ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 18 กันยายน 2550





การเมือง

 

1 ปี คมช.เศรษฐกิจติดหล่ม ผลสำรวจชี้ขิงแก่ไร้น้ำยา

ผู้จัดการรายวัน - นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจภาคธุรกิจ 800 ตัวอย่าง เพื่อประเมินผลงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาลภายใต้การนำของคมช. 1 ปี หลังการปฏิรูปการปกครอง ว่า คะแนนความพึงพอใจในการดำเนินงานภาพรวมช่วง 1 ปี ได้คะแนนเพียง 5.81 จากคะแนนเต็ม 10 แม้คะแนนจะสอบผ่านแบบเฉียดฉิว แต่ถือว่าสอบตก เมื่อเทียบกับความคาดหวังของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาภาคใต้และเศรษฐกิจที่ได้คะแนนน้อยสุดอยู่ที่ 5.42 และ 5.52 ตามลำดับ

 

"คะแนนที่ออกมาผ่านแบบเฉียดฉิว เพราะคนเอาใจช่วยทั้ง คมช.และรัฐบาลว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และปัญหาภาคใต้ คนคาดหวังกันมาก แต่ผลงานที่ออกมาไม่เป็นไปดังที่หวัง ทำให้ในด้านความรู้สึกถือว่าสอบตก เนื่องจากรัฐบาลค่อนข้างระมัดระวังจนเกินไปในการแก้ไขปัญหา อาจเป็นเพราะมีเวลาแค่ 1 ปี ทำให้งานไม่คืบ"

 

สำหรับความพึงพอใจในการดำเนินการของ คมช.และรัฐบาลที่ภาคธุรกิจให้คะแนนมากสุด เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ได้คะแนน 6.27 รองลงมา ด้านสังคม 6.25 การศึกษา 6.24 สาธารณสุข 6.20 คอรัปชั่น 6.13 และสิ่งแวดล้อม 6.10

 

ส่วนความพึงพอใจในมาตรการหลังมีปฏิรูปการปกครองมากสุด ได้แก่ การดำเนินการด้านเศรษฐกิจพอเพียง สิทธิบัตรยา การปรับปรุงระบบการศึกษา และการจัดเรตติ้งโทรทัศน์ ขณะที่การดูแลค่าเงินบาท สร้างความสมานฉันท์ภายในประเทศ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชล และการแก้ไขกฎหมายธุรกิจของคนต่างด้าว ภาคธุรกิจพึงพอใจน้อยสุด

 

สำหรับความพอใจของภาคธุรกิจในช่วงเดือนแรกหลังปฏิวัติ ที่ตอบว่ามีมาก มีแค่ 18.30% และเพิ่มเป็น 28.20% ในช่วง 2-3 เดือนผ่านไป และช่วง 3-6 เดือน เพิ่มเป็น 47.50% แต่พบว่าในช่วง 6-12 เดือน ที่ตอบว่าพอใจมากเริ่มลดลงเหลือ 21.60% ขณะที่คนตอบว่าพอใจน้อยเพิ่มจาก 25.60% ในช่วง 3-6 เดือน มาอยู่ที่ 45.50% ในช่วง 6-12 เดือน แสดงให้เห็นว่ายิ่งนานวันขึ้น ภาคธุรกิจเริ่มพอใจน้อยลง

 

"สิ่งที่ภาคธุรกิจต้องการให้คมช.และรัฐบาลแก้ไขปัญหามากสุดในช่วงระยะเวลาการทำงานที่เหลืออีกไม่กี่เดือน ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ จัดการเลือกตั้งให้เร็วสุด ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับปรุงด้านการศึกษาและคอรัปชั่น"

 

นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังได้สำรวจประชาชนจำนวน 1,170 ตัวอย่าง เกี่ยวกับผลการดำเนินงาน 1 ปีของคมช.ภายใต้ความคิดเห็นของภาคประชาชน พบว่า คะแนนความพึงพอในการดำเนินงานภาพรวมช่วง 1 ปี ได้คะแนน 6.3 โดยด้านการศึกษาและสังคมได้คะแนนสูงสุด 6.9 คะแนน ส่วนด้านเศรษฐกิจและปัญหาภาคใต้ได้คะแนนน้อยสุด 6.1 และ 5.5 คะแนน ซึ่งปัญหาที่ภาคประชาชนต้องการให้มีการแก้ไขมากสุดในระยะเวลาการทำงานที่เหลือ ได้แก่ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางการเมือง ปรับปรุงด้านการศึกษา การจัดเลือกตั้งให้เร็ว และปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ช่วงเวลาที่เหลือ รัฐบาลจะต้องเร่งผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นภายในไตรมาส 4 โดยเฉพาะการกระตุ้นโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า โลจิสติกส์ และการผลักดันกฎหมายที่สำคัญให้สำเร็จลุล่วง เช่น พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง เพราะขณะนี้ระบบเศรษฐกิจไม่ได้มีการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถมาแล้ว 2 ปี จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

 

