Skip to main content
sharethis

 






ในประเทศ


 


สตง.ชี้ยูเครนโก่งราคารถถังกังขาคุ้ม 4 พันล.
ผู้จัดการรายวัน : ความคืบหน้ากรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดหายานเกราะล้อยางของกองทัพบก วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท ล่าสุด สตง.ได้ตรวจสอบพบข้อพิรุธในการจัดซื้อจัดหายุทธโธปกรณ์ดังกล่าว ในประเด็นข้อเสนอด้านราคา ซึ่งราคาที่บริษัทเอ็น จี วี เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ผู้ได้รับคัดเลือกแบบจากกองทัพบก เสนอราคาในขั้นตอนการคัดเลือกประมาณคันละ 800,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่ภายหลังกองทัพบกชี้แจงว่า สถานฑูตยูเครน ยืนยันราคาต่อคันที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาในขั้นตอนการคัดเลือกครั้งแรก โดยจำแนกตามประเภทรถ ดังนี้


 


1) Carrier BTR -3 E 1 ราคา 948,000 เหรียญสหรัฐฯ 2) Commander BTR - 3 E 1 ราคา 970,000 เหรียญสหรัฐฯ 3) Medical BTR -3 E 1 ราคา 810,000 เหรียญสหรัฐฯ 4) 81 mm. Motar BTR - 3 E 1 ราคา 970,000 เหรียญสหรัฐฯ 5) 120 mm. Motar BTR - 3 E 1 ราคา 1,140,000 เหรียญสหรัฐฯ 6) ATMS BTR -3 E 1 ราคา 1,380,000 เหรียญสหรัฐฯ 7) Recovery BTR -3 E 1 ราคา 910,000 เหรียญสหรัฐฯ


 


สตง. ชี้ว่า รายละเอียดของราคาต่อคันข้างต้นทุกประเภท สูงกว่าที่เสนอในขั้นตอนการคัดเลือกครั้งแรก ซึ่งเป็นข้อสังเกตว่า ราคาที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกแบบครั้งแรกไม่ใช่ราคาที่จะมีการตกลงซื้อขายกันจริง โดยอาจเกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลด้านราคาที่แตกต่างกันระหว่างราคาของวันที่ให้ข้อมูลราคาปัจจุบันและราคาในวันลงนามในสัญญาหรือข้อตกลงของบริษัทเอ็น จี วี เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด และอาจเข้าข่ายความคิดตามพระราชบัญญัติความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542


 


นอกจากนั้น ยังมีข้อสังเกตอื่นกรณีเคยมีการทดลองการใช้งานยานเกราะล้อยางในประเทศไทยหรือไม่ กองทัพบก ชี้แจงว่า ไม่เคยมีการทดสอบการใช้งานยานเกราะล้อยางของสาธารณรัฐยูเครนในประเทศไทย แต่ได้ส่งคณะเดินทางไปดูงานโรงงานผู้ผลิต เพื่อเยี่ยมชมสายการผลิต ณ สาธารณรัฐยูเครน ซึ่งในกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่า สภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศของประเทศยูเครนมีความแตกต่างจากประเทศไทยเป็นอย่างมาก ในกรณีที่ยังไม่เคยมีการทดสอบการใช้งานจริงในประเทศไทย จึงเป็นห่วงต่อการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากอย่างสมประโยชน์และต่อการใช้จ่ายเงินเพื่อให้ได้อาวุธยุทธโธปกรณ์ที่เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสามารถปกป้อง คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต


 


สำหรับการดำเนินการตรวจสอบของ สตง. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงของกองทัพบกที่มีบางประเด็นยังไม่กระจ่างชัด ขณะที่กองทัพบกยืนยันว่าทุกๆ ขั้นตอนดำเนินการด้วยความเป็นธรรมโปร่งใส


 


 


รง.ยาสูบแอ่นรับภาระภาษีฯคงราคากรองทิพย์-สายฝน


ผู้จัดการรายวัน : หลังจากหลังพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการยาสูบต้องมีภาระเสียภาษี เพื่อนำไปเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ที่จัดตั้งขึ้นมาตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ในอัตรา 1.5 % ของภาษีที่เก็บจากภาษีที่เก็บจากยาสูบอยู่นั้น นางประภัสสร พงษ์พันธุ์พิศาล โฆษกโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า โรงงานยาสูบซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่ยี่ห้อ กรองทิพย์ สายฝน วันเดอร์ฯลฯ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมต่างแล้ว เห็นควรว่าโรงงานจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.5% เอง โดยจะคงราคาขายส่งและขายปลีกบุหรี่ทุกยี่ห้อที่มีโรงงานยาสูบผลิตไว้ที่ราคาเดิม


