ประชาไท - การเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 23 ธันวาคม 2550 มีการปิดหีบบัตรลงคะแนนเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเวลา 15:00 น.โดยประมาณ แม้จะยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์มีจำนวนเท่าไหร่ แต่จากการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ระบุว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งราวๆ ร้อยละ 40 ของจำนวนประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทหารประจำหน่วยเลือกตั้งซึ่งกระจายตัวไปตามจังหวัดต่างๆ

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการปิดหีบเลือกตั้งไปแล้ว สวนดุสิตโพลได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นหลังเลือกตั้ง (Exit Poll) โดยระบุว่า คะแนนของพรรคพลังประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง คือคะแนนในระบบเขต 221 และคะแนนในสัดส่วน 35 (รวม 256) ในขณะที่คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ในระบบเขต ประมาณ 127 คะแนนสัดส่วน 35 (รวม 162) และพรรคที่ได้คะแนนรองลงมา ได้แก่ พรรคเพื่อแผ่นดิน, พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย

ก่อนหน้านี้ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมนไรท์วอทช์" ได้ออกแถลงการณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขาดความโปร่งใส เนื่องจากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ อาจเป็นสาเหตุให้ประชาชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่แท้จริงของตน แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับปากว่าจะทำงานอย่างแข็งขัน

อย่างไรก็ตาม นางสดศรี สัตยธรรม หนึ่งในคณะกรรมการฯ ได้ออกมาให้ข่าวว่า การดำเนินการของ กกต.เป็นไปอย่างล่าช้า และมีการพิจารณาคดีเรื่องทุจริตเลือกตั้งน้อยกว่าจำนวนคดีที่มีผู้แจ้งเบาะแส เป็นที่สงสัยว่าภายใน กกต.มีการเตะถ่วงกระบวนการพิจารณาเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เป็นเหตุใ้ห้ นายสมชัย จึงประเสริฐ ซึ่งเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ออกมาโต้แย้งว่า การทำงานของ กกต.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ดำเนินการแบบคนหูเบา พร้อมทั้งชี้แจงว่า การให้ใบแดงกับผู้กระทำความผิดหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว จะส่งผลกระทบต่อคนทุจริตมากกว่า เพราะจะต้องใช้เงินค่าเลือกตั้งใหม่ 20-30 ล้านบาท

ทางด้านสื่อต่างประเทศหลายสำนักได้ร่วมกันเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งภายในประเทศไทย เช่น สำนักข่าวบีบีซี ของประเทศอังกฤษ รายงานว่า ผลการเลือกตั้งซึ่งพรรคพลังประชาชนมีคะแนนนำ อาจทำให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่งในประเทศไทย เพราะพลังประชาชนคือตัวแทนของพรรคไทยรักไทยและอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งรัฐบาลทหารใช้เป็นเหตุผลในการทำรัฐประหารในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับรอยเตอร์และซีเอ็นเอ็น ระบุว่า แม้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นตัวเก็งสำหรับตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่ก็อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ยุ่งยากในการตั้งรัฐบาลผสม และอาจนำไปสู่ภาวะวุ่นวายทางการเมืองของไทยอีกระลอกหนึ่ง