เหตุจลาจลในศูนย์อพยพในสอย จ.แม่ฮ่องสอน : บางคำจากบางคนในพื้นที่ที่ไม่เคยถูกรายงาน

บุษยรัตน์ กาญจนดิษฐ์

ชื่อบทความเดิม : บางเรื่องราว บางข่าวคราวจากแม่ฮ่องสอน

 

 

 

 





 

หมายเหตุประชาไท - ตัวอย่างการรายงานข่าวเหตุการณ์ที่ศูนย์อพยพบ้านในสอย จ.แม่ฮ่องสอน ในหนังสือพิมพ์     

 

 

กะเหรี่ยงก่อจลาจลกักตัวรองผู้ว่า ฉุนอส.ยิงผู้อพยพดับคาศูนย์บ้านในสอย

 

(เว็บไซต์แนวหน้า 17 ธ.ค.50)   

 

เหตุชาวกะเหรี่ยงยะคา ในศูนย์อพยพบ้านในสอยก่อจลาจล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม นายวันชัย สุทธิวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พล.ต.ต. ชัชวาลย์ สุคนธมาน ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบศูนย์อพยพบ้านในสอย ม.4 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน หลังจากเจ้าหน้าที่อาสา ยิงนายไอ่ อู อายุ 21 ปี จนเสียชีวิตเมื่อกลางดึกวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา จนทำให้ผู้อพยพก่อจลาจล และทำลายทรัพย์สินเสียหายเป็นเป็นนวนมาก

 

จากการสอบสวน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มวัยรุ่นภายในศูนย์ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน เจ้าหน้าที่อาสาประจำศูนย์ จึงตั้งด่านตรวจ และจับกุมวัยรุ่นในศูนย์ได้ 1 คน มีดดาบ 1 เล่ม พร้อมกับทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะนำตัวไปกักขัง ต่อมากลุ่มวัยรุ่นกระจายข่าว ทำให้คนภายในศูนย์ กว่า 200 คน รวมตัวกันปิดล้อมป้อมยาม และเอาก้อนหินขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่อาสา ทำให้เจ้าหน้าที่อาสายิงปืนถูกผู้ตายจนเสียชีวิตดังกล่าว ต่อมาผู้อพยพภายในค่ายทั้งหมด ไม่พอใจบุกทำลายทรัพย์สินภายในศูนย์จนได้รับความเสียหาย และกลายเป็นเหตุบานปลายดังกล่าว ส่วนเจ้าหน้าที่อาสาทั้ง 15 คน ได้หลบหนีไปขณะเดียวกัน กลุ่มแกนนำเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับ อส.ที่ยิงผู้อพยพ พร้อมกับเข้าปิดล้อมคณะเจ้าหน้าที่และรองผู้ว่า ทำให้ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนสั่งปิดศูนย์อพยพดังกล่าว และห้ามบุคคลเข้าออกอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พยายามไกล่เกลี่ย จนกลุ่มผู้อพยพพอใจและปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ และรองผู้ว่าออกมา หลังจากมีการกักตัวนานกว่า 6 ชั่วโมง

 

----------------------

 

 

 

สั่ง "เคอร์ฟิวส์"ค่ายกะเหรี่ยงเผาธงชาติไทย

 

(เว็บไซต์สยามรัฐ  23 ธ.ค.)

         