 


นางประภัสสรกล่าวว่า ราคาขายปลีกบุหรี่เพิ่งจะมีการปรับเพิ่มมาไม่นาน ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อยอดขายของโรงงานพอสมควร ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หากโรงงานยาสูบจะปรับราคาขึ้นอีกคงจะไม่เป็นการเหมาะสม ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายรับบาลในการจัดตั้งทีวีสาธารณะทางโรงงานก็พร้อมที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้เอง


 


สำหรับเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายในปี 2551 ในปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 28,000 ล้านมวน หรือ 1,400 ล้านซอง โดยเดิมตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 5,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากการที่โรงงานยาสูบต้องรับภาระเพิ่มขึ้นอีกซองละ 0.30 บาท จะทำให้โรงงานมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 420 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรลดลงด้วยเช่นกัน


 


 


"อ๋อย" หนุน "หมัก" นายกฯ เตือนพลังแม้วอย่าตกเป็นเบี้ยล่างคมช.


ผู้จัดการรายวัน : นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวถึงกรณีที่ กกต. ระบุว่า อาจจะมีการรับรองส.ส.ไปก่อนให้ได้ 95 % เพื่อให้เปิดสภาได้ หากใครทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็สอบทีหลัง ว่า ความคิดนี้ตนไม่เห็นด้วย เพราะจะมีผลได้เปรียบเสียเปรียบในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้น กกต.ควรจะรับรองว่าที่ส.ส.ให้ครบทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ และหากไม่รับรองว่าที่ ส.ส.อีก 5 เปอร์เซ็นต์ ก็อาจคิดได้ว่า กกต. มีเจตนาที่จะให้คุณให้โทษก็เป็นได้ เพราะว่าที่ ส.ส.ที่ยังถูกแขวนอยู่ส่วนใหญ่เป็นคนของพรรคพลังประชาชน


 


นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงการตั้งรัฐบาล ซึ่งมีแกนนำคมช. ออกมาแสดงความเห็นถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือนัยยะของเรื่องก็คือ ไม่ต้องการให้ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกฯ จึงมีการปล่อยข่าวหลายกระแสว่า นายกฯ คนใหม่จะเป็นคนอื่น ซึ่งตนคิดว่าตามหลักการนั้น พรรคพลังประชาชนไม่ควรเปลี่ยนแปลงหรือตั้งคนอื่นเป็นนายกฯ เพราะพรรคทำสัญญาประชาคมกับประชาชนไปแล้ว ในช่วงหาเสียง ฉะนั้นต้องทำตามสัญญา แต่เมื่อพรรคได้เสียงข้างมากแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง มันจะทำให้พรรค และรัฐบาลได้รับความเสียหายด้านความเชื่อมั่น


 


"ขอฝากไปว่า พรรคพลังประชาชนไม่ควรเจรจาต่อรองใดๆ กับคมช. หรือเปลี่ยนตัวว่าที่คณะรัฐมนตรี เพราะหากยอม คมช. จะเท่ากับว่ายอมให้ผู้มีอำนาจทางทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันจะไม่สง่างามกับการเลือกตั้งที่มาจากระบอบประชาธิปไตย มันไม่มีเหตุผลที่จะให้กองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองในช่วงนี้อีก เพราะประชาชนที่ สนับสนุนพรรคพลังประชาชนเลือกพรรคนี้เข้ามาเพราะพรรคมีแนวทางต้านรัฐประหาร"


 


 


ยกฟ้อง "อลงกรณ์" หมิ่น "สมัคร" ศาลระบุทำหน้าที่ตรวจสอบ
ผู้จัดการรายวัน : ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งคำฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 27 เม.ย.49 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.49 จำเลยได้หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำนองว่า จำเลยได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ ยานพาหนะและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย (รถดับเพลิง) 15 รายการ มูลค่า 6,687,489,000 บาท ของกรุงเทพมหานคร


 


ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่สองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยในฐานะนักการเมือง สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบพรรค ข้อ 1.3 และ1.6 ที่กำหนดไว้ว่าสมาชิกพรรคมีหน้าที่ป้องกันขจัดการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง และขจัดความไม่เป็นธรรมในหน่วยงานราชการ นอกจากนี้จำเลย ยังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริต จึงยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ซึ่งตรงกับผลการตรวจสอบของ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งนายสัก กอแสงเรือง กรรมการ และโฆษก คตส. ก็ได้แถลงต่อสื่อมวลชน สรุปว่า การจัดซื้อยานพาหนะดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ซึ่งดำเนินการโดยบุคคลหลายฝ่าย ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการลงนาม รวมทั้งข้อตกลงซื้อขายมีมูล น่าเชื่อว่าเป็นการกระทำร่วมกันที่ส่อไปในทางทุจริต เป็นเหตุให้มีการจัดซื้อในราคาที่สูงเกินความจริง จึงสนับสนุนให้เห็นว่า เอกสารที่จำเลยรวบรวมมา มีเค้ามูลที่ทำให้จำเลยเข้าใจ และเชื่อไปตามที่รับทราบมา กรณีมิใช่เป็นการปั้นแต่งเรื่องใส่ร้ายโจทก์ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นในการปฏิบัติงานของโจทก์ ซึ่งจำเลยย่อมมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยเค้ามูลดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนที่ย่อมกระทำได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษา ยกฟ้อง


 


 


ตั้ง ป.ป.ท.สอบทุจริตขรก.ระดับ 8ลงไป


โพสต์ทูเดย์ : นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม  เปิดเผยว่า ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.มาตรการฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ พ.ศ...และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่..) พ.ศ...และอยู่ระหว่างการประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ขณะนี้กระทรวงยุติธรรม จึงจัดเตรียมโครงการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)  เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา  และให้สำนักงานพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) อนุมัติกรอบอัตรากำลังประมาณ 2,000 อัตรา ในส่วนของงบประมาณปีแรก กระทรวงยุติธรรมจะเสนอตั้งงบประมาณไว้ 700 ล้านบาท



 


นายจรัญ กล่าวอีกว่า สำหรับแบบโครงสร้าง ป.ป.ท. จะใช้โครงสร้างคล้ายกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งจะมีเลขาธิการ ป.ป.ท. เป็นข้าราชการะดับ 10  ส่วนตำแหน่งประธาน ป.ป.ท.นั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะนำรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติคัดเลือก  ในส่วนของขั้นตอนการทำงานของ ป.ป.ท. จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) โดยรับเรื่องเข้าสู่ระบบการตรวจสอบและรายงานผลจากส่วนภูมิภาคเข้ามายังส่วนกลาง หรือตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นไต่สวน



 


ทั้งนี้ ป.ป.ท.จะเป็นหน่วยงานขึ้นตรงต่อกระทรวงยุติธรรม  ทำหน้าที่ตรวจสอบกรณีการทุจริตข้าราชการตั้งแต่ระดับ 8 ลงมา หากการทุจริตเรื่องใดมีส่วนเกี่ยวพันกับข้าราชการระดับสูง  จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.รับไปดำเนินการได้ทันที


 


 


"อภิชาต" ยัน กกต.พิจารณาเนื้อหาในซีดี  ไม่ได้เป็นคนตัดต่อ


เว็บไซต์แนวหน้า : นายอภิชาต สุขัคคานนท์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ สมาชิกพรรคชาติไทย อดีตผุ้สมัครส.ส.เขต 1 เชียงราย ได่ถอนคำร้องคัดค้านนายยงยุทธว่า ทราบว่ามีหนังสือเข้ามาแล้วแต่ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้กกต.ก็ต้องมีการประชุมพิจารณาถึงเหตุผลในการขอถอนคำฟ้อง ทั้งนี้ ในกฎหมายได้ให้อำนาจ กกต.อย่างกว้างขวาง ดังนั้น กกต.จะต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณาในรายละเอียดในการถอยคำฟ้อง



 


นายอภิชาต ยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธได้นำช่างเทคนิคเข้ามาดูวีซีดีว่า ที่ประชุมได้อนุญาตให้ดูนายยงยุทธดูวิซีดีทั้ง 8 แผ่น  เนื่องจากบอกว่ายังไม่เคยดู เมื่อถามว่า นายยงยุทธนำช่างเทคนิกมาดูแล้วระบุว่า มีการตัดต่อภาพ  นายอภิชาต กล่าวว่า ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ กกต.ได้มอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการไปพิจารณา


 


"ยืนยันกกต.ไม่ได้เป็นคนตัดต่อ และกกต.ก็ไม่ได้ทำวีซีดีนี้ เพราะมาจากสันติบาล ทั้งนี้ กกต.มีหน้าที่ในการพิจารณาในเนื้อหา ไม่ใช่หน้าที่ของกกต.จะต้องไปดูในเรื่องของเทคนิคว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ถ้าเขาบอกว่ามีการตัดต่อก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการ เพราะเรื่องการตัดต่อไม่ใช่เรื่องของผม" นายอภิชาต กล่าว



 


กกต.เผยก่อนวันสุดท้ายมี 283 องค์กรเสนอรายชื่อ ส.ว.สรรหา
เว็บไซต์แนวหน้า : นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ถึงความคืบหน้าของการเสนอรายชื่อ ส.ว. ซึ่งล่าสุดมีองค์กรที่ร่วมเสนอ 283 องค์กร จำแนกเป็นองค์กรเอกชน 154 องค์กร องค์กรวิชาการ 37 องค์กร องค์กรภาครัฐ 23 องค์กร องค์กรวิชาชีพ 62 องค์กร และภาคอื่นๆ 130 องค์กร ซึ่งที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 5 ชุดเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติขององค์กรที่เสนอชื่อและจะมีคณะอนุกรรมการประสานงานขึ้นมาอีก1 ชุด  ซึ่งหลังวันที่ 17 จะเสนอรายชื่อเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในวันที่ 21 ม.ค.  เพื่อให้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาต่อไป ซึ่งคณะกรรมการสรรหาจะมีเวลาพิจารณา 30 วันนับแต่วันที่ได้เสนอชื่อและจากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะส่งคัดเลือกผู้ที่ได้รับการสรรหาทั้ง 74 คนภายในวันที่ 19 ก.พ.



 


"อภิรักษ์"โล่งพ้นผิดเปิดแอลซีอนุรถดับเพลิงชี้เอกฉันท์จำเป็น
เว็บไซต์คมชัดลึก : รายงานข่าวจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อเรือ-รถดับเพลิงของกทม. เมื่อวันที่15 มกราคมที่ผ่านมา ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนที่ประชุมพิจารณาในส่วนของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  โดยเฉพาะหลักฐานการเปิดแอลซี ว่านายอภิรักษ์ มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง และมีความผิดด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวน ได้พิจารณาเอกสารหลักฐานทั้งหมด และได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 เสียงต่อ0 เสียงเห็นว่านายอภิรักษ์ไม่มีความผิด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี จึงเห็นสมควรไม่ชี้มูลความผิด เนื่องจากการเปิดแอลซีของนายอภิรักษ์ อยู่ในสภาวะจำเป็น โดยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาล


 


รายงานข่าวแจ้งว่าในวันที่ 17 มกราคมคณะอนุกรรมการไต่สวน จะพิจารณาในส่วนของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาการค้าแบบเคาน์เตอร์เทรด โดยเป็นผู้เสนอสินค้าไก่ต้มสุกของบริษัทในเครือซีพีเจริญโภคภัณฑ์ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คาดว่าใช้เวลาพิจารณาไม่นาน



 


พผ.มีมติร่วมรัฐบาล
เว็บไซต์แนวหน้า
: นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะเข้าร่วมรัฐบาล และให้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคไปหารือร่วมกับพรรคชาติไทยก่อนที่จะมีการแถลงร่วมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ต่อข้อถามว่าพร้อมสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่  นายสุวิทย์ ตอบว่า เรื่องนี้คงต้องมีการหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล  นอกจากนั้นยังมีมติที่จะขอดูแลแก้ไขปัญหาภาคใต้เนื่องจากพรรคเพื่อแผ่นดินมี ส.ส.ในพื้นที่ถึง 4 คน



 


รายงานจากแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินเปิดเผยว่า การประชุมแกนนำพรรคในครั้งนี้ บรรดาแกนนำพรรคมีมติเอกฉันท์ ที่จะเข้าร่วมรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามมีสมาชิกพรรคจำนวน 2 คน ได้แก่ นายสันติ สาทิพย์พงศ์ รองเลขาธิการพรรค และที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และ นายกริช กงเพชร  รองหัวหน้าพรรค ได้มีข้อโต้แย้งและเป็นกังวลในการเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการเป็นนอมินีของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลัวประชาชน ที่อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับการยุบพรรคได้ ซึ่งสิ่งทีตามมาอาจจะทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ



 






ต่างประเทศ


 


ญี่ปุ่นทุ่มงบช่วยชาติลุ่มน้ำโขง หวังต้านอิทธิพลจีน/โสมขาว
ผู้จัดการรายวัน : ญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอมูลค่าอย่างต่ำ 20 ล้านดอลลาร์ กระตุ้นการลงทุนและช่วยเหลือประเทศแถบลุ่มน้ำโขงรวมถึงไทยและพม่า หวังต้านทานอิทธิพลของจีนและเกาหลีใต้ในภูมิภาคนี้ที่นับวันจะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังย้ำเตือนอย่างนุ่มนวลให้แต่ละชาติเคารพประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน


 


ญี่ปุ่นจัดการหารือร่วมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ กับชาติแถบลุ่มน้ำโขง เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้(16) โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศจากกัมพูชา ลาว ไทย เวียดนาม และพม่า เข้าร่วม


 


นายกรัฐมนตรียาสึโอะ ฟุคุดะ แห่งญี่ปุ่น แถลงต่อรัฐมนตรีต่างประเทศแถบลุ่มน้ำโขงว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญอย่างมากต่อภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และจะพยายามยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อทำให้แนวโน้มการเติบโตที่ซ่อนเร้นในภูมิภาคนี้ กลายเป็นความจริงขึ้นมา


 


เมื่อคืนวานนี้ บรรดารัฐมนตรีลงนามในข้อตกลงหลายฉบับ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงฉบับหนึ่ง มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ มีเป้าหมายมุ่งสนับสนุนการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในดินแดนส่วนที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง


เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ข้อตกลงความช่วยเหลือเหล่านี้ครอบคลุมถึงการให้เงินทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นทางหลวงหลายสายที่เชื่อมต่อกันตลอดทั่วทั้งภูมิภาค


 


ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะราบรื่นนักกับจีนและเกาหลีใต้ สืบเนื่องจากการรุกราน 2 ประเทศนี้ในอดีตนั้น มองว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคสำคัญ และพยายามรักษาอิทธิพลในภูมิภาคนี้ด้วยการทุ่มเงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาและเดินหน้าทำข้อตกลงการค้า


 


 


เอ็นจีโอมะกันชี้ทั่วโลกเสรีภาพเสื่อมถอย
ผู้จัดการรายวัน : ฟรีดอมเฮ้าส์ องค์การด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ เผยแพร่ผลสำรวจทั่วโลกประจำปี เมื่อวานนี้(16) ระบุว่า ในปี2007 สิทธิทางการเมืองและอิสรภาพของประชาชนใน 1 ใน 5ของประเทศทั่วโลก อยู่ในภาวะถอยหลังเข้าคลอง


 


อาร์ก พัดดิงตัน ผู้อำนวยการด้านการวิจัยแห่งฟรีดอมเฮ้าส์ กล่าวว่าผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าอิสรภาพทั่วโลกกำลังเสื่อมทรามลง ในระดับที่น่าวิตกกังวลอย่างล้ำลึก


 


ผลสำรวจชิ้นนี้ระบุว่าในปี2007 จำนวนประเทศที่ฟรีดอมเฮ้าส์ตีตราว่าเป็นประเทศ "อิสระ"นั้น อยู่ที่ 90 ประเทศ คิดเป็น 46% ของจำนวนประชากรทั่วโลก จำนวนประเทศเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลสำรวจเมื่อปีก่อนอย่างใด ทว่า ประเทศที่ปัจจุบันถูกระบุว่า "มีอิสระบางส่วน" และ "ไม่อิสระ" นั้น หลายประเทศมีประชาธิปไตยที่ถอยหลังเข้าคลองอย่างมาก ในปี 2007


 


ผลสำรวจชิ้นนี้ยังระบุอีกว่า มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการเสื่อมถอยของเสรีภาพ ในประเทศ 38 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และประเทศที่แยกตัวออกมาจากอดีตสหภาพโซเวียต


 


ฟรีดอมเฮ้าส์กล่าวว่า มีประเทศเพียง 10 ประเทศเท่านั้นซึ่งรวมถึงไทยและโตโก ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี


 


ผลสำรวจประจำปีของฟรีดอมเฮ้าส์ยังชี้ว่า เสรีภาพเสื่อมทรามลงอย่างเห็นได้ชัด ในประเทศเอกาธิปไตยที่มีระบบเศรษฐกิจตลาด และประเทศเผด็จการที่มีพลังงานอุดมสมบูรณ์ เช่น รัสเซีย อิหร่าน เวเนซุเอลา และจีน


 


 


ระเบิดรถโดยสารในศรีลังกา ตายอย่างน้อย 23 เจ็บอีกเพียบ
เว็บไซต์แนวหน้า : เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่เมืองเวเลียร่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ส่งผลทำให้เด็กนักเรียนอยู่เต็มคันรถและชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 23 คนแล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 67 คน รายงานระบุว่า หลังเกิดระเบิด กลุ่มคนร้ายได้ใช้ปืนยิงผู้รอดชีวิตอีกด้วย และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะมีเพิ่มขึ้น ขณะนี้ ทางการท้องถิ่นได้สั่งปิดโรงเรียนหลายแห่งในพื้นที่อย่างไม่มีกำหนด สำหรับผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬอีแลม


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net