Skip to main content
sharethis

อ้างมีอำนาจทำตาม ม.298, 309 ตามรธน.50


พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ทาง กกต.ให้ คมช.ชี้แจงพร้อมแสดงเอกสารลับตัวจริงในวันที่ 4 ธันวาคม แต่ปรากฏว่า คมช.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต.แล้วขอเลื่อนการชี้แจงเป็นวันที่ 11 ธันวาคม ว่า ทาง คมช.กำลังพิจารณาว่าจะส่งผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดข้อมูล 2-3 ท่านไปชี้แจง ทั้งนี้ เราจะพยายามรวบรวมหลักฐานทุกประการตามที่ กกต.ต้องการให้ครอบคลุมทั้งหมด


 


พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวต่อเนื่องกับภารกิจ คมช.เมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่มีการปฏิรูป เรามีวัตถุประสงค์ที่ต้องการพยายามหยุดสถานการณ์ความขัดแย้งและมีวัตถุประสงค์อีก 4 ประการ นอกจากนี้ มาตรา 34 ให้อำนาจหน้าที่ คมช.ควรปฏิบัติเพื่อรักษาความมั่นคงและสถานการณ์


 


"รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 298 และ 309 กำหนดภาระหน้าที่ของ คมช.ยังอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ แต่ในเอกสารที่ คมช.จัดทำโดยศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช.นำเรียนประธาน คมช.คนเดิม ท่านได้ลงนาม ในตอนนั้นรัฐธรรมนูญและกฎหมาย พ.ร.บ.เลือกตั้งออกแล้ว แต่ พ.ร.บ.ประกอบการเลือกตั้งยังไม่ออก ซึ่งประธาน คมช.ลงนามไป 2 วัน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นำเอกสารดังกล่าวออกมาได้มาจากไหนไม่ทราบ" พล.อ.อ.ชลิต กล่าว


 


 


ยัน คมช.ยกเลิกคำสั่งเอกสารลับแล้ว


พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ในที่ประชุมสภากลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ พูดคุยกันเรื่องนี้ ซึ่ง รมว.กลาโหม ชี้แจงและสั่งการว่าให้วางตัวเป็นกลาง ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ สั่งการในที่ประชุมทุกแห่ง เรื่องการวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ทำอะไร เห็นว่าในคำสั่งการนั้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการในเรื่องต่างๆ แต่ช่วงหลังจากนั้น 3-4 วัน ได้ยกเลิกคำสั่งล่าสุดของแต่ละหน่วยให้เลิกดำเนินการ ไม่มีการสั่งการ ไม่มีการดำเนินการตามคำสั่งของประธาน คมช.ในครั้งนั้น


 


เมื่อถามว่าสรุปว่าเป็นเอกสารจริงใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นเอกสารจริงแต่ไม่เหมือน ทั้งนี้ เห็นว่ายังไม่มีการปฏิบัติ ดังนั้น ยืนยันได้ว่าไม่น่าจะผิด เพราะเป็นภาระหน้าที่ของ คมช.ที่จะดำเนินการให้ประเทศมีความสงบ ช่วงที่ผ่านมามีการขึ้นเวทีและประกาศว่า เขาคือผู้แทนอดีตนายกรัฐมนตรี หากกลับมาจะเช็กบิลและยกเลิกสิ่งที่ถูกตรวจสอบ ทำทุกอย่างที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายกับประเทศชาติ


 


 


กองทัพยอม หาก พปช.ชนะ แต่ไม่รับปากอนาคตไม่เกิดปฏิวัติประชาชน


เมื่อถามว่า หากพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นข้อคิดของ คมช.และคนที่อยู่ในด้านความมั่นคง จากนี้ไปเป็นภาระของทุกคนในชาติต้องพิจารณาคิดอย่างไร อย่างไรก็ตาม หากพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง กองทัพต้องยอมให้เป็นไปเช่นนั้น เพราะวิถีทางประชาธิปไตย เชื่อว่าประชาชนคงคิดเหมือนตน หรือคิดต่างก็เป็นสิทธิประชาชน


 


เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเช็กบิลจนทำให้เกิดจลาจลทหารจะออกมาหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่มีใครคาดการณ์ได้


 