ทั้งนี้ หากช่วงระยะเวลาที่เหลือรัฐบาลยังไม่เดินหน้าอีก เท่ากับว่าไทยจะหยุดการลงทุนและการพัฒนาไปถึง 3 ปี เพราะกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และตั้งงบประมาณเพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านต่างๆ ต้องใช้ระยะเวลาถึงไตรมาส 3 ปีหน้า แต่หากรัฐบาลขิงแก่ตัดสินใจที่จะลงทุนจะทำให้ช่วงระยะเวลารอยต่อเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้จากการขับเคลื่อนของข้าราชการที่จะทำงานในส่วนนี้ให้จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงาน

 

"2 ปีที่ผ่านมา ไทยไม่ได้ลงทุนหรือพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันอะไรเลย กฎหมายที่ควรมีก็ยังไม่มี อาจเป็นเพราะรัฐบาลขิงแก่ระมัดระวังมากเกินไป ทำให้งานไม่คืบ ซึ่งจริงแล้วหากจะดันกฎหมายที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจ ถ้าทำกันจริงๆ ระยะเวลา 4 เดือนที่เหลือ น่าจะทำเสร็จ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งตัดสินใจช่วงที่เหลืออีกไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรถไฟฟ้า โลจิสติกส์ ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ระดับปานกลาง เพื่อรอรัฐบาลใหม่มาสานต่อ หากทำตรงนี้เศรษฐกิจไทยก็อาจฟื้นกลับมาได้ในไตรมาส 4 นี้ แต่หากไม่ทำเศรษฐกิจไทยก็จะหยุดการพัฒนาไปถึง 3 ปี" นายธนวรรธน์กล่าว

 

"จิรนิติ หะวานนท์" ยื่นหนังสือลาออกจาก คตส. แล้ว

กรมประชาสัมพันธ์ - นายจิรนิติ หะวานนท์ ยื่นหนังสือลาออกจาก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐโดยให้เหตุผลต้องไปรับตำแหน่งเป็นประธานแผนกคดีผู้บริโภค ในศาลอุทธรณ์ภาค 2 จ.ระยอง ขณะที่โฆษกคตส. ยืนยันไม่เกี่ยวกับความอึดอัดจากการทำหน้าที่อนุกรรมการไต่สวนในคดีรถดับเพลิง

 

หลังอนุกรรมการตรวจสอบการทุจริตในโครงการรถและเรือดับเพลิงของ กทม. ลาออกยกชุดเมื่อสัปดาห์ก่อน นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. แถลงผลการประชุมใหญ่ ว่า นายจิรนิติ หะวานนท์ กรรมการ คตส. และอดีตอนุกรรมการไต่สวนคดีรถและเรือดับเพลิง ของ กทม. ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น กรรมการ คตส. ต่อนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. โดยอ้างเหตุผลว่า คณะกรรมการตุลาการได้แต่งตั้งให้เป็นประธานแผนกคดีผู้บริโภค ในศาลอุทธรณ์ภาค 2 จังหวัดระยอง จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ทำให้ขณะนี้ คตส. มีกรรมการเหลือเพียง 10 คน ซึ่ง คตส. ยังมีอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพราะตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ข้อ 2 ระบุให้ คตส. ที่เหลือปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ หากมีกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ กรรมการที่เหลือ

 

นายสัก ยังยืนยันว่า สาเหตุที่นายจิรนิติ ลาออก ไม่น่าจะมาจากความอึดอัดการทำหน้าที่คณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ที่อนุกรรมการไต่สวนลาออกยกชุดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่ได้หารือถึงเหตุผลอื่นในการลาออก อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมใหญ่ ได้มีมติเอกฉันท์ให้ นามนาม เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีรถและเรือดับเพลิง เนื่องจากนายนาม เป็นผู้ดูแลเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น และหลังจากนี้นายนาม ต้องเสนอรายชื่ออนุกรรมการฯต่อที่ประชุมใหญ่ภายใน 7 วัน และส่งรายชื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาคัดค้านภายใน 7 วัน

 

สหรัฐขอสังเกตการณ์เลือกตั้ง "กกต." มีข้อแม้อยู่ใต้กฎหมายไทย

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายสุเมธ อุปนิสากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่ นายราลฟ์ บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ระบุว่า สหรัฐมีโครงการสังเกตการณ์การเลือกตั้งในไทยครั้งนี้ แต่จะไม่ทำในลักษณะเดียวกับสหภาพยุโรป แต่จะทำในแบบของตัวเองผ่านสถานทูต และไม่จำเป็นต้องติดต่อกับ กกต.ว่า เขาสามารถทำได้อยู่แล้ว เหมือนกับประชาชนทั่วไป เหมือนกับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เข้ามาในประเทศไทย สามารถไปดูตามที่ต่างๆ ได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เราทำแบบเปิดเผย แต่ผู้ที่เข้ามาสังเกตการณ์ไม่สามารถที่จะทำอะไรนอกเหนือกฎหมายได้ เช่น เข้าไปในหน่วยเลือกตั้ง หรือที่ต้องห้าม

 

