Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 15 ม.ค.51พ.อ.ประชาสัณห์ ชนะสงคราม ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ถึงเรื่องการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนพิเศษ 2 ขั้น นอกเหนือจากโควต้าปกติสำหรับกำลังพล เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตามข้อเสนอของคมช. ที่เสนอครม. ตามหลักการที่ขอให้ครม.พิจารณากำหนดโควต้าเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี 2551 เป็นกรณีพิเศษ 2 ขั้น นอกเหนือโควต้าปกติในอัตรา ร้อยละ 15 ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในคมช. จำนวน 442 นาย ในรอบการประเมิน 6 เดือน ตั้งแต่ เดือนตุลาคม2550 - มีนาคม 2551


 


พ.อ.ประชาสัณห์ กล่าวว่า ข้อสังเกตของครม. ให้ใช้งบประมาณ ปี 2551 ของต้นสังกัดก่อน หากไม่เพียงพอให้ประสานสำนักงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายส่วนที่เกินต่อไป เพื่อไม่เกิดความคลาดเคลื่อนตามปกติของการตั้งหน่วยงานพิเศษ


 


ซึ่งคมช. ถือเป็นหน่วยงานพิเศษซึ่งไม่เคยมีอยู่ในระบบราชการ จึงมีการขอยืมตัวข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ทุกเหล่าทัพ รวมถึงข้าราชการฝ่ายพลเรือนมีปริมาณหมุนเวียนทุกๆ 6 เดือน เมื่อมาทำงานให้คมช.การพิจารณาความดีความชอบหรือบำเหน็จจึงถูกโอนให้อยู่ในการพิจารณาของคมช. ซึ่งมีกำหนดไม่ต่ำกว่า 4 เดือนขึ้นไป ก็จะได้รับการพิจารณาจากหน่วยงานนั้น


พ.อ.ประชาสัณห์ กล่าวอีกว่า การปูบำเหน็จ 2 ชั้นไม่ได้ให้ทั้ง 442 นาย แต่เป็นการให้ในอัตราร้อยละ 15 เหมือนกรอบการพิจารณาของราชการทั่วไป เนื่องจากการให้บำเหน็จครั้งนี้ พิจารณาประกอบกับการเสร็จสิ้นภารกิจหมดวาระเช่นเดียวกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งกรอบเวลาในการพิจารณาความดีความชอบเกิน 4 เดือน จึงพิจารณาเรื่องความดีความชอบตามที่คมช. เสนอได้ จึงเรียนมาให้ทราบเพื่อความเข้าใจกันทุกฝ่าย



ด้านหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายงานอ้างถึงเว็บไซต์ไฮทักษิณ ดอทเน็ต ที่นำเสนอข่าว สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (สลธ.คมช.) เสนอขอเลื่อนขั้นเงินเดือนให้ตัวเอง โดย สลธ.คมช. รายงานว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 298 ได้กำหนดให้ คมช. ปฏิบัติงานจนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งคาดว่าจะต้องปฏิบัติงานถึงเดือน ก.พ. 51 มีผลให้ข้าราชการที่ปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 มีระยะเวลาการปฏิบัติงานเกินกว่า 4 เดือนในรอบการประเมิน 6 เดือน (ต.ค. 50-มี.ค. 51) จึงมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี 51 ครึ่งปีแรก


 


ทั้งนี้ มีอัตรากำลังพลจากส่วนราชการต่างๆ ที่มาปฏิบัติหน้าที่ใน สลธ.คมช. รวมทั้งสิ้น 442 นาย ประกอบด้วยสมาชิก คมช. จำนวน 6 นาย (ไม่รวมเลขาธิการ คมช.) สลธ.คมช. จำนวน 81 นาย และศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช. จำนวน 355 นาย


 


สลธ.คมช. ยังระบุด้วยว่า จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมากำลังพลทุกนายได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันอดทน มีจิตใจมุ่งมั่นในการทำงาน ซึ่งกำลังพลทุกนายต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน และใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด รวมทั้งจัดกำลังพลปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในวันหยุดราชการเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีคุณธรรมซึ่งมาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ คมช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อเป็นการตอบแทนผลการปฏิบัติงานและเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการที่มาปฏิบัติหน้าที่ใน คมช. จึงเห็นควรเสนอ ครม. พิจารณาตามที่ สลธ.คมช. เสนอ


