Skip to main content
sharethis

อ. อับดุชชะกูร์ บิน ชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)


Shukur2003@yahoo.co.uk


 


 


ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสดามูฮัมมัดและผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน


หลังจากจุฬาราชมนตรี ผู้นำกิจการศาสนาอิสลาม ของประเทศได้ประกาศว่า วันที่ 10 ของเดือนซุ้ลฮิจญะฮฺ ซึ่งเป็นวันอีดิลอัฎฮา ปีฮิจเราะฮฺศักราช 1428 ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2550 และขอให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศได้ประกอบศาสนกิจในวันดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันนั้น มีประเด็นของที่ต้องทำความใจดังนี้


1. ฮัจญ์


ปีนี้ ชาวไทยมุสลิมจำนวนมากประมาณ 12,000 คน ได้ไปร่วมประกอบพิธี "ฮัจญ์" ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ตามศาสนบัญญัติของศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นความตั้งใจสูงสุดเช่นเดียวกับอิสลามิกชนจากทั่วโลก


 


การประกอบพิธีทำฮัจญ์ เป็น 1 ใน 5 หลักปฏิบัติศาสนกิจของมุสลิม ท่านศาสดามูฮัมมัด ได้กล่าวแก่ชาวมุสลิมเกี่ยวกับฮัจญ์ สรุปความได้ว่า "โอ้ประชาติทั้งหลาย อัลลอฮ. ได้กำหนดฮัจญ์เป็นหน้าที่ของพวกท่าน ดังนั้นท่าน ทั้งหลายจงทำฮัจญ์"


 


การทำฮัจญ์ คือการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่นครมักกะหฺ ประเทศซาอุดิอารเบียในเดือนซุลฮิจญะฮฺ (เดือนที่ 12 ตามปฏิทินอิสลามซึ่งปีนี้ ตรงกับ 17-22 เดือนธันวาคม 2550) ตามวันเวลา และสถานที่ต่างๆ ที่ทางศาสนาอิสลามกำหนดไว้ ซึ่งศาสนกิจข้อนี้เป็นหน้าที่สำหรับมุสลิมทั้งชายและหญิง ทุกคนที่มีความสามารถในด้านร่างกาย ทรัพย์สิน และการเดินทาง ที่จะต้องปฏิบัติ


 


ในช่วงฮัจญ์ ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางเข้าสู่อารเบีย โดยก่อนอื่นจะมีการทำ อิฮฺรอม นั่นคือ การตั้งใจว่าจะทำพิธีฮัจญ์ ก่อนการเข้าไปในแผ่นดินฮะรอม ในซาอุดิอารเบีย โดยจะปฏิบัติตามกฏของฮัจญ์ อาทิเช่น การไม่สมสู่ การไม่ล่าสัตว์ในแผ่นดินฮะรอม การไม่ตัดเล็บหรือผม การไม่เสริมสวยหรือใช้น้ำหอม ผู้ชายจะเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย มาสวมผ้าเพียงสองผืน แล้วต่างก็จะมาชุมนุมกันที่ ทุ่งอะร็อฟะหฺ ในตอนเช้าตรู่ของวันที่เก้าของเดือนซุลฮิจญะฮฺ แล้วพอตกค่ำ ซึ่งตามปฏิทินจะเป็นคืนที่สิบ บรรดาฮุจญาจกจะเดินทางผ่าน ทุ่งมุซดะลิฟะฮฺพักชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่ ทุ่งมีนา ก่อนเที่ยงของวันต่อไปฮุจญาจจะพักอยู่ที่ ทุ่งมีนา เป็นเวลาสามวัน เพื่อขอพรและบำเพ็ญตนตามพิธีฮัจญ์ หลังจากนั้นจึงเดินทางเข้ากรุงมักกะหฺ เพื่อฏอวาฟ (เวียนรอบ) กะอฺบะหฺ หรือที่เรียกว่า บัยตุลลอฮฺอันเป็นเสมือนเสาหลักของชุมทิศ ซึ่งตั้งอยู่ใน มัสญิด ฮะรอม (เมืองมักกะฮฺ) หลังจากนั้นฮุจญาจก็จะเดินจากเนินเขาศอฟา สู่เนินเขามัรวะหฺ ซึ่งมีระยะทาง ๔๕๐ เมตร ไปมาจนครบเจ็ดเที่ยว ระหว่างที่เดินก็จะกล่าวคำขอพรและคำวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเสร็จพิธีนี้แล้วก็จะขลิบผมหรือโกนหัว และผู้แสวงบุญก็จะหลุดพ้นจากภาวะ อิฮฺรอม