นายสุเมธ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งของเราใครจะเข้ามาดูก็ได้ เข้ามาสังเกตการณ์ก็ได้ แต่การมาแบบนี้เราก็จะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล คอยให้ข้อมูล และหากเกิดปัญหาเราก็จะไม่รับผิดชอบ ซึ่งถ้าทางสหรัฐต้องการที่จะได้ข้อมูล หรือต้องการได้รับการอำนวยความสะดวก ก็ควรที่จะมาหารือกับ กกต. แต่การสังเกตการณ์ก็ต้องเป็นไปตามระเบียบของ กกต.เช่นกัน

 

 





คุณภาพชีวิต

 

ความคืบหน้าอุบัติเหตุเครื่องบินสายกินบินวันทูโกไถลออกนอกรันเวย์

เว็บไซต์ไทยโพสต์ - โศกนาฏกรรมสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) วันทูโก เที่ยวบิน OG 269 จากกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ลื่นไถลออกนอกรันเวย์จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 กันยายน 2550 ยังคงค้นหาศพและตรวจเอกลักษณ์เพื่อยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง

 

โดยล่าสุดตัวเลขยืนยันแล้วว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีทั้งสิ้น 130 คน โดยมีผู้โดยสารจำนวน 123 ราย ลูกเรือ 5 คน นักบิน 2 คน โดยแบ่งเป็นคนไทย 73 คน และชาวต่างชาติ 57 คน ส่วนผู้เสียชีวิตมีทั้งสิ้น 89 คน บาดเจ็บ 41 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตแบ่งเป็นชาวต่างชาติ 31 คน และคนไทย 58 คน ในขณะที่ลูกเรือรอดชีวิต 2 คน ที่เหลือ 5 คนรวมทั้งกัปตันเสียชีวิต

 

นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทุกฝ่ายทำงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำศพทั้งหมดออกมาจากซากเครื่องบิน โดยสามารถพิสูจน์ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 42 ราย เป็นคนไทย 22 ราย และต่างชาติ 20 ราย ส่วนศพที่มีญาติมารับไปแล้ว 10 ราย

สำหรับกัปตันหรือนักบินซึ่งเสียชีวิตทั้งคู่นั้น เจ้าหน้าที่สถานกงสุลอินโดนีเซียประจำจังหวัดสงขลายืนยันว่า นายอารีฟ มุลยาดี วัย 56 ปี นักบินที่ประสบอุบัติเหตุได้เสียชีวิตแล้ว โดยเจ้าหน้าที่สถานกงสุล 3 คนได้เดินทางมาตรวจสอบ โดยครอบครัวจะเดินทางไปภูเก็ตเพื่อชี้ศพในวันที่ 17 ก.ย.นี้

 

หนังสือพิมพ์คอมพาสของอินโดนีเซียระบุว่า นายมุลยาดี เป็นอดีตพันโทของกองทัพอากาศอินโดนีเซีย เคยทำงานกับสายการบินเซมปาตี และสตาร์ของอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองแห่งปิดกิจการไปแล้ว และเพิ่งมาบินให้สายการบินวันทูโกเพียง 2 ปี

 

รายงานข่าวระบุว่า ยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัดของนักบินสัญชาติอินโดนีเซียที่ทำการบินในประเทศไทย แต่กัปตันเครื่องบินอุบัติเหตุ เป็นครูสอนขับเครื่องบินให้สายการบินวันทูโก และนักบินผู้ช่วยคือนายมนตรี จะทำการขับเครื่องบินเที่ยวดังกล่าวเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนไปทำงานกับการบินไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย. พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยสื่อมวลชน และญาติผู้เสียชีวิต ขึ้นเครื่องบิน C130 ซึ่งกองทัพอากาศจัดพิเศษ เพื่อลงตรวจพื้นที่ จ.ภูเก็ต ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น

 

นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวว่า ปกติการตรวจสอบสภาพเครื่องบิน และนักบินมีความเข้มงวดเป็นขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งจะตรวจสุขภาพนักบินและเครื่องบินทุกครั้งก่อนทำการบิน ซึ่งเป็นมาตรการที่ปฏิบัติมาโดยตลอด

 

"จากการฟังรายละเอียดจากเทปบันทึกระหว่างนักบินกับเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน เบื้องต้นพบว่าเจ้าหน้าหอบังคับการบินได้แจ้งเตือนต่อนักบินถึงสภาพอากาศว่ามีลมพัดแรง มีฝนตก รวมถึงทัศนวิสัยอยู่ที่ 4 กิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดพลาดของนักบินหรือไม่ในการตัดสินใจ ซึ่งทั้งหมดต้องรอข้อสรุปจากกล่องดำอีกครั้งเพื่อสรุปรายละเอียดส่วนมาตรฐานสายการบินโลว์คอสต์ก็มีอยู่แล้ว" นายสรรเสริญกล่าว

 

นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุสายการบินวันทูโก กล่าวว่าขั้นตอนการสอบสวนรายละเอียดต้องตรวจสอบระหว่างหอบังคับการกับนักบินว่ามีการสื่อสารกันในลักษณะใด และกล่องดำที่มีการบันเสียงนักบิน รวมถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุมาวิเคราะห์ด้วยว่าสิ่งที่บันทึกเป็นอย่างไร ซึ่งต้องใช้เวลา แต่จะเร่งสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ด้านนายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานกรรมการบริหารสายการบินวันทูโกกล่าวว่า ได้พบกล่องดำบันทึกข้อมูลทั้งหมดแล้ว และจะดำเนินการส่งกล่องดำไปพิสูจน์หลักฐานต่อไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะทราบข้อสรุปภายใน 7 วัน หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 สัปดาห์