 


อย่างไรก็ตาม ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ต่างเห็นด้วยในหลักการ เพราะเห็นว่าเป็นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 184/2549 ลง วันที่ 1 ต.ค. 49 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใน คมช. แต่เห็นควรให้นับจำนวนข้าราชการสำหรับการคำนวณโควตาพิเศษ 2 ขั้น แยกออกจากส่วนราชการต้นสังกัดของข้าราชการที่มาปฏิบัติหน้าที่ใน คมช. ด้วย สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วนราชการต้นสังกัดก่อน แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ส่วนราชการต้นสังกัดขอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลางเพื่อเบิกจ่ายจากงบกลางของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551


 


ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวยอมรับว่า ทางสำนักงานเลขาธิการ คมช.ได้เสนอขอเพิ่มเงินบำเหน็จประจำปี ให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่มาปฏิบัติภารกิจใน คมช. จริง เนื่องจาก ทางต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติภารกิจไม่ได้เป็นผู้เสนอ ซึ่งก็เหมือนกับปีที่ผ่านมา ตรงนี้อยู่ที่จิตใจคนมอง บ้างก็มองเป็นเรื่องผิดปกติ และพูดกันไป แต่ความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเรื่องปกติ เพราะถ้า สลธ.คมช. ไม่เสนอ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ ก็จะไม่ได้เงินเดือนเพิ่ม ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็ทำงาน อีกทั้งยังปฏิบัติหน้าที่พิเศษอีกด้วย


 


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการขอเพิ่มพิเศษแต่อย่างใด เพียงเสนอไปตามความเหมาะสม เรื่องนี้ การที่เว็บไซต์ไฮทักษิณ นำเสนอข่าวออกไปในทางที่ไม่เป็นผลดีต่อคมช.นั้น คงไม่มีการตอบโต้อะไร แต่เราจะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว คงต้องย้อนกลับไปดูเป้าหมายการนำเสนอของเว็บไซต์ดังกล่าว ว่าคิดอย่างไร


 


พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม และหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กล่าวว่ากรณีนี้เหมือนปีที่แล้ว ที่มีการปล่อยข่าวว่าคมช. ขอขึ้นเดือน หรือรับเงินเดือน 2 ขั้น ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องการเสนอขอบำเหน็จประจำปีให้กับกำลังพล ที่คมช.ขอตัวจากหน่วยต้น สังกัดต่างๆ มาช่วยทำงานให้กับสำนักงานเลขาธิการ คมช. เพราะหน่วยต้นสังกัดไม่สามารถขอบำเหน็จให้กับกำลังพลเองได้


 


"ครึ่งปี และปลายปี หน่วยงานต่างๆ จะต้องมีการเตรียมการเพื่อขอบำเหน็จประจำปี ทางสำนักงานเลขาธิการ คมช.จึงทำตามระเบียบ คือทำเรื่องเสนอต่อ ครม.เป็นกรณีพิเศษให้กับกำลังพลที่มาช่วยราชการทำงานให้กับ คมช. ซึ่งไปตามโควตาปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นนายทหารชั้นผู้น้อย เนื่องจากเงินเดือนของสมาชิก คมช.ทั้ง 7 คน เต็มหมดแล้ว ส่วนที่ขอเป็นกรณีพิเศษเพราะคมช. เป็นหน่วยงานพิเศษที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติจึงต้องทำเรื่องเสนอเพื่อขออนุมติจากมติ ครม." พล.อ.สมเจตน์ กล่าว


 


พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า พวกที่นำข่าวนี้มาปล่อยความจริงเขารู้เรื่องนี้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ความจริง คมช. สามารถขอรับเงินทวีคูณได้ เพราะเราทำงานพิเศษโดยไม่ได้หยุด และเป็นสิทธิ์ของเราที่สามารถทำได้ แต่เราไม่ทำ เพราะเราคิดว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ ซึ่งครั้งนี้เป็นการขอครั้งสุดท้ายของ คมช. เพราะคมช.ใกล้จบภารกิจแล้ว


 


 


 


ที่มา: เว็บไซต์สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net