Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 9 ส.ค.50   รายงานข่าวจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ประมาณ 50 คนได้รวมตัวกันหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเดินทางไปหน้ากองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) เพื่อทำกิจกรรมยิงธนู เป็นสัญลักษณ์เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกอีก 35 จังหวัดทั่วประเทศ และรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยด้านหน้าขบวนมีกลุ่มคนที่แต่งกายเลียนแบบทหารไทย สมัยพระเจ้าตากสิน ถือธงชาติสีแดง และคันธนูไม้


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อขบวนเคลื่อนไปได้เล็กน้อย ต้องหยุดชะงักเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล สายตรวจปฏิบัติการพิเศษราว 150 นาย พร้อมโล่และกระบองตรึงกำลังขวางถนนอยู่ พร้อมรถกระจายเสียงจากสถานีตำรวจนครบาล รวมทั้งมีการเตรียมรถขนผุ้ต้องหาของสน.สำราญราษฎร์มาเตรียมไว้ด้วย ขณะเดียวกันมีการประกาศให้สื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ เพื่อแยกแยะกลุ่มผู้ชุมนุมให้ชัดเจน เพราะเจ้าหน้าที่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ตามนโยบายที่ได้รับมา


 


ด้าน พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ ได้เข้ามาเจรจากับนายสมยศ พฤษาเกษมสุข แกนนำ กลุ่ม 24มิถุนา ขอไม่ให้เดินขบวน แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะเดินขบวนอย่างสงบ ส่วนการยิงธนู แสดงสัญลักษณ์ จะยิงขึ้นต้นไม้ และ จะไม่ขอยิงธนูเข้าไปในกองทัพบก ทั้งนี้หากมีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายก็ขอให้ตำรวจจับกุมได้เลย


        


นายสมยศ กล่าวว่า ธนูที่เตรียมมาไม่ใช่อาวุธ ซื้อมาจากสวนจตุจักรเพื่อเป็นการแสดงออกของการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย รณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญและ ให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ทั้งหมดเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย และยืนยันว่าจะพยายามไม่สร้างปัญหาการจราจร โดยกลุ่มผุ้ชุมนุมจะขอใช้เส้นทางการจราจรบนถนนราชดำเนินเพียงช่องทางเดียว


อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังเผชิญหน้ากันครู่ใหญ่โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ รถกระจายเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเพลงสดุดีมหาราชา เพลงรักกันไว้เถิดฯ  ส่วนทางกลุ่มผู้ชุมุนุมก็ได้อ่านแถลงการณ์ และร้องเพลงปณิธานแห่งเสรีชนของจิ้น กรรมาชน และเพลงสู้ไม่ถอย ฯ เป็นการตอบโต้  


 


จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมขอยิงธนูไม้ดังกล่าวข้ามแนวตำรวจที่ตรึงกำลังขวางถนนไว้แทน เพื่อเป็นสัญลักษณ์การก้าวข้ามแนวกำแพงเผด็จการ หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ถอยหลังคนละ 10 ก้าวตามที่ตกลง แล้วจึงสลายการชุมนุม


 







แถลงการณ์


 


ประณามกระบวนการประชามติใต้กฎอัยการศึก และประณามสารพัดวิธีสกปรกเพื่อเอาชนะประชามติ


 


ขอเชิญชวนทหารทุกเหล่าทัพลงประชามติไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญ 50 ยกเลิกกฎอัยการศึกและ ยุติการคุกคามประชาชน


 


นับแต่มีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยา เป็นต้นมา 10 เดือน ผ่านไป ใกล้วันลงประชามติทุกทีแต่กฎอัยการศึก 35 จังหวัดยังไม่ยกเลิก   ผลคือการรณรงค์เคลื่อนไหวให้รับร่างรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้ แต่การรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้นทำไม่ได้ เพราะถูกสั่งห้ามเนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง การคงกฎอัยการศึกไว้ทำให้ประชาชนไม่มีเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่สามารถถกเถียงกันได้เต็มที่ กระบวนการลงประชามติภายใต้กฎอัยการศึกจึงเท่ากับมีปืนจี้ศีรษะอยู่นั่นเอง เป็นการสร้างข้อจำกัดในเชิงข้อมูลข่าวสารและการตัดสินใจรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และยังสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวไปทุกหย่อมหญ้าอันส่งผลเป็นการบีบบังคับให้ต้องรับร่างรัฐธรรมนูญ กฎอัยการศึกยังทำให้เกิดช่องว่างของอำนาจ กล่าวคือ อาจมีการใช้อำนาจพิเศษของทหารในขณะที่ยังมีกฎอัยการศึกอยู่ช่วยโกงคะแนนเสียงทั้งก่อนและวันลงประชามติโดยไม่มีองค์กรใดจะตรวจสอบได้ ข้ออ้างแต่เดิมที่ฟังไม่ขึ้นมาตั้งแต่แรกคือคลื่นใต้น้ำก็หมดไปแล้ว การคงกฎอัยการศึกไว้จึงเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อจัดการกับศัตรูทางการเมืองที่มีความเห็นต่างและเพื่อเอาชนะการลงประชามติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