 

ขณะที่นายปรีติ เหตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ได้ส่งการให้เจ้าหน้าที่หอบังคับการบินที่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมและสื่อสารกับนักบินสายการบินวันทูโกที่ประสบอุบัติเหตุนั้นพักงานชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่พักผ่อน เพราะเจ้าหน้าที่เครียดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติเนื่องจากสภาพจิตใจไม่สมบูรณ์

 

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการผิดพลาดจากการสื่อสาร คาดว่าเป็นเหตุสุดวิสัยอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งผลสรุปจะต้องรอผลการตรวจสอบรายละเอียดจากกล่องดำ" นายปรีติกล่าว

นายชัยสวัสดิ์กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการสอบสวนอากาศและเรือประสบอุบัติเหตุในราชอาณาจักรว่า ที่ประชุมได้วางหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูล รวมทั้งกำหนดผู้เชี่ยวชาญเพื่อมาสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากข้อผิดพลาดของเครื่องยนต์และตัวบุคคล ต้องรอผลจากกล่องดำ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์กับประจักษ์พยานว่าสอดคล้องกันหรือไม่

 

"เบื้องต้นได้รับรายงานของหอบังคับการบินแล้ว ขณะนี้รอการพิสูจน์ซากเครื่องบินว่า มีสิ่งบอกเหตุว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนหรือไม่ ส่วนเรื่องมาตรฐานการบินยืนยันว่าดำเนินการตามข้อตกลงองค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อยู่แล้ว" นายชัยสวัสดิ์กล่าว

 

มีรายงานว่า ท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน จำนวน 8 แสนบาท เพื่อใช้ในการดูแลรักษาพยาบาลแก่ผู้เจ็บป่วยจากเหตุการณ์เครื่องบินวันทูโกประสบอุบัติเหตุ ในการจัดซื้อเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นต่างๆ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้แทนพระองค์ นำเงินพระราชทานมอบแก่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล 3 แห่งที่รับตัวผู้บาดเจ็บเข้ารักษา คือ โรงพยาบาลสิริโรจน์ 2 แสนบาท โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต 5 แสนบาท และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 1 แสนบาท เพื่อดำเนินการตามพระราชประสงค์ต่อไป

 

พลังงานชงดึงเงินกองทุนน้ำมัน หนุนระบบรางเดือนละพันล้าน

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังหารือกับ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่ากระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ทราบถึงแนวคิดที่จะจัดสรรเงินกองทุนน้ำมันประมาณ 1 พันล้านบาทต่อเดือน มาใช้พัฒนาระบบราง ทั้งระบบรางใน กทม. ต่างจังหวัด และรถไฟชายแดน ซึ่งกระทรวงการคลังก็เห็นด้วยที่จะนำเงินจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาใช้ในการทำระบบรางทั่วประเทศ

 

"ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมที่จะไปจัดทำแผนพัฒนาและออกแบบสำหรับการนำเงินจากภาษีน้ำมันมาใช้ เพื่อการอนุรักษ์พลังงานให้กับประเทศ เพื่อนำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน ในวันที่ 28 กันยายนนี้ ต่อไป ซึ่งการนำเงินจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาใช้นี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะจะช่วยประหยัดพลังงานให้ประเทศได้เป็นจำนวนมาก" ดร.ฉลองภพ กล่าว

 

ทั้งนี้ หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงาน จะไปร่วมการจัดทำแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระบบรางของประเทศ รวมทั้งกระบวนการการใช้จ่ายเงินด้วย อย่างไรก็ตาม การนำเงินดังกล่าวมาใช้พัฒนาระบบรางของประเทศจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันของผู้บริโภค เพราะยังมีเงินอีก 2 ส่วนที่กันไว้สำหรับการดูแลผู้บริโภคและเหตุฉุกเฉินในกรณีจำเป็น ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมัน เพื่อนำส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน และนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม และชำระหนี้กองทุนน้ำมันที่ใช้ตรึงราคาน้ำมันในช่วงปี 2547

 

รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า การก่อสร้างรถไฟสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต อาจพิจารณาใช้เงินดังกล่าวมาลงทุน ส่วนช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน กระทรวงการคลังจะจัดหาแหล่งเงินกู้เอง ขณะที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางบางซื่อ-บางใหญ่ กระทรวงการคลังจะเจรจาแหล่งเงินกู้กับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) อีกครั้ง เพื่อขอเงินกู้เฉพาะระบบรางก่อน

 

