5 ก.ย.50 - คณาจารย์กว่า 100 คนจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งร่วมกันลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ยกเลิกการเสนอร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. ...เนื่องจากสาระของร่างกฎมายนี้ได้สถาปนารัฐทหารใหม่ที่อาจเป็นปรปักษ์กับอำนาจของรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน และอาจจะมีการใช้อำนาจเพื่อควบคุมสังคมในนามของผู้พิทักษ์ความมั่นคงของรัฐ และความมั่นคงของประชาชน ทั้งยังทำให้การใช้รัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศไม่มีความหมายอีกต่อไป เนื่องจากเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. นี้ได้ล้มล้างหลักการและเงื่อนไขสำคัญในรัฐธรรมนูญ
รายละเอียดของจดหมายเปิดผนึก มีดังนี้
จดหมายเปิดผนึก 5 กันยายน 2550 เรื่อง ขอให้พิจารณายกเลิกการเสนอร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. กราบเรียน ฯพณฯ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นับแต่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.
.เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 ตามข้อเสนอของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป แม้จะมีกระแสการคัดค้านจากองค์กรสื่อมวลชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรสิทธิมนุษยชน และบุคคลหลายวงการอย่างกว้างขวางดังเป็นที่ทราบโดยสาธารณะชนทั่วไป ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังคงอยู่ในลำดับการพิจารณาในลำดับเร่งด่วนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ทันสมัยประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทั้งยังมีการคาดการณ์ภายในว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ พวกข้าพเจ้าในฐานะนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่างๆ มีความห่วงใยว่าการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยจะประสบกับความถดถอยยิ่งขึ้นนับแต่การยึดอำนาจโดยคณะทหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน เนื่องจากสาระของร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรดังกล่าว ได้สถาปนารัฐทหารใหม่ที่อาจเป็นปรปักษ์กับอำนาจของรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน และอาจจะมีการใช้อำนาจเพื่อควบคุมสังคมในนามของผู้พิทักษ์ความมั่นคงของรัฐ และความมั่นคงของประชาชน ดังเหตุผลต่อไปนี้ ประการที่หนึ่ง การขยายอำนาจการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรทั้งในภาวะปกติและภาวะไม่ปกติ เป็นการทำให้สถานการณ์ฉุกเฉินดำรงอยู่ตลอดเวลาในสถานการณ์ปกติ เพื่อให้ทหารเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศได้อย่างกว้างขวางและอย่างถาวรในทุกพื้นที่และทุกเวลา ทั้งที่โดยแท้จริงแล้วทหารจะเข้ามามีบทบาทเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีภัยคุกคามความอยู่รอดของชาติที่มีการจำกัดเวลาและสถานที่ ซึ่งต้องมีการประกาศกฎอัยการศึก หรือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเสียก่อนตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ เนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติ ที่จะเป็นปัญหามีสาระสำคัญดังต่อไปนี้ 1. การขยายอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ใช้อำนาจบริหาร ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี คือ การใช้อำนาจบังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐ การแต่งตั้งบุคคล การสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐออกจากพื้นที่ 2. การขยายอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐสภา คือการใช้อำนาจในการออกข้อกำหนดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เช่น ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ห้ามการแสดงมหรสพ ห้ามการโฆษณา และการใช้อำนาจในการออกประกาศให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการจับกุม การควบคุมตัว การเรียกบุคคลมารายงานตัว การค้น การยึดหรืออายัดทรัพย์สิน ตลอดจน การปราบปรามบุคคล กลุ่มบุคคลหรือกลุ่มองค์กร 3. การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในนามของความมั่นคงของชาติ มีความครอบคลุมเกือบจะทุกแง่มุมของชีวิตทางสังคมของประชาชน ปราศจากความชัดเจน โดยให้อยู่ภายใต้ดุลพินิจของทหารเป็นสำคัญ 4. การขยายอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ใช้อำนาจเสมือนอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจของอัยการหรือศาล คืออำนาจการแต่งตั้งเจ้าพนักงานร่วมฟังการสอบสวน หรือเรียกสำนวนการสอบสวนคดีอาญามาตรวจดูได้ และการมีความเห็นว่าไม่สมควรดำเนินคดีกับผู้ต้องหา รวมทั้งการสั่งให้ผู้ต้องหาเข้าการอบรมเป็นเวลาไม่เกินหกเดือน 5. การใช้อำนาจโดยปราศจากการตรวจสอบจากศาล เนื่องจากการออกกฎ หรือคำสั่งของผู้บัญชาการทหารบกไม่สามารถให้ศาลปกครองตรวจสอบการออกกฎหรือคำสั่งที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ก็ไม่ต้องรับผิดทางอาญา ทางแพ่ง หรือทางวินัยอีกด้วย ประการที่สอง การดำเนินการให้มีการพิจารณาประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ย่อมส่งผลให้การใช้รัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศไม่มีความหมายอีกต่อไป เนื่องจากเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ล้มล้างหลักการและเงื่อนไขสำคัญในรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายหลักในการปกครองประเทศตามหลักสากลโดยทั่วไป พวกข้าพเจ้ามีความเห็นว่า การรวบอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการให้ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ใช้อำนาจแต่เพียงผู้เดียวโดยปราศการตรวจสอบจากฝ่ายบริหารและศาล ย่อมจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อหลักสิทธิเสรีภาพ หลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน อันจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดต่อระบอบประชาธิปไตย และจะยิ่งสร้างความขัดแย้งให้บังเกิดความร้าวฉานในสังคมไทยมากขึ้น จนไม่สามารถธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของรัฐและความมั่นคงของประชาชน ตลอดจนไม่อาจสร้างความสามัคคีและความสมานฉันท์ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้เคยประกาศเป็นเจตจำนงทางการเมืองในการบริหารประเทศชั่วคราว จึงขอเรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีพิจารณายุติการเสนอร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ..... เพื่อให้รัฐบาลและรัฐสภาที่มาจากผู้แทนปวงชนเป็นผู้พิจารณากฎหมายดังกล่าวต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง (รายชื่อแนบท้าย)
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)