จากกรณี "สยามรัฐ" ได้เสนอข่าวผู้อพยพกะเหรี่ยงคะยาก่อเหตุจลาจลในศูนย์อพยพบ้านในสอยหมู่ที่ 4 ต.ปางหมู่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ยกพลบุกทำลายทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่ก่อเหตุเพราะแค้นเจ้าหน้าที่ อส.ยิงนักศึกษาเสียชีวิต 1 รายเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวประจำ จ.แม่ฮ่องสอน รายงานว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.50 นายวันชัย สุทธิวรชัย รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน(ฝ่ายความมั่นคง) กล่าวภายหลังที่นำกำลังทหาร และ อส. อาวุธปืนครบมือได้เดินทางไปยังศูนย์อพยพบ้านในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าจากการสำรวจความเสียหายมีกองอำนวยการอาสาสมัครรักษาดินแดน ปางแทรกเตอร์ และปางควาย 2 หลัง บ้านพักเจ้าหน้าที่ อส.22 หลัง รถจักรยานยนต์จำนวน 31 คัน รถยนต์ปิกอัพเจ้าหน้าที่ อส.จำนวน 2 คัน เอกสารฐานข้อมูลผู้อพยพจากการสู้รบ สิ่งของทางราชการได้รับความเสียหายทั้งหมด       "สิ่งที่คนไทคาดไม่ถึงว่าผู้อพยพจะทำลายเผาธงชาติไทย และธงตราสัญญาลักษณ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ธงตราสัญญาลักษณ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศด้วย อย่างนี้ผมยอมไม่ได้ ที่เห็นหลักฐานธงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ถูกทำลายดังนั้นทาง จ.แม่ฮ่องสอนจึงประกาศให้พื้นที่ศูนย์อพยพดังกล่าวเป็นพื้นที่เคอร์ฟิวส์หลังเวลา 21.00 น.ห้ามผู้อพยพออกจากอาคารบ้านพักโดยเด็ดขาด โดยได้ขอความร่วมมือหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 จ.แม่ฮ่องสอน นำกำลังทหารเข้าไปควบคุมพื้นที่บริเวณศูนย์ฯ และให้อส.กลับเข้าที่ตั้งจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยก็จะให้กำลังทหารกลับเข้ามาประจำหน่วยและนำกำลังเจ้า หน้าที่ อส.เข้าไปควบคุมบริเวณพื้นที่ศูนย์ฯต่อไป"รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวและว่าในส่วนของผู้อพยพจากการสู้รบที่ก่อเหตุการจลาจลทางจังหวัดจะประสานกับผู้นำของผู้อพยพเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายไทย

 

 

 

000000

 

 

 

22 ธันวาคม 2550 ฉันและเพื่อนชีวิตเพิ่งเดินทางมาถึงแม่ฮ่องสอน ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ความเหนื่อยอ่อนจากการไม่ได้หลับอย่างเต็มตื่นและการอยู่ท่ามกลางแดดร้อนหน้าสภามาหลายวัน ทำให้ฉันอยากจะล้มตัวนอนอย่างเต็มอิ่มเสียที แต่นั่นเอง ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาที่นี่ไม่กี่วัน ปลายทางจากแม่ฮ่องสอนส่งผ่านมาอย่างไม่สบายใจว่า "ทำอย่างไรดีมีเพื่อนผู้ลี้ภัยถูกยิงในแคมป์ที่ในสอย ช่วยทำอะไรหน่อยซิ สถานการณ์ไม่ดีเลย"

 

วันนั้นยังจำได้แม่น ฉันนั่งอยู่ในออฟฟิซ FOP (กลุ่มเพื่อนประชาชน)  และแอบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของที่นั่นส่งข้อมูลอย่างเร่งด่วนออกไป ความเร่งด่วนของข้อมูลที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันไม่รู้หรอกว่าข้อมูลบางอย่างมันพลาด [1] จากภาษากะเรนนีเป็นภาษาพม่า จากภาษาพม่าเป็นภาษาอังกฤษ การสื่อสารข้ามภาษาบางครั้งมันก็ยากเหลือเกิน ฉันขอโทษ....และนี้เองทำให้ฉันยังหลับไม่ได้ ภารกิจเบื้องหน้ายังยาวไกลยิ่งนัก

 

 

บางเสียงจากบางคนในพื้นที่

 

 

พี่ "คนที่ 1"

ช่างภาพฝีมือดีของแม่ฮ่องสอน

 

"พี่ไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์จริงเป็นอย่างไร ทั้งๆที่อยู่ที่นี่ก็ตาม ปัญหาสำคัญของเรื่องนี้ คือ มันเหมือนจิ๊กซอร์ IRC ทำงานอย่างหนึ่ง COEER ทำงานอย่างหนึ่ง UNHCR อีกอย่างหนึ่ง ปลัดหรือ อส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐก็อีกอย่างหนึ่ง มันพูดยาก พอเกิดเรื่องขึ้นมา ก็ไม่มีใครอยากพูดอะไร เพราะทุกๆ คนก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร พูดออกไปก็เข้าตัวเองกันทั้งนั้น"

 

 

ลุง "คนที่ 2"

นักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง

 