รถเมล์บีอาร์ทีเสร็จ 45% เดินหน้าจ้างเอกชนเดินรถ-ตั้งเป้าผู้โดยสารวันละ 5 หมื่น

เว็บไซต์ไทยรัฐ - วานนี้ (18 ก.ย.) นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีและทางวิ่งรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที เส้นทางช่อง นนทรี-ราชพฤกษ์ ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าการก่อสร้างเกือบ 45% ช้ากว่าแผนงานที่วางไว้เล็กน้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ติดปัญหาการรื้อย้ายสาธารณูปโภคหลายจุดทำให้ไม่สามารถ ลงฐานรากของสถานีได้ เช่น สถานีอาคาร สงเคราะห์ สถานีเทคนิคกรุงเทพ สถานีถนนจันทน์ สถานีวัดด่าน สถานีวัดปริวาส สถานีวัดดอกไม้ นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อแก้แบบของสถานีช่องนนทรีและสถานีราชพฤกษ์ โดยในส่วนของสถานีช่องนนทรีนั้นได้กำหนดให้ก่อสร้างทางเดินเชื่อมระหว่าง สถานีบีอาร์ทีและสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ส่วนสถานีราชพฤกษ์ จำเป็นต้องปรับแก้แบบจัดสร้างสถานีจอดแล้วจรรองรับรถยนต์ส่วนบุคคลได้ 200 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ และขณะนี้ กทม. ได้เร่งรัดแก้ปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าแล้ว และคาดว่าจะเดินหน้าก่อสร้างพร้อมทั้ง เปิดให้บริการตามแผนภายในเดือน พ.ค.2551 อย่างแน่นอน

 

นายพนิชกล่าวว่า สำหรับการเตรียม พร้อมบริหารการเดินรถนั้น กทม.วางแผนจะตั้งสำนักงานขึ้นมารับผิดชอบในเชิงนโยบาย ส่วนการเดินรถนั้นจะจ้างให้บริษัทเอกชนที่มีความชำนาญเข้ามาทำหน้าที่ โดยบริษัทจะต้องหาพนักงานขับรถเข้ามาขับรถบีอาร์ทีซึ่ง เป็นรถของ กทม.ระหว่างเวลา 05.00-23.00 น. ซึ่งได้มีการประมาณค่าใช้จ่ายในการจ้างเดินรถราวปีละ 200 ล้านบาท และหากจะบริหารให้คุ้มกับทุนรวมทั้งค่าใช้จ่าย กทม.จำเป็นจะต้องมีผู้โดยสารในเส้นทาง 50,000 คน/วัน เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นการบ้านที่ กทม.จะสื่อให้ประชาชนเข้าใจและมั่นใจในบีอาร์ที ขณะเดียวกันจะต้องมีคุณภาพการให้บริการที่ดีด้วย

 

การท่าฯ ควักเงินอีก 3 ล้านบาทเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเสียง

เว็บไซต์แนวหน้า - รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แจ้งว่า เมื่อวันที่17กันยายน ทอท.ได้มอบเงินเพื่อสนับสนุนโครงการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนที่อยู่รอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กรมควบคุมโรค เป็นจำนวนเงิน 2,159,400 บาท เพื่อใช้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และยังมอบเงินแก่สำนักงานเขตลาดกระบัง และอำเภอบางพลี จำนวน 900,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในช่วงฤดูฝน

 

สำหรับการออกให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15-16 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. ตลอดเดือนกันยายน ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2550 จนครอบคลุมพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งทางฝั่งทิศเหนือ (เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ) และทิศใต้ (อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ) และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงหน้าฝน ทอท.จึงได้มอบเงินแก่ชุมชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมด้วย

 

 





เศรษฐกิจ

 

ธ.เอดีบี ชี้ ศก.ไทยโตต่ำกว่าศักยภาพที่ควรทำได้

ผู้จัดการออนไลน์ - นายฌอง ปิแอร์ เวอร์บิสต์ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทน ธนาคารพัฒนาเอเชีย ประจำประเทศไทย (เอดีบี) กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ น่าจะมีการขยายอยู่ที่ประมาณ 4% ซึ่งเป็นไปตามที่เอดีบีได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียมีการขยายตัวเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างสูง ทำให้มองว่าเศรษฐกิจของไทยนั้นมีการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น

 

ผอ.เอดีบี ยังระบุว่า การเติบโตที่ช้านี้ ทำให้ไทยต้องสูญเสียโอกาสค่อนข้างมากในหลายด้าน โดยในครึ่งปีหลังนั้นในเรื่องของการส่งออกจะยังคงได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ในช่วงปลายปีที่จะมีการเลือกตั้งก็น่าจะช่วยให้การใช้จ่ายรวมถึงภาคการบริโภคปรับตัวดีขึ้น

 

ส่วนในปีหน้า คาดว่า ไทยจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5% เหมือนเดิมที่เคยมีการประมาณการไว้เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่ยังไม่มีการปรับประมาณการ แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งและรัฐบาลใหม่ขึ้นมาก็ตาม แต่การเชื่อว่าการลงทุนที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะเกิดขึ้นประมาณช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี และยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะเห็นผลในการกระตุ้นอย่างชัดเจน

 

ดัชนีหุ้นร่วง 9.3 จุด นักลงทุนรอผลเฟด ต่างชาติขายพันล.