"ในบางประเทศเรื่องการปฏิวัติใหญ่ก็ไม่ใช่ทหาร เช่น ประเทศฝรั่งเศส จีน หรืออินโดนีเซีย ก็เป็นประชาชนที่ออกมาปฏิวัติ ทุกเรื่องขึ้นอยู่กับประชาชนว่าพอใจและมองภาพนี้อย่างไร หากประชาชนไม่ชอบ อยากให้รัฐบาลออก แต่รัฐบาลไม่ออก ประชาชนก็จะมีกรรมวิธีของประชาชน ไม่มีใครจะอยู่เหนืออำนาจประชาชน" พล.อ.อ.ชลิต กล่าว


 


เมื่อถามว่า อนาคตการเมืองไทยมีแนวโน้มจะปฏิวัติโดยประชาชนใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่แน่ แต่อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ตนเปรียบเทียบเท่านั้น ไม่ใช่สูตรสำเร็จ


 


เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองอย่างนี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือนสติว่า การเมืองไม่น่าไว้วางใจ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่กล้าวิจารณ์ตรงนั้น แต่เราต้องอ่านและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง บางครั้งมีอะไรลึกซึ้งอยู่ข้างใน


 


ต่อข้อถามว่า สิ่งที่ คมช.ทำมาทั้งหมดถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่เพลี่ยงพล้ำ เป็นน้ำที่กระเพื่อม กำลังจะสำเร็จ ถ้าสามารถทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และไม่มีการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มอำนาจเก่าว่ากลับมาจะทำอย่างไร อาจจะกลับมาเป็นรัฐบาลหรือมาสู้คดี ตนยังไม่ทราบ ถ้าหากกลับมาเป็นรัฐบาลก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะข้อมูลข้างต้นเราต้องการหยุดสถานการณ์ไม่ต้องจัดการใคร


 


 


"อนุพงษ์" ยันในกลุ่มไม่มีคุยกันเรื่องเช็คบิลอำนาจเก่า มีแต่สื่อจี้ถาม


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีรักษาการประธาน คมช.ยอมรับว่าเอกสารลับเป็นของจริง แต่ยังไม่ได้มีการสั่งการให้ดำเนินการตามคำสั่งนั้น ไม่เรียกว่ายอมรับ เพราะมีเอกสารอยู่แล้ว แต่ว่า กกต.จะร้องขอตัวจริงจาก คมช.หรือไม่ ก็พร้อมจะให้ดู และยืนยันว่าเราไม่เคยพูดกันในเรื่องกลุ่มอำนาจเก่าเช็กบิลว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ หรือป้องกันไม่ให้เข้ามาเช็กบิล ไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ มีแต่สื่อมวลชนถามเอง


 


ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาประเทศนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหาวุ่นอะไร แต่ถ้าไม่อยู่ตามกฎหมายหรือตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น สังคมจะเป็นผู้พิจารณาเอง ไม่ใช่กลุ่มใดจะมาทำ


 


 


คมช.มอบ "พล.อ.สมเจตน์" แจงเอกสารแทน


นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวว่า คมช.ยืนยันว่าจะนำเอกสารลับฉบับจริงมาชี้แจงและประธาน คมช.จะมอบอำนาจให้ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เลขาธิการสำนักงาน คมช.มาชี้แจง ซึ่ง กกต.ขอให้เป็นตัวแทนที่มีอำนาจในการที่จะชี้แจงและสามารถแถลงข่าวแทนได้ด้วย เพราะทางกฎหมายตัวแทนที่ได้รับการมอบอำนาจถือว่าทำการเสมือนดังตัวการ เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาในการสอบสวน คาดว่าจะสามารถสรุปผลการวินิจฉัยได้ในวันถัดไป


 


"ในการพิจารณา กกต.จะดูว่า กกต.มีอำนาจในการพิจารณาและวินิจฉัยหรือไม่ เพราะ คมช.แจ้งว่า คมช.มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าว โดยมีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 7/2549 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2549 รองรับ แต่ กกต.ก็มีอำนาจในการดูแลการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2550 จึงมีปัญหาว่า กกต.จะมีอำนาจในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือไม่ และจะต้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดหรือไม่" นางสดศรี กล่าว


 


เมื่อถามว่า กกต.จะต้องดูด้วยหรือไม่ว่ามีการปลอมแปลงเอกสารในชั้นไหน และผู้ปลอมแปลงต้องรับผิดอย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า ถ้านำเอกสารเท็จมาใช้และทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใด ก็ถือว่าเป็นความผิด ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากเอกสารและเรื่องทั้งหมดก่อน


 


ที่มา: เรียบเรียงจากเว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net