Skip to main content
sharethis

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)


 


จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาหลายปีส่งผลกระทบต่อสังคมไทยวงกว้างในทุกรูปแบบ รวมทั้งสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลและครอบครัว และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับพื้นที่และระดับภูมิภาค ทำให้ระดับรายได้ทางการท่องเที่ยวลดลงอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด รวมทั้งการส่งผลถึงภาพลักษณ์ทางการเมืองต่อการแก้ไขปัญหาของไทย รวมทั้งผลกระทบที่เกิดกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่สำคัญคือส่งผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุขและบุคลากรสาธารณสุขอย่างชัดเจน


 


นายแพทย์สุวัฒน์  วิริยพงษ์สุกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทพา เปิดเผยว่า จากรายงานการศึกษาผลกระทบต่อบริการสุขภาพในรูปแบบการตอบแบบสอบถาม ในสภาวะวิกฤต 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนับสนุนโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)) พบว่าการให้บริการด้านสาธารณสุขในระดับสถานีอนามัยจำนวน 253 แห่ง มีการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 35.6 สำหรับบริการด้านต่างๆ ในระดับโรงพยาบาล พบว่ามีการให้บริการลดลง โดยเฉพาะกิจกรรมเชิงรุกในด้านการรักษา การตรวจโรคลดลง ร้อยละ 25  ในด้านทันตกรรมลดลง ร้อยละ 50 ที่น่าตกใจคือเรื่องพื้นฐานด้านสุขภาวะของประชาชนด้านการส่งเสริมสุขภาพ การให้ความรู้ และการป้องกันโรค ลดลงถึงร้อยละ 70 รวมทั้งกิจกรรมการเยี่ยมบ้าน การลงพื้นที่ลดลงร้อยละ 60 ส่วนการรักษาพยาบาลในสถานบริการแบบตั้งรับพบการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เหล่านี้ส่งผลให้จำนวนผู้มารับบริการทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในแตกต่างกัน


 


เมื่อศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่ามีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด และหอบหืด เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มอาการที่เกิดจากภาวะเครียด (Neurotic, Stress-related and somatoform disorders) ซึ่งถูกรายงานในกลุ่มภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤติกรรมเข้ารับบริการเป็นผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยทั่วไป เห็นได้ชัดว่าหลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบกลับส่งผลให้ประชาชนเกิดโรคเรื้อรังและโรคไม่ติดต่อเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มของการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความเครียดที่เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมาหลายปี


 


นพ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่านอกจากนี้ยังพบว่าเหตุการณ์ความรุนแรงยังส่งผลกระทบด้านขวัญกำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์ผู้ให้การรักษา อาทิ ความรู้สึกไม่ปลอดภัย เกิดความกังวลใจกับบุคคลในครอบครัว และยังกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน คือ ไม่กล้าออกไปปฏิบัติศาสนกิจและไม่กล้าออกไปไหนในเวลากลางคืน


 


มีผลกระทบกับกำลังคนด้านการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาล โดยกลุ่มแพทย์และทันตแพทย์พบว่าขาดแคลนค่อนข้างสูง (ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่วิชาชีพพยาบาลและเภสัชกรอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย ทั้งนี้พบว่าจังหวัดยะลาขาดแคลนแพทย์มากที่สุด โดยเฉพาะแพทย์ทางสาขาที่มีความจำเป็นสูงในสถานการณ์ความรุนแรง เช่น ศัลยกรรมกระดูก ศัลยกรรมทั่วไป เป็นต้น อีกทั้งประเด็นภาระงานในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดภาระงานที่หนักเพิ่มขึ้น การจัดเวร/ผลัดปฏิบัติงานจัดได้ลำบากกว่าสถานการณ์ปกติ


 


ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกิดขึ้นในขณะนี้หลายฝ่ายกำลังระดมสมองช่วยกันหาทางออกโดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะสร้างสันติสุขในชุมชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำความสมานฉันท์และการอยู่ร่วมกันของทุกเชื้อชาติศาสนากลับคืนมา  การฟื้นฟูสุขภาวะของประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญที่ภาคีหรือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันแก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่โอกาสแห่งความสำเร็จมากที่สุด


 


อย่างไรก็ตาม ก้าวที่สำคัญของการสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้นั้น เริ่มต้นจากการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน และให้ความสำคัญกับความเป็นธรรม ความเสมอ การแบ่งปันความรักความเอื้ออาทรต่อกัน อันจะนำไปสู่พลังของชุมชนที่สร้างความเข้มแข็งและความสมานฉันท์กันต่อไป และเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาความรุนแรงดังกล่าว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net