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นวานนี้ (17 ก.ย.) ดัชนีได้ปรับตัวลดลง 9. 30 จุด หรือ 1.15% โดยดัชนีหุ้นปิดที่ 802.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.4 พันล้านบาท ประเด็นหลักน่าจะมาจากการที่หุ้น ปตท.ถูกแรงขายหนัก หลังจากที่ประกาศขึ้นเครื่องหมาย เอ็กซ์ดี เพื่อรับสิทธิการรับเงินปันผล

โดยหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับคือ หุ้น ปตท. ปิดที่ 314 บาท ลดลง 10 บาท ตามด้วยหุ้นไทยออยล์ ปิดที่ 79 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง หุ้น ปตท.สผ. ปิดที่ 125 บาท ลดลง 3 บาท ธนาคารกสิกรไทย ปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 1 บาท และหุ้นทรู คอร์ปอเรชั่น ปิดที่ 6.35 บาท ลดลง 0.25 บาท

สัดส่วนการลงทุนวันนี้ (17 ก.ย.) แบ่งเป็น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,086.59 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขาย 521.18 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อสุทธิ 1,607.76 ล้านบาท

 

TT&Tจนมุมยอมจ่ายค่าใช้โครงข่ายทีโอที

เว็บไซต์ไทยโพสต์ - นายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการลูกค้าภูมิภาค บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีโอทียังคำนึงถึงประโยชน์ผู้ใช้บริการเป็นหลัก จึงเปิดโอกาสให้บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) เข้าเจราจาเพื่อหาข้อยุติเรื่องดังกล่าว ก่อนที่ทีโอทีจะใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อดำเนินการกับ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ บริษัทลูกของทีทีแอนด์ที กรณีการลักลอบใช้โครงข่าย

 

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 กันยายน ทีโอทีได้รวบรวมข้อมูลที่ทริปเปิลทีได้ลักลอบใช้โครงข่ายของทีโอที โดยได้สร้างความเสียหายให้ทีโอทีได้ เพราะปกติการเชื่อมต่อโครงข่ายของคู่สัญญาจะต้องจ่ายส่วนแบ่ง 19% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อทีโอทีจะได้นำรายได้ไปขยายโครงข่ายต่อ

 

อย่างไรก็ตาม ทีทีแอนด์ทีได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้แจ้งการเข้าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินดังกล่าวให้ทีโอทีทราบแล้วว่าบริษัทมีสิทธิ์นำอุปกรณ์ในระบบ ที่ดิน อาคาร หรือทรัพย์สินต่างๆ ที่บริษัทจัดหามา และโอนกรรมสิทธิ์ให้ทีโอทีไปให้บุคคลอื่นใช้ได้ตามที่กำหนดในสัญญาร่วมการงาน และข้อตกลงแนบท้ายสัญญา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจรจาตกลงอัตราค่าตอบแทนการใช้ทรัพย์สินและส่วนแบ่งผลตอบแทนกับทีโอที และจะจ่ายให้ในฐานะคู่สัญญาอยู่แล้ว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก และประธานคณะกรรมการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้กำชับให้ฝ่ายบริหารไปพิจารณาลดความเสี่ยงจากการบริหารงาน และต้องมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายปี 2550 มากกว่า 5,361.54 ล้านบาท เพราะมิฉะนั้นฐานะการเงินของ กสท ในปี 2551-2552 จะเข้าขั้นวิกฤติไม่มีกำไรจากการดำเนินการอย่างแน่นอน

 

น้ำมันขึ้น 40 สต.เบนซินจ่อ 30 บาท รุม ปชป.อย่าหาเสียงนิวเคลียร์

เว็บไซต์ไทยโพสต์ - เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ผู้ค้าน้ำมันประกาศขึ้นราคาน้ำมัน ทั้งเบนซินและดีเซลอีก 40 สตางค์ต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูงต่อเนื่อง น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น 1.75 เหรียญสหรัฐ อยู่ที่ 82.42 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลเพิ่มขึ้น 1.55 เหรียญสหรัฐ อยู่ที่ 92.41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำมากเพียง 30 สตางค์ต่อลิตร โดยราคาปรับใหม่ เบนซิน 95 อยู่ที่ 29.59 บาท เบนซิน 91 อยู่ที่ 28.79 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 26.09 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 25.29 บาท และดีเซล 26.94 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งเบนซินอยู่ในระดับใกล้แตะ 30 บาทต่อลิตรอีกครั้ง

 

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ว่า ต้องดูให้ชัดเจนเป็นนโยบายของพรรคหรือส่วนบุคคลเพราะพลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็นในการหาพลังงานระยะยาว และทั่วโลกกำลังกลับมาหาพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งอยากฝากถึงพรรคการเมืองต่างๆ หากจะกำหนดนโยบายขอให้ดูผลประโยชน์ของไทยเป็นหลักและดูผลระยะยาว เนื่องจากนิวเคลียร์เป็นเรื่องระยะยาวนาน 14 ปี แต่รัฐบาลมีอายุการทำงานเพียง 4 ปี จึงอยากให้ทบทวนถ้าเอาพลังงานนิวเคลียร์ออกจากแผนพัฒนาและผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับใหม่