 


ยังไม่นับการใช้วิธีการอันชั่วร้ายป่าเถื่อนต่าง ๆ นานาในการขัดขวางขบวนการรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับสืบทอดอำนาจเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่คุกคามด้วยการเผาทำลายรถแทกซี่อันเป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชนผู้หนึ่งที่ร่วมรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ การสลายการชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาและจับกุมคุมขังแกนนำ นปก. แล้วป้ายสีว่าต้องการล้มประชามติ การจับกุมประชาชนที่ออกมาแจกใบปลิวขับไล่เผด็จการ/รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ การข่มขู่ประชาชนและผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญ การส่งคนเข้าไปจัดตั้งมวลชนเป็นฐานคะแนนเสียงให้รับร่างรัฐธรรมนูญโดยอาศัยกลไกและงบประมาณของรัฐอันเป็นภาษีของประชาชน การค้นบ้านอดีต ส.ส.ที่รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 การยกกำลังเข้าปล้นสื่อรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่มูลนิธิดวงประทีป การส่งเจ้าหน้าที่ทหาร/ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบติดตามแกนนำและผู้ปฏิบัติงานรณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญไปยังสำนักงานและที่พัก การส่งคนไปทำลายสื่อรณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญตามที่ต่าง   ๆ หรือแม้แต่การจงใจกำหนดวันลงประชามติให้กระชั้นชิดเพื่อให้ประชาชนมีระยะเวลาในการทำความเข้าใจรัฐธรรมนูญน้อยเกินไป เป็นต้น


 


วิธีการสกปรกชกใต้เข็มขัดเหล่านี้ถูกนำมาใช้อย่างหนักข้อขึ้นทุกทีในช่วงใกล้วันลงประชามติ ยังไม่นับว่าสื่อมวลชนส่วนใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชนล้วนอยู่ใต้การควบคุมและสมยอมแทบทั้งสิ้น จึงไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ มีการปิดกั้นบิดเบือนข้อมูลข่าวสารกันอย่างเป็นระบบ โฆษณาชวนเชื่อแต่ด้านดีของรัฐธรรมนูญอย่างน่าเกลียด เป็นการใช้สื่อในทางที่ไม่เป็นคุณต่อระบอบประชาธิปไตยหรือกระทั่งรับใช้เผด็จการอย่างเปิดเผย ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 จึงถูกปิดล้อมแทบทุกทาง


 


พวกเราจึงขอประณามกระบวนการประชามติที่ไม่เป็นธรรมภายใต้กฎอัยการศึก ขอประณามการใช้วิธีการป่าเถื่อน สกปรกต่าง ๆ นานาโดยหวังเพียงอย่างเดียวให้ได้ชัยชนะสามารถสืบทอดอำนาจเผด็จการได้ตามปรารถนา พวกเราขอเรียกร้องต่อกองทัพบกคือ หนึ่ง ให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกทุกพื้นที่ทันที และยุติการคุกคาม ขัดขวาง สกัดกั้น การให้ร้ายป้ายสี ที่มีต่อการเคลื่อนไหวของประชาชนในการคว่ำรัฐธรรมนูญ 50    สอง ขอให้พี่น้องทหารหาญแห่งกองทัพไทยที่ยังรักในประชาธิปไตยและความเป็นธรรมอยู่ จงออกมาร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยด้วยการลงประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อปฏิเสธเผด็จการทหารภายใต้การนำของ คมช.และพลเอกเปรม


 


19 สิงหา เข้าคูหา กาไม่รับรัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับสืบทอดอำนาจ


 


กลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย/เครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร/กลุ่มรากหญ้าเพื่อประชาธิปไตย


 


แถลง ณ ถนนราชดำเนิน 9 สิงหาคม 2550


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net