 


การไปประกอบพิธีฮัจญ์ นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามศาสนบัญญัติแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งถึงความตั้งใจจริงในการดำรงตนให้อยู่ในหลักของศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลากว่าค่อนชีวิตเก็บสะสมเงินทองเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ฉะนั้นการไปประกอบพิธีฮัจญ์ จึงเป็นความภาคภูมิใจไม่เฉพาะแต่ "ฮุจญาจ" เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบรรดาญาติพี่น้องอีกด้วย


 


ดังนั้นฮัจญ์ จึงเป็น การรวมตัวของประชาชาติมุสลิมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถรวบรวมประชาคมที่ก้าวพ้นพรมแดนแห่งชาติพันธุ์ ภาษาและวัฒนธรรม มุสลิมทุกคนต้องประกอบพิธีฮัจญ์แม้ครั้งเดียวในชีวิต


 


2. วันตรุษ "อีดิลอัฎฮา"


วันตรุษอีดิลอัฎฮาเป็นคำภาษาอาหรับ มาจากคำว่า อีด แปลว่า รื่นเริง เฉลิมฉลอง และ อัฎฮา แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน ดังนั้น วันตรุษอีดิลอัฎฮา จึงหมายถึง วันเฉลิมฉลองการ เชือดสัตว์เพื่อพลีทาน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำฮัจญ์ก็จะมีศาสนกิจที่จะต้องปฏิบัติ ดังนี้


 


1. วันที่ 9 ซุ้ลฮิจยะฮฺ ตรงกับวันที 19 ธันวาคม สมควรที่มุสลิม ถือศีลอดเพราะท่านศาสดาวัจนะไว้ความว่า ผู้ใดถือศีลอดในวันนี้ อัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดต่างๆ ในปีที่ผ่านมาและปีต่อไป"


 


2. ภารกิจและข้อควรปฏิบัติในวันตรุษอีดิลอัฎฮาฉดยสามารถแบ่งการปฏิบัติดังนี้


. ภารกิจก่อนละหมาด


1)การตักบีร (สรรเสริญความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) ตลอดเวลา) ดังที่อัลลอฮ์ได้ดำรัสในอัลกุรอ่าน ความว่า "และท่านทั้งหลายจงกล่าวตักบีร อย่างกึกก้องต่อพระองค์" (ซูเราะห์อัลอิสรอ อายะที่ 111)


2. อาบน้ำและทำความสะอาดร่างกายก่อนสวมใส่เสื้อผ้าไปยังสถานที่ละหมาด พร้อทั้งขจัดขนของอวัยวะเพศ ขนรักแร้ ตัดเล็บ และขจัดกลิ่นกาย (โปรดดูบันทึกอีหม่ามมาลิก 1/177 และอีหม่ามซาฟีอี ในหนังสือมุสนัด หมายเลข 88)


3. แต่งกายด้วยอาภรณ์ที่สวยงาม พร้อมทั้งใช้น้ำหอมยกเว้นสตรี


4. ไปยังสถานที่ละหมาดตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะมะมูม (ผู้ตามละหมาด) ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ (สมควรแต่ไม่ใช่เป็นการบังคับ) - ออกไปและกลับด้วยการเดินเท้า- การเดินไปและกลับจากการละหมาดควรใช้เส้นทางต่างกัน- กล่าวสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ ตลอดเวลาขณะเดินทาง 


ข. ละหมาด


การละหมาดตรุษวันตรุษอีดิลอัฎฮาถือเป็นศาสนกิจที่สำคัญที่สุดของวันนี้ เพราะมุสลิมทุกคนไม่ว่าผู้ชาย หญิง เด็ก คนชรา ควรไปร่วมละหมาดที่มัสยิดหรือลานสนามกว้างที่ทางหมู่บ้านจัดเตรียมไว้ (จากบางทัศนะของอุลามาอ) โดยการละหมาดดังกล่าวจะเริ่มทำในช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง (ประมาณ 7.10.)


. ภารกิจหลังละหมาดอีด


หลังจากละหมาดเสร็จแล้วทุกคนต้องฟังคุบะห์ (ฟังธรรมเทศนา) หลังจากนั้นทุกคนต่างก็แสดงความยินดีปรีดาต่อกัน แสดงความขอโทษซึ่งกันและกันในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิด ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามหลังจากนั้นควรบริจาคทานกับเด็ก คนชรา หรือใครๆก็ได้ ที่ตัวเองประสงค์จะทำทาน ออกไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน อาจจะจัดกิจกรรมบนเวทีให้กับเด็กๆ เพื่อมอบความสุขให้กับเขาเหล่านั้นและที่สำคัญทีสุดคือ เชือดสัตว์พลีทาน (กุรบ่าน)


 


สำหรับการทำกุรบ่านนี้ได้ปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยของท่านนบีอิบรอฮีม (..) ซึ่งทัศนะของมัซฮับฮะนาฟีย์(ปราชญ์อิสลามท่านหนึ่ง)ว่าการทำกุรบ่านเป็นหน้าที่ (ต้องปฏิบัติทุกคน) ส่วนทัศนะของมัซฮับชาฟีอีย์(ปราชญ์อิสลามอีกท่านหนึ่ง)ถือเป็นกิจสุนัตอุอักกัต กล่าวคือ ถึงแม้จะไม่บังคับแต่ก็ควรกระทำกันทุกคนเพราะผู้กระทำจะได้ผลบุญอย่างยอดเยี่ยม และท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ก็ได้ปฏิบัติอยู่เสมอ ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในฐานะที่จะทำได้ ไม่ควรละเลยข้อปฏิบัตินี้อย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่งในชีวิตอันเนื่องมาจากมีหลักฐานจากท่านอิบนุอับบาสอัครสาวกศาสดาเล่าว่า ท่านศาสดาทรงกล่าวว่า ในวันอีดิ้ลอัดฮาไม่มีการภักดีใดๆของมนุษย์จะเป็นที่โปรดปรานรักใคร่ของอัลลอฮ์ ดียิ่งไปกว่าการทำกุรบ่าน


 


สำหรับกำหนดเวลาการทำกุรบ่านนั้นเริ่มเชือดกุรบ่านได้ตั้งแต่หลังละหมาดอีดิลอัฎฮา จนถึงเวลาละหมาดอัสรีของวันที่ 4 ของวันอีดรวม 4 วัน (วันอีด 1 วันตัสริก 3 วันซึ่งตรงกับ วันที่ 20-23 ธันวาคม) แต่ระยะเวลาที่ดีเยี่ยมควรเชือดกุรบ่าน คือหลังจากเสร็จการละหมาดอีดิลอัฎฮาแล้ว การเชือดควรให้เจ้าของเป็นผู้เชือดเองหากจะมอบให้ผู้อื่นเชือดก็ควรดูการเชือดด้วย


 


คำเนียต (นึกในใจ) ของการเชือดกุรบ่าน ขณะจะเริ่มเชือดให้เนียตว่า "นี่คือกุรบ่านของข้าพเจ้า"