 

"ประเทศต้องการผู้นำที่มีความกล้า และพรรคประชาธิปปัตย์ต้องดูความผิดพลาดของนโยบายในอดีตด้วย ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูระยะยาว จะมาดูสั้นๆ ไม่ได้ ทางเลือกด้านพลังงานคงหนีไม่พ้นการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน พลังงานน้ำและพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมาก นอกจากในอีก 7 ปีมีเทคโนโลยีใหม่ทำให้พลังงานนิวเคลียร์ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์" รมว.พลังงานกล่าว

 

ส่วนการพัฒนาพลังงานชีวมวลเป็นนโยบายของกระทรวงพลังงาน โดย 3 เดือนที่ผ่านมายื่นเข้ามา 700 เมกะวัตต์ แต่ไม่มากถึง 4-5 พันเมกะวัตต์แทนพลังงานนิวเคลียร์ได้

 

นายปิยสวัสดิ์กล่าวอีกว่า มาตรการสำรองน้ำมันไม่ได้เป็นมาตรการแรก หากเกิดวิกฤตการณ์น้ำมัน แต่เป็นเรื่องราคามากกว่า เพราะหากขึ้นราคาจะทำให้ความต้องการใช้ลดลงและมาตรการสำรองน้ำมันยังไม่จำเป็นต้องปรับ ทั้งระยะเวลา 47 วัน ปริมาณสำรองและการให้เอกชนเป็นผู้ดูแล

 

นายวิลเลียม ซี.แรมเซย์ รองผู้จัดการใหญ่ทบวงพลังงานโลก (ไออีเอ) ว่า ดีใจที่กลุ่มประเทศโอเปกประกาศเพิ่มกำลังผลิต 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้มีปริมาณน้ำมันเพิ่มในหน้าหนาว แต่ราคาน้ำมันน่าจะยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งประเทศที่รัฐบาลอุดหนุนราคาน้ำมันคงลำบาก แต่ประเทศที่ปล่อยเสรี ประชาชนต้องปรับตัว

 

ด้านนายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล กฟผ. ต้องรับนโยบาย แต่ต้องชัดเจนว่าจะนำเชื้อเพลิงชนิดใดมาแทน เพราะใช้ชีวมวลทั้งหมดคงไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ส่วนเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดยาก เพราะการต่อต้านจากมวลชนรุนแรงมาก ขณะที่ก๊าซธรรมชาติมีจำกัด ส่วนน้ำมันเตาทำให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าสูงมาก ค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้น

 

 

 





ต่างประเทศ

 

ฟูกูดะมีลุ้นเก้าอี้นายกฯคนใหม่ของญี่ปุ่น

เดลินิวส์ - 2 ตัวเก็งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คือ นายยาสุโอ ฟูกูดะ ประธานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายทาโร อาโซะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ต่างให้คำมั่นขยายภารกิจสนับสนุนปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายของกองทัพพันธมิตรในอัฟกานิสถานต่อไป แต่โอกาสของนายฟูกูดะน่าจะชนะ เพราะได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอย่างท่วมท้น ก่อนการเลือกในวันที่ 23 ก.ย.นี้

 

นายฟูกูดะ วัย 71 ปี นักการเมืองมากประสบการณ์ของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ให้คำมั่นเมื่อวันเสาร์ว่า ญี่ปุ่นจะขยายการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังนานาชาติ ซึ่งนำโดยสหรัฐในอัฟกานิสถานต่อไป พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาจะไม่เดินทางไปสวดมนต์ที่ศาลเจ้ายาสุคูนิ ที่ถูกประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตราหน้าว่า เป็นสัญลักษณ์ของสงคราม และจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ กรณีการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นในอดีต และโครงการอาวุธนิวเคลียร์

 

ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ พรรคแอลดีพีจะสรรหาผู้ที่จะขึ้นมาแทนที่นายชินโซ อาเบะ ซึ่งนายฟูกูดะจะต้องเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างนายอาโซะ วัย 66 ปีอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสายเหยี่ยว โดยผู้เสนอตัวลงสมัครทั้ง 2 คน ต่างก็กล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถที่จะดึงตัวเองออกจาก สงครามก่อการร้ายได้ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะขยายภารกิจของกองทัพเรือในมหาสมุทรอินเดีย ต่อไป นายฟูกูดะกล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวเมื่อ วันเสาร์ว่า ภารกิจของเราได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกอย่างสูง เราต้องเข้าใจถึงความจำเป็นในการขยายภารกิจดังกล่าว

 

ด้านนายอาโซะ กล่าวว่า พวกเราต้องไม่ลืมว่า ชาวญี่ปุ่นก็ตกเป็นเหยื่อการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายในสหรัฐ เราต้องมีความรับผิดชอบในการเข้าร่วมทำสงครามก่อการร้ายทั่วโลก ทั้งนี้ มีชาวญี่ปุ่น 24 คน เสียชีวิตในเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมสหรัฐเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544

 