 "อยากรู้เรื่องพวกในแคมป์ให้ถามผมได้"

 

"โอ๊ย! เรื่องนี้มันต้องโทษ อส. เรื่องมันไม่ได้พึ่งเกิดวันนี้ มันเกิดมานานแล้ว มันเป็นปัญหาทับถมมานาน อส.ก็ชอบทำร้ายผู้ลี้ภัย อะไรนิดอะไรหน่อยมันก็ขู่กันตลอด ด่ากันตลอด ผู้ลี้ภัยมันก็กลัวจนหัวหดแล้ว มันก็กดดันซิ พอมีเรื่องอย่างนี้ มันถึงไม่ยอมไง มันออกมาข้างนอก อส.ก็รู้ ร้านค้าในแคมป์ อส.มันก็เป็นคนตั้ง มอเตอร์ไซด์ อส.ก็รู้ คนที่นี่ก็รู้(หมายถึงคนในเมืองแม่ฮ่องสอน-ผู้เขียน) มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ จะให้ลุงพูดไหมล่ะว่าบ้านไหนใช้พวกผู้ลี้ภัยมาทำงานบ้าง เช้าออก เย็นเข้า มันปากว่าตาขยิบกัน พอเกิดเรื่องมันถึงไม่อยากพูดกันไง ถามว่าผู้ลี้ภัยผิดไหม มันก็ผิดที่ไปทำลายข้าวของ ไปทุบรถเขา แต่ถามว่า อส.มันทำถูกไหม ก็ไม่ถูก เพราะไปรังแกเขาหลายอย่าง ไปดักสาว ไปจีบสาวในแคมป์ ไปแย่งแฟนเขา ไปยึดมอเตอร์ไซด์เขามา มันถึงลุกฮือกันไง"

 

 

แม่ "คนที่ 3"

อดีตข้าราชการครูและเคยอาศัยแรงงานข้ามชาติช่วยทำความสะอาดบ้าน

 

"แม่คิดว่าผู้ลี้ภัยไม่ใช่คนไม่ดีนะ เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น คนแม่ฮ่องสอนนี่เข้าใจว่าผู้ลี้ภัยเป็นยังไงนะ ก็เห็นเขาขี่มอเตอร์ไซด์กันก็ปกติ ไม่มีอะไร อาจขี่เร็วบ้าง ก็ตามประสาวัยรุ่น ที่เกิดเรื่องก็รู้ แต่ไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตอย่างนี้ เพราะ อส.ทำร้ายผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยกระทบกระทั่งกับ อส.มันก็เกิดบ่อย คนมันอยู่เฉยนานๆ มันก็เครียดนะ จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ มันไม่เหมือนกะเหรี่ยงคอยาวที่มีคนไปดูทุกวัน มันได้คุยกับคนอื่นบ้าง แต่พวกเขาได้คุยกับใครล่ะ นอกจากคุยกับ อส.กับยูเอ็น มันก็เครียดล่ะนะ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อส.ถึงไปยิงเด็ก แต่แม่ว่า อส.ดีๆก็มีหลายคน คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องหรอก แต่สุดท้ายมันคนของเรานี่แหล่ะ ถ้าเราทำดี ผู้ลี้ภัยเขาคงไม่กล้าทำอะไรเราหรอก แต่ถ้าเราไปทำกับเขาไม่ดี เขาก็ทำไม่ดีกับเราเหมือนกัน"

 

อา "คนที่ 4"

อดีตข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข

 

"อือ เรื่องเผาธงชาติ เรื่องฉีกธงชาติ ไม่ได้ยินนะ ให้คนไปสืบก็ไม่ได้ข่าวนะ ไม่รู้หนังสือพิมพ์ไปลงได้ยังไงที่ว่ามีการเผาธงชาติ ธงตราสัญญลักษณ์ ฉีกธงจากยอดเสา ไม่มีนะ มีแต่ว่าธงมันตกอยู่ที่พื้น ตอนที่พวกในแคมป์ประท้วงกันมากกว่า โอเคมันคงถูกเหยียบ แต่ก็คงไม่มีใครตั้งใจหรอก คนมันเยอะใช่ไหมล่ะยืนยันไม่มีการเผาแน่นอน และคนในแคมป์ก็รักในหลวง รักราชินี เขารู้ว่าหนีร้อนมาพึ่งเย็น เขาไม่กล้าทำหรอก และถ้ามีการเผาจริงๆ ทำไมมันถึงพึ่งมีข่าวล่ะ ทำไมข่าวมันไม่ออกมาตั้งแต่วันแรก มันน่าแปลกใช่ไหม"