 หากมอบให้ผู้อื่นเชือด คนเชือดต้องเนียตว่า "นี่คือกุรบ่านของ...................ซึ่งมอบให้ข้าพเจ้าเชือด" คำอ่านก่อนเชือด


 


      بسم  الله  الله أكبر اللهم هدا منك  واليك فتقبل مني كما تقبلت من خليلك ابراهيم  ومن حبيبك محمد


 


บิสมิลลาฮี่ อัลลอฮุฮักบัร อัลลอฮุมมา ฮาซามิง ก้าว่าอี้ลัยก้า ฟ้าตาก๊อบบันมินนี ก้ามาตาก๊อบบั้นต้า มินคอลีลิ๊กก้าอิบรอฮีม ว่ามินฮาบีบี้ก้ามูฮัมมัด


 


ความว่า "ด้วยพระนามของอัลลอฮฮ อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ ข้าแด่อัลลอฮฺ สัตว์กุรบานนี้ของพระองค์ทรงให้เกิดมาและจะกลับไปสู่พระองค์แล้ว ดังนั้นจงรับจากข้าพระองค์แล้วเหมือนกับที่พระองค์ทรงรับจากนบีอิบรอฮีมและนบีมุฮัมหมัดซึ่งเป็นโปรดของท่าน"


 


สำหรับสัตว์ที่ใช้ทำกุรบ่านนั้น คือ อูฐ วัว ควาย แพะ แกะ กีบัช


 


1. อูฐ ต้องมีอายุ 5 ปีบริบูรณ์ ใช้ทำกุรบ่านได้ 7 ส่วน ดังนั้น จึงรวมกันทำ 7 คน/อูฐตัวเดียวก็ได้ หรือจะทำคนเดียวก็ยิ่งดี 2. วัว ความ ต้องมีอายุ 2 ปีบริบูรณ์ ทำกุรบ่านได้ 7 ส่วน 3. แพะ ต้องมีอายุ 2 ปีบริบูรณ์ ทำกุรบ่านได้ 1 ส่วน 4.แกะและกิบัช ต้องมีอายุ 1 ปีบริบูรณ์ หรือเปลี่ยนฟันแล้ว ทำกุรบ่านได้ 1 ส่วน สำหรับสัตว์จะทำกุรบ่าน มีเงื่อนไขว่า ต้องอ้วนสมบูรณ์ปราศจากสิ่งตำหนิหรือโรค ควรมีลักษณะสวยงามสง่าในขณะเดียวกัน สัตว์ที่ห้ามกุรบ่านไม่ได้ ได้แก่ สัตว์ที่เป็นโรค หรือพิการหรือไม่สมประกอบ เช่น ตาบอด หูแหว่ง เขาหัก ไม่มีฟัน แคระแก่น มีท้อง


 


หลังจากเชือดแล้วจะมีการการแจกกุรบ่านโดย ให้แจกจ่ายแก่คนยากจนและเพื่อนบ้าน ควรเก็บไว้กินเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อท่านศาสดา ทำกุรบ่านนั้นท่านเอาตับไว้กินเพียงชิ้นเดียว นอกนั้นบริจาคไปหมด นอกจากนี้ห้ามนำเอาเนื้อและส่วนต่างๆของสัตว์กุรบ่าน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังหรือกระดูกไปขายหรือเป็นค่าจ้างเป็นอันขาด


 


สำหรับวันตรุษอีดิลอัฎฮาปีนี้น่าจะนำเนื้อกุรบ่านส่วนหนึ่งบริจาค หรือบริจาคเงินทำกุรบ่าน ผ่านคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด หรือจังหวัดที่ประสบภัยให้เป็นสื่อกลางมอบแด่ผู้ประสบภัย "น้ำท่วม"


 


3. ข้อควรคำนึงกับการเลือกตั้งช่วงอีดิลอัฎฮา


อันเนื่องมาจากการเลือกตั้งปีนี้อยู่ในช่วงอีดิลอัฎฮาพอดี มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเงื่อนงำ เล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองและหัวคะแนนในการพยายามซื้อเสียงยิ่งปรากฏเด่นชัดในหลายพื้นที่เช่น ให้ไปซื้อของในร้านเท่ากับจำนวนเงินที่ไปซื้อเสียง และถ้าซื้อไม่ครบก็จะทอนเงินให้ รวมทั้งมีการทำประกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ยังมีการแจกเงิน ตั้งแต่ 100-1,000 บาท แจกเสื้อวินมอเตอร์ไซค์พร้อมกับเงิน 300 บาท การเหมารถเพื่อพาคนมาฟังปราศรัยในราคา 500-3000 บาท และมีการจดหมายเลขบัตรประชาชน


 


การอ้างว่าเป็นเงินค่าจ้างให้ขนคนไปฟังการปราศรัย นักการเมืองซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่นั้น มีภาพปรากฏพร้อมเงินและหลักฐานอื่นๆ ย่อมปฏิเสธ เพราะคงไม่มีใครยอมรับ ต้องดิ้นรนด้วยคำแก้ตัวต่างๆ ทั้งๆ ที่เป็นการเชื่อได้ยาก ค้านกับสภาพความเป็นจริง


 


ที่สำคัญอาจจะมีการเชือดสัตว์กุรบ่านเพื่อทำบุญเพราะฉะนั้นอาจมี วัว แพะ ส.ส. หลายร้อยตัวถูกเชือดเพื่อแลกกับคะแนนเสียงหรือฉวยโอกาสแจกเงินเพื่อทำบุญกับศาสนสถาน เด็กๆในวันอีดิงอัฎฮา


ฉวยโอกาสให้ผู้นำศาสนาในพื้นที่ หรือประชาชนในมัสยิดต่างๆละหมาดขอพรให้แล้วบริจาคเงินหรืออุปกรณ์สิ่งของเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา


 


การซื้อสิทธิขายเสียงไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หัวคะแนนและประชาชนทั่วไป ตามทัศนะอิสลามและหลักศาสนาถือว่าเป็นบาปอย่างมหันต์ เป็นส่วนของการรับสินบน (ในหลักศาสนาเรียกว่า al-Rishwah) ตามที่พระเจ้าได้ทรงห้ามในคัมภีร์อัลกุรอาน (ซูเราะห์ อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 41) ในขณะ ศาสดามุฮัมมัดได้วจนะไว้ความว่า " อัลลอฮฺทรงสาบแช่งผู้ที่ให้และรับสินบน" ( บันทึกโดยอิหม่ามตุรมีซีย์ )


ดังนั้นเพื่อเป็นคู่มือแด่ทุกคน ทั้งผู้เลือกตั้งและผู้ถูกเลือกตั้งได้นำหลักการและคุณสมบัติของผู้นำตามศาสนธรรมที่พระเจ้าได้ดำรัสในคัมภีร์อัลกุรอานและวัจนศาสดามุฮัมมัดมาเป็นกรอบในการพิจารณาดังนี้


1.ผู้นำต้องมีศาสนธรรม ความรู้ ความสันทัด ความสามารถในการบริหารและการปกครอง มิใช่ด้วยเหตุผลการสืบทอดและความร่ำรวย (ซูเราะห์ อัล-บะก่อเราะห์ อายะห์ที่ 247)


 


2. ผู้นำต้องมีความยุติธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน ผู้นำเมื่อมีการบิดพลิ้วก็จะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำ จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ ดังดำรัสของอัลลอฮฺในอัลกุรอานความว่า"แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงมีบัญชาแก่พวกเจ้าให้พวกเจ้ามอบความไว้วางใจ (ให้รับผิดชอบการงานหรือตำแหน่งหน้าที่ใดๆ) แก่ผู้ทรงสิทธิ์ของมัน และเมื่อพวกเจ้าทำการตัดสินในระหว่างมนุษย์ พวกเจ้าจงตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงเป็นการดียิ่งที่พระองค์ทรงตักเตือนพวกเจ้าในสิ่งนั้น แท้จริงอัลลอฮ์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงมองเห็น" (ซูเราะห์ อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 58)


