นางเบนาซี บุตโต เมื่อครั้งเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ
และประสบเหตุระเบิดที่คร่าชีวิตผู้สนับสนุนของเธอจำนวน 139 คน
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา
ภาพจาก Al Jazeera
นางเบนาซี บุตโต เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ปี 1953 เป็นบุตรของ ซัลฟิการ์ อาลี บุตโต อดีตประธานาธิบดีของปากีสถานในช่วงปี 1971 - 1973 และนายกรัฐมนตรีของปากีสถานระหว่างปี 1973 - 1977 พ่อของเธอเป็นผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปากีสถาน (
ในปี 1979 เธอถูกกักบริเวณเนื่องมาจากการรัฐประหารซึ่งนำโยนายพลไซอา อุล ฮัก อันส่งผลให้พ่อของเธอถูกปลดจากตำแหน่งและถูกประหารชีวิตในที่สุด
เธอลี้ภัยไปยังสหราชอาณาจักรในปี 1984 และได้ตั้งที่ทำการพรรคประชาชนปากีสถาน (
บุตโตเดินทางกลับสู่ปากีสถานในปี 1986 และชนะการเลือกตั้งและเพียงสองปีหลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของปากีสถาน ด้วยวัย 35 ปี
เบนาซี บุตโต ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัยในช่วงปี 1988 - 1990 และ 1993 - 1996 ซึ่งการดำรงตำแหน่งทั้ง 2 วาระ จบลงด้วยการถูกตั้งข้อหาจากประธานาธิบดีด้วยข้อหาคอร์รัปชั่น
ปี 1999 บุตโตและอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามี ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปีและปรับเงินจำนวน 8 ล้าน 6 แสนเหรียญสหรัฐ ด้วยข้อหารับเงินจากบริษัทสัญชาติสวิสเพื่อติดสนิบนในการหลบเลี่ยงภาษี ศาลสูงกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเวลาต่อมา และตัวเธอเองยืนยันว่าข้อกล่าวหาต่างๆ ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายตรงข้าม
ภาพลักษณ์ของเธอในฐานะผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยถูกโจมตีด้วยข้อหาคอร์รัปชั่น และฟอกเงิน แต่การเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีก็มีส่วนผลักดันเธอไปสู่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน บุตโต ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการขาดธรรมาภิบาลและเล่นการเมืองเพื่อตอบสนองตัวเอง
บุตโตลี้ภัยการเมืองอยู่ในดูไบตั้งแต่ปี 1998 และเดินทางกลับสู่ปากีสถานเพื่อรณรงค์หาเสียงเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2007เพื่อลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า โดยหวังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3
ก่อนที่บุตโต จะเดินทางกลับสู่ปากีสถาน เปอร์เวฟ มูร์ชาราฟ ประธานาธิบดีได้ลงนามนิรโทษกรรมบรรดานักการเมือง เพื่อเปิดทางให้กับการเจรจาจัดสรรอำนาจกับนางบุตโต
เมื่อมูร์ชาราฟ ประกาศภาวะฉุกเฉิน แรงกดดันก็ตกอยู่แก่ฝ่ายนางบุตโต และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและมูร์ชาราฟตกอยู่ภายใต้ภาวะตึงเครียด
ภายใต้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอประณามการปราบปรามสื่ออย่างรุนแรงของมูร์ชาราฟ ทั้งประกาศด้วยว่า จะไม่มีทางทำงานร่วมกับนายมูร์ชาราฟเด็ดขาด อีกทั้งประกาศว่าต้องการโค่นอำนาจของนายมูร์ชาราฟลงจากตำแหน่งผู้นำกองทัพ และประธานาธิบดีตามลำดับ
หลังยืนยันว่าจะไม่ทำข้อตกลงร่วมกับมูร์ชาราฟ เธอหันมาจับมือกับศัตรูทางการเมืองอันยาวนาน นาวาซ ชาร์รีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจลงโดยมูร์ชาราฟ
หลังลี้ภัยในต่างประเทศถึง 8 ปี ในวันที่ 18 ตุลาคม เมื่อเบนาซี บุตโต เดินทางกลับสู่มาตุภูมิเพื่อจะรณรงค์หาเสียงเพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3 เธอได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจากประชาชนเรือนแสนกลางกรุงการาจี ซึ่งสนับสนุนพรรคประชาชนปากีสถาน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่มันก็จบลงด้วยโศกนาฎกรรมที่มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 139 คน
เธอไม่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนั้น แต่ 27 ธันวาคม คือวันปฏิบัติการที่มีชีวิตของเธอเป็นเป้าหมาย บรรลุผล
พรรคประชาชนปากีสถานยังคงได้รับความนิยมจากประชาชน นี่เป็นสิ่งที่น่าฉงนที่เธอยังคงทรงพลังทางการเมือง และมีอำนาจโน้มนำทางการเมืองแม้จะลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศยาวนาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การตายของเธอก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรวมพลัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับพรรค
อ้างอิง
http://english.aljazeera.net/NR/exeres/4AF3FFAD-7E24-45B5-BEA5-154071B081A2.htm
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)