายเลขหก บ่งบอกรสนิยมของนักเขียนฝ่ายขวาได้ดีว่าไม่มีข้อมูลแต่นิยมกุเรื่องขึ้นตามจินตนาการ เพื่อรับใช้เป้าหมายในการเข่นฆ่าศัตรูทางการเมือง ดังตัวอย่างจินตนาการปฏิญญาฟินแลนด์ ขึ้นมาเพื่อป้ายสี ทักษิณ ชินวัตร และพวกว่าต้องการล้มสถาบันกษัตริย์ที่ลือลั่นในอดีต กระทั่งผู้กล่าวหาเรื่องนี้ถูกฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นคดี


 


นักเขียนฝ่ายขวานิยมใช้วาทกรรมเกินจริงเพื่อสร้างให้ศัตรูทางการเมืองของพวกเขาเป็นสิ่งอุบาทว์ และชั่วร้าย หรืออาจเป็นภูติผีปีศาจ เช่น สมัยก่อน สื่อมวลชนฝ่ายขวาเขียนภาพคอมมิวนิสต์ว่าเป็นลัทธิอุบาทว์ ในสมัยปัจจุบันนักเขียนฝ่ายขวาก็เขียนให้ทักษิณ (ซึ่งพวกเขาไม่อาจจะเรียกเป็นอย่างอื่นได้นอกจาก "แม้ว" อันเป็นวาทะกรรมแห่งการดูแคลนที่ใช้เรียกชาวม้ง) ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อุบาทว์ เป็นดั่งปีศาจร้าย เขาจึงสร้างภาพคนนิยมทักษิณ เหมือนกับคนโง่เขลาที่หลงผิด เหมือนคนป่วยติดยาที่ต้องได้รับการบำบัด ทั้งๆ ที่ในโลกของความเป็นจริงนั้น ความนิยมทางการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ ไม่ว่าจะคลั่งทักษิณ หรือ คลั่งสนธิ ก็ไม่ใช่ความผิดความชั่วใดๆ ทั้งสิ้น ตราบเท่าที่ไม่ได้คลั่งจนต้องไปฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง


 


บางทีพวกนักเขียนฝ่ายขวาเองต่างหากที่ถูกภาพหลอนทักษิณที่ตัวเองเขียนขึ้นหลอกหลอนจนเหมือนคนป่วยเข้าไปทุกทีแล้ว สังเกตได้จากถ้อยคำ ในบทความหรือรายงานข่าวที่พวกเขาเขียนในระยะหลังดูพิลึกพิลั่นมากกว่าตอนที่มีการประท้วงขับไล่ทักษิณเมื่อปีที่แล้วเสียอีก


 


นักเขียนฝ่ายขวามักนิยามตัวเองเข้ากับคุณงามความดีของความเป็นชาติและเป็นประชาธิปไตยด้วย แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาจะเป็นกองเชียร์หลักในการปกครองของทหารก็ตาม ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามของเขาจึงเป็นพวกไม่รักชาติ ขายชาติ และไม่เป็นประชาธิปไตย พวกเขานิยมการเขียนหนังสือด้วยตรรกะแปลกๆ ทั้งๆ ที่ประชาธิปไตยมีแบบแผนของมันชัดเจนว่าใช้การเลือกตั้งเป็นวิถีทางในการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครอง และผู้ปกครองที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ต้องถูกตัดสินด้วยกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอิสระ ไม่ใช่ศาลจิงโจ้ (5) แต่พวกเขาสามารถพูดได้หน้าตาเฉยว่า การเปลี่ยนผู้ปกครองด้วยอำนาจทางทหารเป็นไปเพื่อการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย


 


หรือ สปาย หมายเลขหก กำลังเสนอว่า การปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะสมบูรณ์ได้ก็ด้วยการใช้กำลังทหารโค่นล้มรัฐบาลเก่าอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เศร้า เพราะนั่นคือรสนิยมทางการเมืองในยุคทศวรรษ 1960 ไม่ใช่ยุคหลังทันสมัยเลย          


 


หมายเหตุ:


 


(1) เอาแค่ อนุสนธิ ก็พอ เพราะประเทศนี้มี อภิมหาสนธิ มากเกินความจำเป็นแล้ว


(2) ถ้าพลเอก สนธิ และพันธมิตร เป็นคนอเมริกัน ต้องถูกข้อหานี้เหมือนกัน


(3) โปรดดู เปิดลับไทย กับปัญหาวังวน-วังเวียง…รหัส AB13 ในลาวและนายพล วังเปา ในผู้จัดการ


(4) The Nation June 26, 2005 p.1


(5) ขออนุญาตแปล สิ่งที่ ธงชัย วินิจจะกูล เรียก Kangaroo court


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net