 

           

พี่ "คนที่ 5"

ชายหนุ่มผมยาว ผู้คลุกคลีกับเรื่องราวท้องถิ่นมายาวนาน

 

"พูดถึงเรื่องผู้ลี้ภัย ต่างคนต่างมีคนละมุม ที่นั่นมันเป็นพื้นที่ปิด ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าไปได้ ฉะนั้นพอเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงเป็นอย่างไร เพราะทุกคนก็อยู่คนละฐานะ คนละมุม แม้ว่าใครอยากจะพูดอะไรมันก็พูดไม่ได้ ตราบใดก็ตามที่แคมป์ยังเป็นพื้นที่ปิดสำหรับคนนอก อย่าหวังว่าเรื่องในแคมป์คนนอกอย่างเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้ มันเป็นความมั่นคง เข้าใจไหมน้อง ถึงรู้ก็พูดไม่ได้ เพราะพูดความจริงไป ก็อดเข้าแคมป์ล่ะซิ ใครจะกล้า"

 

 

น้อง "คนที่ 6"

อาสาสมัครขององค์กรแห่งหนึ่ง

 

            "มันน่าเศร้านะพี่ ข่าวที่เล่าให้ผมฟัง ผมเช็คกับคนในแคมป์แล้วไม่มีการเผาธงชาติแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าธงมันอยู่ที่พื้นได้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำหรอก ยิ่งทำอย่างนี้ เรายิ่งแย่กว่าเดิม ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนเรากับเขาก็อยู่ร่วมกันดี แต่มาวันหนึ่งมันมีคำสั่งออกมาจากบางคนว่าให้จัดการพวกเราให้เด็ดขาด ความสัมพันธ์มันก็เปลี่ยนไป มันคุยกันไม่ได้ พี่รู้จักเขาไม่ใช่เหรอ พี่ลองคุยกับเขาดูซิว่าทำไมเขาเปลี่ยนไป"

 

 

 

 

คำบอกเล่าจากคนทั้งหก ไม่ได้สร้างความกระจ่างในเรื่องราวให้ฉันมากขึ้นแม้แต่น้อย ความจริงกับการอยากให้ความจริงเป็นอย่างไร มันอยู่ระหว่างเส้นแบ่งที่พร่าเลือนเหลือเกิน แต่นั่นเองเสียงจากคนทั้งหกหวนให้ฉันนึกถึงบางเรื่องราวในหนังสือบางเล่มที่พึ่งอ่านจบ "บ้านตระกูลลิ้ม" ของมาร์เจอรี วูลฟ์ ที่แปลโดยยศ สันตสมบัติ เราคาดหวังให้ "คนนอก" เห็นอะไร เราก็ทำให้เขาเห็นเช่นนั้น คำพูดของลิ้มเจียงกัว ของลิ้มอาปู ของลิ้มชุยเอียง เราควรจะฟังใคร? และอะไรคือความจริงในเรื่องนั้น? เรื่องออกจากเสียงของใคร ตำแหน่งแห่งที่ใด เรื่องก็เป็นไปอย่างนั้น

 

 

 

 

-------------------------------------------------

[1] เดิมข้อมูลที่ส่งออกไปว่าผู้ลี้ภัยได้เผาป้อมและร้านค้า แต่แท้จริงแล้วแค่ทำลายเท่านั้น ไม่มีการเผาแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

เหตุเกิดที่ "ในสอย" : อีกมุมหนึ่งของเหตุการณ์จลาจลที่ค่ายผู้ลี้ภัยกะเรนนี แม่ฮ่องสอน โดย ทิวา พรหมสุภา http://www.prachatai.com/05web/th/home/10672

วิถีชนเผ่าจากรัฐคะเรนนีในค่ายผู้ลี้ภัย โดยธันวา สิริเมธี   http://www.salweennews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=125&Itemid=63

 

 

เอื้อเฟื้อรูปภาพโดย สำนักข่าว Kwekalu และ Sann Aung

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท