Skip to main content
sharethis






การเมือง


เผยเปิดประชุมรัฐสภานัดแรกภายใน 22 ม.ค.


เดลินิวส์ - นายพิฑูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า ในส่วนของการเปิดประชุมรัฐสภาที่ต้องเปิดประชุมให้ได้ภายใน 30 วันหลังการเลือกตั้ง คือภายในวันที่ 22 ม.ค. 2551 โดยการเปิดสมัยประชุมจะทำได้เมื่อมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งจนได้จำนวนสมาชิกครบร้อยละ  95 แล้วทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรจะประสานกับสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้มีการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชกฤษฏีกาขอเปิดสมัยประชุมรัฐสภา จากนั้นจะจัดให้มีรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ทั้งนี้การเปิดประชุมสภาในสมัยนี้จะมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์  ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาแล้ว 3 วัน จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภา ก่อนนำไปสู่กระบวนการลงคะแนนเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี  ทั้งนี้ส่งผลให้ สนช.จะทำหน้าที่วุฒิสภารักษาการ โดยประธานสนช.จะทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา



 


อุ้มปตท.เข้าครม.อังคารนี้


ผู้จัดการรายวัน - นายอำนวย ปรีมนวงษ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าเช่าท่อก๊าซ กรมธนารักษ์ ได้ข้อสรุปรูปแบบการคิดอัตราค่าเช่าที่ดินและท่อส่งก๊าซบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ตามระยะเวลาสัญญา 30 ปี ด้วยวิธีการหักส่วนแบ่งรายได้สุทธิ (Revenue Sharing) ในอัตราขั้นต่ำ 5% หลังจากนั้นทุกๆ 5 ปี จะปรับเพิ่ม 15% คาดว่ามูลค่าค่าเช่าทั้งหมดตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ 7.8-7.9 พันล้านบาท


 


"ปีแรก ปตท.จะต้องจ่ายค่าเช่า 180 ล้านบาท แต่ค่าเช่าค้างย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค. ปี44 จนถึงปัจจุบันที่ ปตท.ต้องจ่ายรวมอัตราดอกเบี้ย 7.5% ประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่งต้องจ่ายในทันที ส่วนต่อจากนี้ ปตท.ก็จะต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่มอีก 3% จากฐานรายได้ของปีล่าสุด " นายอำนวยกล่าวและว่า เหตุผลที่คณะกรรมการฯ เลือกรูปแบบนี้เพราะคำนวณแล้วได้ค่าเช่าสูงที่สุด ทั้งนี้ จะเสนอต่อนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)


 


ส่วนแนวท่อที่ต้องมีการคิดค่าเช่านั้น มีระยะทางประมาณเกือบ 400 กิโลเมตร เป็นแนวท่อบนบกทั้งสิ้น ไม่รวมท่อก๊าซในทะเล ส่วนวิธีการคำนวณหาผลตอบแทนจะมี 3 แนวทาง คือ 1.คำนวณจากผลตอบแทนต่อมูลค่าทรัพย์สิน (ROA) 2.คำนวณจากส่วนแบ่งรายได้ที่คิดจากฐานค่าเช่าขั้นต่ำ 5% และ 3.คำนวณจากส่วนแบ่งรายได้สุทธิที่มีการหักภาระหนี้ของ ปตท. ภายใต้ทรัพย์สินที่โอนคืนให้แก่รัฐ ซึ่งในส่วนนี้นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปตท. ยอมรับว่า มีอยู่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ที่เกิดจากการลงทุนระบบท่อ


 


"หลักการคิดอัตราค่าเช่าจะพิจารณาในหลายมิติ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงผู้บริโภค และอัตราค่าเช่าย่อมจะน้อยกว่ามิติที่คิดจากประโยชน์ทางการค้าเพียงอย่างเดียว" รมว.คลังกล่าวเมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 8 ม.ค.นี้


 


ศาลปกครองไต่สวนคดีทีไอทีวีเสร็จแล้ว


คมชัดลึก - เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ม.ค.51 -ศาลปกครองนัดไต่สวนฉุกเฉินกรณีพนักงานทีไอทีวี 13 คน ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกรมประชาสัมพันธ์ที่ 1003 และ 1004 ในการโยกย้ายผู้บริหารและพนักงานของบริษัททีไอทีวี เนื่องจาก เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังการไต่สวนนานกว่า 4 ชั่วโมง



 


ศาลโดย นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีนายอัชฌา สุวรรณปากแพรก อดีตผอ.ฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี กับพนักงานทีไอทีวี จำนวน 13 คน ยื่นฟ้องนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของกรมประชาสัมพันธ์ที่ 1003/2550 และ 1004/2550 ที่สั่งโยกย้ายตำแหน่งผู้ฟ้องทั้ง 13 ตำแหน่งไปดำรงตำแหน่งอื่น และคำสั่งแต่งตั้งนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทไอเอ็นเอ็น จำกัด เข้ามาดำรงตำแหน่งผอ.ฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม เนื่องจากเป็นกระทำที่ขัดต่อหลักจริยธรรมในองค์กร รวมทั้งเป็นการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายข่าว ขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนฉุกเฉินเพื่อออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ร้องทั้ง 13 คน ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมตามโครงสร้างการบริหารเดิม จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น หรือจนกว่าศาลจะพิพากษาคดีเป็นที่สุด



 


ฝ่ายผู้ฟ้องคดี นำโดย นายอัชฌา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานี นายอลงกรณ์ เหมือนดาว อดีตบรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าวสถานี และน.ส.ตวงพร อัศวะวิไล ผู้ประกาศข่าว ที่ได้ยื่นคำร้องสอด เป็นพยานเข้าเบิกความในส่วนของผู้ฟ้อง ขณะที่ นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ถูกฟ้อง เข้าเบิกความด้วยตนเองเช่นกัน โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น



 


นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล พร้อมยืนยันว่า กระบวนการออกคำสั่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และกรมประชาสัมพันธ์มีอำนาจเด็ดขาดในการดูแล บริหาร จัดการ สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา สัญญาว่าจ้างพนักงานบริษัททีไอทีวีทั้งหมดได้สิ้นสุดลง ยกเว้นนายนพพร พงษ์เวช ผู้อำนวยการสถานี(ด้านบริหาร), นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม รองผู้อำนวยการสถานี(ด้านข่าวและรายการ) และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าว และนายธนา ทั่วประโคน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานี(ด้านบริหาร) ส่งผลให้คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารที่ 1003 และ 1004 หมดสิ้นสภาพไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อร่างพระราชบัญญัติองค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงถือเป็นช่วงสูญญากาศ และกรมประชาสัมพันธ์มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการอย่างเต็มที่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้หรืออย่างช้าที่สุดในวันจันทร์ ศาลจะส่งคำสั่งให้คู่กรณีทั้ง 2 คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น



 


นางสาวตวงพร อัศววิไล ตัวแทนกลุ่มพนักงานทีไอทีวี กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอฟังคำสั่งจากศาลว่าจะวินิจฉัยในประเด็นที่แตกต่างอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายที่ยังไม่มีความชัดเจน เพราะทุกคนไม่คัดค้านการเป็นทีวีสาธารณะ เพียงแต่ต้องการเห็นการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างโปร่งใส พร้อมยืนยัน จะยังคงทำงานต่อไป เพื่อไม่ให้จอมืดด้วย


 


"สมัคร"ขอให้ คตส.เรียก 20 พยาน


คมชัดลึก - 3 ม.ค. 51 -ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายมีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตการจัดซื้อเรือ-รถดับเพลิงของกทม. ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมาการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน โดยได้นัดให้ทีมทนายของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหานำพยาน 4 ปาก เข้าให้ถ้อยคำต่ออนุกรรมการฯ



 


นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายสมัคร ให้ดูแลคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า ถ้ามีการตัดพยาน ทีมทนายก็จะโต้แย้งทันที หาก คตส.ไม่รับฟัง ก็จะทำหนังสือโต้แย้งในชั้นอัยการและศาลต่อไป ซึ่งจะทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย และอาจจะมองว่าทนายต้องการประวิงเวลา ทั้งที่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ทีมทนายอยากให้ คตส.ออกหมายเรียกพยานทั้ง 20 ปาก เข้าให้ถ้อยคำก่อน ป้องกันปัญหาการติดต่อประสานงาน เนื่องจากพยานส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และบางรายเป็นถึงอดีตทูตออสเตรีย ซึ่งข้าราชการบางคนจำเป็นต้องใช้หมายเรียกในการให้ถ้อยคำในเวลาราชการ และถ้าให้ทีมทนายติดต่อนำตัวพยานมาเอง ก็จะถูกกล่าวหาว่าพยานดังกล่าวเข้าข้างนายสมัคร และไม่เป็นกลาง ซึ่งถ้าทำตามแนวทางของทีมทนาย กระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือน ก.พ.นี้ และจะลบข้อครหาในเรื่องความเป็นธรรมของ คตส.



 


ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ กล่าวว่า หลังจากที่อนุกรรมการฯได้รับฟังคำแถลงประเด็นของทีมทนาย และพยานแล้ว จะพิจารณาอีกครั้งว่า สมควรออกหนังสือเรียกพยานคนใดเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติม เพราะพยานทั้ง 20 ปาก ส่วนใหญ่ คตส.ก็สอบมาหมดแล้ว หากมีประเด็นซ้ำซ้อนก็ต้องตัดทิ้ง แต่หากไม่ซ้ำซ้อนก็พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของอดีตทูตออสเตรีย ที่นายสมัคร อ้างเป็นพยานให้ คตส.สอบเพิ่มด้วยนั้น หาก คตส.มีหนังสือเรียกให้ถ้อยคำไปแล้ว แต่ไม่มา คตส.ก็คงต้องตัดพยานปากนี้ออก เพราะถือว่าได้เรียกไปแล้ว


 







เศรษฐกิจ


ฝรั่งทิ้งหุ้น 2 วันรูด 25 จุด


ผู้จัดการรายวัน - ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (3 ม.ค.) ดัชนียังคงปรับตัวลดลงต่อจากวันก่อนหน้า หลังจากยังไร้ปัจจัยในเชิงบวกที่จะเข้ามาสนับสนุนการลงทุน ขณะที่ปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าที่ชัดเจนยังเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนอย่างเต็มที่ ประกอบกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 832.63 จุด ลดลง 10.34 จุด หรือ 1.23% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 836.43 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 829.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,303.12 ล้านบาท


 


นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลงกว่า 200 จุด หลังมีความกังวลว่าตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เดือนธันวาคมจะปรับตัวต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งอาจจะสะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย


 


ขณะที่ปัจจัยที่นักลงทุนยังค่อนข้างกังวล คือ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ล่าสุดยังไม่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากมีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง


    


มองน้ำมันพุ่งแตะ100 ดอลล์ ทำเศรษฐกิจมะกันยิ่งอ่อนปวก


ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี - นักวิเคราะห์มองราคาน้ำมันโลกพุ่งทำสถิติแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ยิ่งเพิ่มแรงบีบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งอ่อนแออยู่แล้วสืบเนื่องจากวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2006 และเพิ่มสัญญาณชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่ปรากฏขึ้นรางๆในระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งของโลกแห่งนี้


 


ชู 4 มาตรการสู้น้ำมันแพงสั่งดูผลดี-เสียปิดปั้ม 4 ทุ่ม


ผู้จัดการรายวัน - รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก( คจร.) นัดสุดท้าย ที่มีนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม เป็นประธาน เห็นชอบตามมาตรการจราจรขนส่ง 4 มาตรการระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย


 


1. เร่งรัดดำเนินการปรับปรุงระบบขนส่งในลักษณะการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะ เช่น เชื่อมโยงทางรถและทางเรือ 2. เร่งรัดมาตรการเพิ่มผิวการจราจรโดยรณรงค์ให้ใช้รถสาธารณะมากขึ้น 3. ให้หน่วยราชการรัฐวิสาหกิจพิจารณาจัดหาสถานที่ราชการหรือรัฐวิสาหกิจให้ประชาชน ได้ใช้ที่จอดรถ และ 4. มาตรการประหยัดพลังงาน ให้หน่วยราชการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานทดแทน ส่งเสริมการใช้ก๊าชเอ็นจีวี


         


ทั้งนี้ในที่ประชุม คจร. ตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงเร่งด่วน อาจต้องรณรงค์ให้ใช้ รถแท๊กซี่แทนการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น โดยอาจมีมาตรการอื่นที่จูงใจ และเพิ่มสถานบริการเชื้อเพลิงทดแทนให้เพียงพอกับความต้องการผู้ใช้


 


ขณะเดียวกันยังมีมาตรการย่อย เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีกับผู้ผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน แม้ขณะนี้จำนวนผู้ผลิตจะน้อย แต่ก็ต้องเร่งส่งเสริม รวมถึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาการกลับมาใช้มาตรการกำหนดเวลา ในการเปิดปิดปั๊มน้ำมันอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมารัฐบาลเคยประกาศให้ปั๊มเปิดเวลา 05-.00 น.-22.00 น. ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและผลได้หรือผลเสีย หากผลศึกษาเห็นควรให้กำหนดเวลาก็เป็นเรื่องที่ต้องเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณา อีกครั้ง


       


รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมยังรับทราบความคืบหน้ามาตรการการขอยกเว้น การปฎิบัติงานในการสลับเวลาทำงานของหน่วยงานราชการเพื่อแก้ปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ผ่านความเห็นชอบ ครม. มาแล้วก่อนหน้านี้ โดยได้กำหนดมาตรการสลับเวลาการทำงานไว้ 3 ระยะเวลา เได้แก่ 1. เวลา 07.30 น.-15.30 น. 2. เวลา 09.30 น.-16.30 น. และ 3. เวลา 09.30 -17.30 น. จากเดิมที่สถานที่ราชการจะเปิดทำการเวลา 08.00 -16.00 น.


         


ทั้งนี้แผนดังกล่าวอยู่ในช่วงการขอความเห็นจากหน่วยงานราชการต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่าช่วงไหนเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่จะเป็นการให้สลับเวลาตามความสมัครใจของหน่วยราชการนั้น        


   






คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


สมเด็จวัดมกุฎฯมรณภาพสรงน้ำหลวงอาบศพวันนี้


ผู้จัดการรายวัน - วานนี้ (3 ม.ค.) สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ หรือ พระธรรมปัญญาจารย์ เจ้าอาวาสวัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบแล้ว ณ ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช รวมสิริอายุได้ปีที่ 82


    


ต่อมาเวลา 13.00 น. บรรดาศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันเคลื่อนสรีระ ของ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ จากโรงพยาบาลศิริราช มายังกุฏิ ณ วัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้แสดงความเคารพ


 


สำหรับประวัติของ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ชื่อเดิมว่า ประจวบ เนียมหอม เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2469 ที่หมู่บ้านโรงจีน ตำบลบางแพ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี จบปริญญาตรีศาสนศาสตร์บัณฑิต (ศน.บ.), ปริญญาโท (ปรัชญา) B.H.U. ประเทศอินเดีย และปริญญาเอก (ปรัชญา) B.H.U. ประเทศอินเดีย บรรพชา เมื่ออายุได้ 12 ปี เมื่อ พ.ศ. 2480 ที่วัดบางแพเหนือ ตำบลบางแพ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเสนานี (เงิน) วัดสัตตนารถปริวัตร อำเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์


 


และเมื่ออายุ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม เมื่อ พ.ศ.2489 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายีมหาเถร) ขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมปาโมกข์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมกิจจานุการี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระเทพกิตติเมธี ครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ที่พระปริยัติเมธี เป็นพระอุสาวนาจารย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระพระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ ที่พระธรรมปัญญาจารย์ ปี 2536 และได้รับแต่งตั้งเป็น สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ 5 ธันวาคม 2543 ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม กทม. นอกจากนี้ยังเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม, อธิการบดีสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย


 


นักวิชาการเตรียมชงแผนขนส่งฯเชียงใหม่ให้รัฐบาล


ผู้จัดการรายวัน - นักวิชาการชี้ถึงเวลาต้องเร่งผลักดันให้เกิดระบบขนส่งมวลชน ที่มีประสิทธิภาพในเมืองเชียงใหม่แล้ว ก่อนการจราจรเผชิญหน้าภาวะวิกฤตภายใน 4-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเมืองมีการเจริญเติบโตต่อเนื่อง เผยมีการนำเสนอแผนแม่บทรถ BRT โครงข่าย 4 เส้นทาง ครอบคลุมทั้งเมืองเชียงใหม่ มูลค่าลงทุน 8,000 ล้านบาท ให้ สนข.และ คจร.พิจารณาแล้ว แต่คงต้องรอให้รัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งหลังการเลือกตั้งเป็นผู้ชี้ชะตา ระบุช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท


 


อุณหภูมิพื้นผิวโลกปีกลาย ร้อนติดอันดับ 5 ในช่วงร้อยกว่าปี


ไทยรัฐ - องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐฯ (NOAA) พบว่า สภาพมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศเมื่อปี พ.ศ.2550 นั้นเป็นปีที่มีความอบอุ่น มากที่สุด 1 ใน 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2423 เป็นต้นมา


 



ข้อมูลเบื้องต้นขององค์การโนอาพบว่าปีที่แล้วจัดว่าเป็นปีที่มีอากาศอบอุ่นที่สุดเป็นลำดับที่ 8 นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯได้เริ่มต้นบันทึกข้อมูลไว้เมื่อปี 2438 และในส่วนอุณหภูมิพื้นผิวทั่วโลก เมื่อปีกลายคาดว่าจะติดอันดับ 5 นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูล เมื่อปี 2423



 


รายงานข้อมูลเบื้องต้นนี้แสดงว่าเมื่อปีกลายพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันตก ของสหรัฐฯมีความแห้งแล้งอย่างมาก พื้นที่กว่าสามในสี่ของภาคตะวันออกเฉียงใต้ ประสบกับภาวะแห้งแล้งตั้งแต่กลางฤดูร้อน จนถึงเดือนธันวาคม


 






ต่างประเทศ


ปากีสถานเลื่อนเลือกตั้งไปอีก 6 สัปดาห์


ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ปากีสถานเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปออกไปอีก 6 สัปดาห์ เป็นวันที่ 18 กุมภาพันธ์ หลังเกิดเหตุสังหารเบนาซีร์ บุตโต ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญ ซึ่งบรรดาพรรคฝ่ายค้านต่างยอมรับการชะลอการเลือกตั้งอย่างไม่เต็มใจนัก


 


พรรคของบุตโตและพรรคฝ่ายค้านอื่นๆประณามการเลื่อนกำหนดเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งปากีสถานระบุว่า การเลือกตั้งจะจัดขึ้นตามกำหนดเดิมในสัปดาห์หน้าไม่ได้ เนื่องจากหลังบุตโตถูกสังหาร เกิดความไม่สงบขึ้นในวงกว้าง


 


มูชาร์ราฟกล่าวระหว่างปราศรัยว่า เขามั่นใจว่า พันธมิตรของกลุ่มอัลกออิดะห์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุตโต


 


กลุ่มนักรบที่มีเอี่ยวกับอัลกออิดะห์มีส่วนรู้เห็นในการโจมตีทุกครั้งในปากีสถาน รวมถึงการโจมตีทหารตำรวจและนักการเมืองเมื่อไม่นานมานี้ด้วย มูชาร์ราฟกล่าว "ผมอยากจะบอกด้วยความมั่นใจว่า คนเหล่านี้ปลิดชีพ...เบนาซีร์ บุตโต"


 


"มูชาร์ราฟ"เชิญสกอตแลนด์ยาร์ดสอบฆ่า "บุตโต"


กรุงเทพธุรกิจ - ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟแห่งปากีสถาน กล่าววานนี้ (3 ม.ค.) ว่าเจ้าหน้าที่จากสกอตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษ จะเดินทางไปปากีสถานทันที เพื่อช่วยสืบสวนการลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโต



 


"เราตัดสินเชิญคณะทำงานจากสกอตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษ ผมขอบคุณนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ที่ตอบรับคำขอนี้ทันที ผมแน่ใจว่าการสืบสวนร่วมกับสกอตแลนด์ยาร์ด จะขจัดข้อกังขาทั้งหลายได้" มูชาร์ราฟประกาศพร้อมเสริมว่าผู้ลงมือคือผู้ก่อการร้ายกลุ่มเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังเหตุนองเลือดหลายครั้งในประเทศ


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net