 


3.ตำแหน่งผู้นำและอำนาจการปกครองนั้นคือ อามานะห์ (ความไว้วางใจ) อย่างหนึ่งที่กลุ่มชนได้มอบความไว้วางใจ มอบภารกิจอันทรงเกียรติให้ท่านรับผิดชอบ เพราะท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ทรงวจนะแก่ท่านอบี ซัรรีน(สหายศาสดา)ความว่า "อำนาจการปกครองนั้นคืออามานะห์ และในวันกิยามัต (สิ้นโลก) มันจะมีแต่ความอัปยศและความเสียใจ เว้นเสียแต่ผู้ที่นำมันมาด้วยความชอบธรรมและดำเนินการตามภาระที่มีอยู่" (บันทึกโดยมุสลิม)


 


4.อย่าบิดพริ้วต่อประชาชนผู้มอบความไว้วางใจ ดังดำรัสของอัลลอฮฺในอัลกุรอานความว่า "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าบิดพริ้วต่ออัลลอฮ์ และ ศาสดา และอย่าบิดพริ้วต่อความไว้วางใจ (ที่ผู้อื่นมอบแก่) พวกเจ้า ทั้งๆที่พวกเจ้าก็รู้ดี" (ซูเราะห์ อัล-อัมฟาล อายะห์ที่ 27)


 


5.ทุกคนต้องถูกสอบสวนในความรับผิดชอบเพราะท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ทรงวจนะความว่า"พวกเจ้าทุกคนเป็นผู้รับผิดชอบ และพวกเจ้าทุกคนต้องถูกสอบถาม จากความรับผิดชอบในบุคคลที่อยู่ภายใต้การดูแล"


 


6.ให้ความสำคัญกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเมืองภาคประชาชนเพราะประชาชนทั่วไปยังคงมีอำนาจอยู่ในการปกครองและตรวจสอบผู้ปกครองด้วย


 


การเรียกร้องสู่ความดีปราบปรามความชั่วเป็นสิทธิของทุกๆคนในสังคม และสิทธิในการที่จะตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ปกครอง เพราะท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ทรงวจนะความว่า ผู้ใดก็ตามในหมู่พวกท่านได้เห็นความผิดใดๆ ก็จงเปลี่ยนแปลงด้วยมือ (หมายถึงอำนาจถ้ามี) หากเขาไม่มีความสามารถก็จงเปลี่ยนแปลงด้วยลิ้น (หมายถึงตักเตือนคัดค้าน) หากเขาไม่มีความสามารถก็จงเปลี่ยนแปลงด้วยหัวใจ (หมายถึงการเกลียดความผิดนั้น) และนั่นคือความศรัทธาที่อ่อนแอที่สุด" บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม


 


วันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้ นั้นอนาคตของชาติอยู่ในมือท่าน อย่าให้อำนาจเงิน การหาประโยชน์กับวันสำคัญทางศาสนา ความเป็นเครือญาติ และการทุจริตทุกประเภทอยู่เหนือความถูกต้องที่อยู่ภายใต้หลักคุณธรรมและจริยธรรม


 


การเลือกคนดี ที่มีคุณธรรมและมีความสามารถหรือคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเปรียบเสมือนการทำกุรบ่านและทำอิบาดะฮฺ (ศาสนบัญญัติ)


 


วันที่ 23 ธันวาคม 2550 จงเชือด (กุรบ่าน) คนชั่วในคราบนักบุญด้วยการไม่ลงคะแนนให้คนเหล่านี้แล้วท่านจะได้บุญมากมายหลายเท่าในช่วงการทำฮัจญ์และวันตรุษอีดิลอัฎฮาปีนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net