ตัวเก็งทั้ง 2 คนออกมาให้คำมั่นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากพวกเขาประกาศตัวอย่างเป็นทางการเป็นผู้แข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม นายฟูกูดะ ซึ่งถูกมองว่ามีความเป็นสายกลางด้านนโยบายต่างประเทศ ได้รับเสียงสนับสนุนท่วมท้นจากสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคแอลดีพี หลังจากปิดประตูเจรจากันระหว่างแกนนำคนสำคัญของพรรค

 

ยุโรป กำลังพิจารณา ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน

เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - วานนี้ (18 ก.ย.) นายแบร์นาร์ด คุชแน รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ผู้นำยุโรป กำลังพิจารณาที่จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน กรณีที่ยังคงปฏิเสธที่จะเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์ นายคุชแน กล่าวผ่านทางวิทยุ เตือนว่า ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องเตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ในการทำสงคราม ในกรณีที่อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ทั้งนี้ สหรัฐฯ และมหาอำนาจโลก สงสัยว่า ทางการอิหร่านกำลังแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ แม้อิหร่านยืนกรานว่ากิจกรรมนิวเคลียร์มีเป้าหมายเพียงเพื่อผลิตพลังงานเท่านั้น

 

การเจรจาหลายครั้งและมาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 2 ครั้ง ไม่สามารถที่จะทำให้อิหร่าน ยุติการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อันเป็นกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และวัตถุที่ใช้ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น จึงควรมีการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากอิหร่านยังยืนกรานที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ นายคุชแนกล่าว

 

อาห์มาดิเนจาดท้าลับฝีปากบุชประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น

เว็บไซต์ไทยรัฐ (Th) ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาดของอิหร่านยืนยันระหว่างให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์อิหร่านว่า เขากำลังเดินทางเยือนสหรัฐฯ ชาติคู่อริของอิหร่านเป็นครั้งที่  3 เพื่อร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น และจะใช้โอกาสนี้ปะทะฝีปากกับผู้นำสหรัฐฯ "ผมเสนอเรื่องนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมจะไปเยือนนิวยอร์ก นั่งและพูดกัน แต่ไม่ใช่คุยกันหลังประตู" นายอาห์มาดิเนจาดกล่าวและว่าตนได้เสนอหารือถึงปัญหาต่างๆในระดับสากลต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข "เป้าหมายของเราก็เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เขา (บุช) มีจุดยืนของเขา ผมก็มีจุดยืนของผม บรรดาผู้แทนยูเอ็นจำนวน 200 ประเทศ มาพบกันที่สหประชาชาติ พวกเขาสามารถตัดสินได้" นายอาห์มาดิเนจาดระบุ

 

วันเดียวกัน นายอาห์มาดิเนจาดยังให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่องภาษาจาม-อีจาม ของอิหร่าน ว่า เขาพร้อมจัดให้มีการลงประชามติโลก เพื่อตัดสินว่าระหว่างเขากับนายบุช ใครเป็นฝ่ายถูกต้อง หมายถึงความคิดระหว่างนายอาห์มาดิเนจาดกับนายบุช  ความคิดฝ่ายไหนดีกว่ากัน ข้อเสนออันท้าทายของผู้นำอิหร่านมีขึ้นขณะความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งสหรัฐฯกล่าวหาอิหร่านว่าพยายามผลิตอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าอาจมีการโจมตีทางทหารเพื่อลงโทษอิหร่านจากการท้าทายดังกล่าว อีกทั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต เกตส์ รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ก็กล่าวว่า สหรัฐฯกำลังพิจารณาทางเลือกทุกทางเพื่อจัดการอิหร่าน ขณะที่นายเบอร์นาร์ด คูชเนอร์ รมว.ต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องเลวร้ายที่สุด ซึ่งก็คือสงคราม

 

รายงานข่าวเปิดเผยว่า นายอาห์มาดิเนจาดเคยเสนอจัดการโต้ฝีปากกับบุชต่อหน้าสาธารณชนมาแล้วก่อนเขาเดินทางเยือนสหประชาชาติปีที่แล้ว แต่ถูกทำเนียบขาวปฏิเสธอ้างว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่มีน้ำหนัก ส่วนอิหร่านปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ว่าอิหร่านพยายามพัฒนาอาวุธปรมาณู โดยระบุว่า การที่อิหร่านผลักดันเรื่องนิวเคลียร์ก็เพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับจำนวนประชาชนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเชื้อเพลิงจากฟอสซิลจะต้องหมดลงในวันหนึ่ง

 

อนึ่ง ข่าวระบุว่า สหรัฐฯยังไม่ลงรอยกับอิหร่านเกี่ยวกับบทบาทของอิหร่านในอิรักด้วย  โดยกล่าวหาอิหร่านว่าลำเลียงระเบิดไปโจมตีทหารสหรัฐฯและช่วยเหลือกลุ่มหัวรุนแรงชีอะห์ ซึ่งก็ถูกอิหร่านปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงในเวลาต่อมา

 

ขณะที่ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่านางดานา เปริโน โฆษกทำเนียบขาวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า "ดิฉันไม่คิดว่านั่นจะเกิดขึ้น" หลังถูกนายอาห์มาดิเนจัด ท้าท้ายให้มีการดีเบตดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท