ประชาไท - 20 ก.ค. 50 เมื่อวันที่ 19 ก.ค. สมัชชาคนจนออกแถลงการณ์ เรื่อง ประชาชนต้องกำหนดอนาคตของตนเอง ระบุ คำพูดของนายกรัฐมนตรีและมติ ครม. ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เรื่องการเปิดปิดเขื่อนปากมูล ทำให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลของพวกเขาลดน้อยลง
"ครั้งแรกเห็นชอบให้เปิดประตูน้ำ แต่ประตูน้ำยังไม่ทันเริ่มเปิด ก็มีมติให้รักษาระดับน้ำ 106-108 นั่นก็คือการปิดประตูน้ำ และให้ตั้งกรรมการขึ้นมากำกับการรักษาระดับน้ำ แต่กรรมการดังกล่าวยังไม่ทันแต่งตั้ง ครม.ก็มีมติใหม่ ให้ตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาการปิดเปิดประตูน้ำ ความไม่แน่ไม่นอนดังกล่าวแสดงถึงการไร้หลักการของท่านผู้นำและคณะ เป็นภาพสะท้อนว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่ขิงแก่แต่เป็นยาหมดอายุ" แถลงการณ์ระบุ
โดยนอกจากความไม่แน่นอนของมติ ครม.แล้ว สมัชชาคนจนได้ระบุว่า การปฏิบัติตามมติ ครม. ก็มีสองมาตรฐานด้วย โดยหลังจาก ครม.เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เห็นชอบให้รักษาระดับน้ำเขื่อนปากมูล ที่ระดับ 106-108 ม.รทก. กฟผ.ก็เริ่มรักษาระดับน้ำทันที แต่เมื่อมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เห็นชอบให้ตั้งกรรมการเพื่อพิจารณาปิดเปิดประตูน้ำที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ เป็นประธาน กลับต้องรอมติ ครม.ที่เป็นทางการ
นอกจากนี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอโขงเจียมได้ประกาศหอกระจายข่าวว่าทางอำเภอให้ชาวประมงไปลงชื่อแสดงประชามติว่าจะเปิดหรือปิดเขื่อนปากมูล แทนการแจ้งวันเวลาการเปิดประตูน้ำตามที่ตกลง ซึ่งทำให้เห็นว่า ภาครัฐในทุกระดับไม่เคยมีความจริงใจในการแก้ปัญหา
"ที่ผ่านมา เขื่อนฯ ปิดกั้นเส้นทางของปลา แต่ไม่ได้ปิดปากท้องที่โหยหิวของพวกเรา ดังนั้นในวันนี้ พวกเราขอยืนยืนอีกครั้งหนึ่งว่า หากรัฐบาลยังคงเล่นเล่ห์เพทุบาย ถ่วงเวลาไม่แก้ปัญหาอย่างเป็นธรรม พวกเราจะเปิดประตูเขื่อนต้อนรับปลาด้วยตนเอง"
แถลงการณ์สมัชชาคนจน
ประชาชนต้องกำหนดอนาคตของตนเอง
วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ณ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน
-----------------------------
ความเชื่อมั่นของพวกเราต่อรัฐบาล นับวันจะเสื่อมทรามลง วาจาที่ไร้สัจจะของนายกรัฐมนตรี และมติ ครม.ที่เลื่อนลอยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นที่เอือมระอาของพวกเราอย่างยิ่ง ในรอบ ๒ เดือนที่ผ่านมา ครม. ได้นำกรณีเขื่อนปากมูลเข้าประชุมปรึกษากัน ๓ ครั้ง แต่ละครั้งมีมติที่แตกต่างกันไป
ครั้งแรกเห็นชอบให้เปิดประตูน้ำ แต่ประตูน้ำยังไม่ทันเริ่มเปิด ก็มีมติให้รักษาระดับน้ำ ๑๐๖ - ๑๐๘ นั่นก็คือการปิดประตูน้ำ และให้ตั้งกรรมการขึ้นมากำกับการรักษาระดับน้ำ แต่กรรมการดังกล่าวยังไม่ทันแต่งตั้ง ครม.ก็มีมติใหม่ ให้ตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาการปิดเปิดประตูน้ำความไม่แน่ไม่นอนดังกล่าว แสดงถึงการไร้หลักการของท่านผู้นำและคณะ เป็นภาพสะท้อนว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่ขิงแก่แต่เป็นยาหมดอายุ
นอกจากความไม่แน่นอนของมติ ครม.แล้ว การปฏิบัติตามมติ ครม. ก็มีสองมาตรฐาน คือ หลังจาก ครม.เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายนที่ผ่านมา เห็นชอบให้รักษาระดับน้ำเขื่อนปากมูล ที่ระดับ ๑๐๖ - ๑๐๘ ม.รทก. กฟผ.ก็เริ่มรักษาระดับน้ำทันที แต่เมื่อมติ ครม.เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคมที่ผ่านมา เห็นชอบให้ตั้งกรรมการเพื่อพิจารณาปิดเปิดประตูน้ำที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ เป็นประธาน
แต่เมื่อนายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ เรียกประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวันรุ่งขึ้น กลับ ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าเป็นเพียงการหารือนอกรอบเท่านั้น ในการประชุมจริงต้องรอมติ ครม.ที่เป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามในการประชุมดังกล่าวสามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ว่า กฟผ.จะเริ่มลดระดับน้ำในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ศกนี้ และจะเปิดประตูน้ำสุดบานประตูภายใน ๑๕ วัน
การประชุมผ่านไปยังไม่ครบ ๒๔ ชั่วโมง เช้าตรู่ของวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอโขงเจียมก็ประกาศหอกระจายข่าว ว่าทางอำเภอให้ชาวประมงไปลงชื่อแสดงประชามติว่าจะเปิดหรือปิดเขื่อนปากมูล แทนการแจ้งวันเวลาการเปิดประตูน้ำตามที่ตกลงกัน ยิ่งทำให้พวกเราเห็นความปลิ้นปล้อนของภาครัฐในทุกระดับที่ไม่เคยมีความจริงใจในการแก้ปัญหา
รัฐบาลได้เปลือยกายให้เห็นแล้วว่า เหตุผลทางวิชาการ ข้อตกลงทางการเมืองไม่ใช่แนวทางที่รัฐบาลนี้ยึดถือปฏิบัติในการแก้ปัญหาของพวกเรา ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือ ช่วงเวลาที่ปลาจากแม่น้ำโขงอพยพเข้าสู่แม่น้ำมูนผ่านมา กว่า ๒ เดือนแล้ว และตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของฤดูกาลที่ปลาจะอพยพเข้ามาในแม่น้ำมูน พวกเราชาวประมงที่รอจับปลา เพื่อนำมาเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ รอคอยด้วยความอดทน อดกลั้นมานานมากแล้ว สำหรับพวกเราแล้วไม่มีปลา ก็ไม่มีข้าว
ที่ผ่านมา เขื่อนฯ ปิดกั้นเส้นทางของปลา แต่ไม่ได้ปิดปากท้องที่โหยหิวของพวกเรา ดังนั้นในวันนี้ พวกเราขอยืนยืนอีกครั้งหนึ่งว่า หากรัฐบาลยังคงเล่นเล่ห์เพทุบาย ถ่วงเวลาไม่แก้ปัญหาอย่างเป็นธรรม พวกเราจะเปิดประตูเขื่อนต้อนรับปลาด้วยตนเอง
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
สมัชชาคนจน