Skip to main content
sharethis

วันนี้ (30 ม.ค.51) เมื่อเวลา 9.00 น. ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์จำนวนกว่า 100 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อที่สภาทนายความแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม ของนายสุวรรณ ทองกรอย ประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการออกมาให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนกรณีกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงที่คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนและคนงานของบริษัท จนเป็นสาเหตุให้มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 รายเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายสุวิทย์ เชยอุบล กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ นายชวน คงเพชร กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 1 และ นางอนงค์ ทิมพงษ์ กรรมการและเลขานุการส่งแวดล้อม สภาทนายความ เป็นผู้รับฝังคำชี้แจงและรับหนังสือร้องเรียน


นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด กล่าวถึงข้อสงสัยต่อคุณธรรม จริยธรรม ของนายสุวรรณ ทองกรอย ประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า จากปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ที่ผ่านมานายสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ในด้านลบต่อชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ และจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายสุวรรณ ได้ให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนว่าตำรวจท้องที่เลือกปฏิบัติโดยตรวจเข้มเฉพาะกลุ่มที่ให้การสนับสนุนโครงการ แต่ไม่ตรวจค้นชาวบ้านกลุ่มเสื้อเขียวที่คัดค้านซึ่งเป็นขอมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและสร้างความเสียหายแก่ชาวบ้าน โดยทำให้ถูกมองว่าเป็นฝ่ายก่อความรุนแรง


ด้านนายสุวิทย์ เชยอุบล กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กล่าวว่าการยื่นหนังสือในวันนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป และจะผสานไปยังประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้ชี้แจงรายละเอียดเพื่อพิจารณาข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย และให้กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงรวบรวมเอกสารเพิ่มเติม ก่อนที่คณะทำงานของสภาทนายความจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบขอเท็จจริงในวันที่ 1 ก.พ. ที่จะถึงนี้ ส่วนเรื่องคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและคดีที่นายบำรุง สุดสวาทถูกออกหมายจับ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น สภาทนายความมีคณะทำงานช่วยเหลืออยู่แล้วของให้มีการประสานงานเข้ามา


ทั้งนี้ นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า การปะทะกันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของการก่อสร้างแต่เป็นการตอบโต้กันคนละฝั่งถนน โดยกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงมีอาวุธเป็นเพียงไม้ธงและหนังสติ๊ก ในขณะที่อีกฝ่ายมีการใช้หนังสติ๊กยิงเหล็กเส้น อีกทั้งยังมีการยิงปืนเข้าใส่ชาวบ้าน นอกจากนี้นายสุพจน์ได้แสดงหลักฐานจากที่เกิดเหตุ คือเหล็กเส้นขนาดประมาณครึ่งนิ้ว ส่วนกระสุนปืนที่ยิงเข้าใส่ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บเป็นหลักฐานไว้


จากนั้นชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูดได้เดินทางไปยังสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. เพื่อเข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ "โรงเหล็กสวิริยา VS ป่าพรุแม่รำพึง ทำไมต้องมาถึงวันนี้" ซึ่งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจัดขึ้นโดยมีนายสันติ บุญประคับ ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมพูดคุยในประเด็นเกี่ยวกับการทำอีไอเอของโรงงานถลุงเหล็กบริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ในขณะที่บริษัทสหวิริยาปฏิเสธที่จะส่งตัวแทนเข้าร่วม


นายสันติกล่าวว่า หลังจากบริษัทสหวิริยาเพิกถอนอีไอเอฉบับเก่า ได้ส่งอีไอเอฉบับใหม่ให้ สผ.พิจารณาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 ซึ่ง สผ.พิจารณาเบื้องต้นก่อนจะส่งให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาตามขั้นตอน พบว่าอีไอเอมีข้อน่ากังขาหลายประเด็น จึงส่งคำถามกลับไปสหวิริยา 8 ข้อ เช่น ความหลากหลายทางชีวภาพของป่าพรุเป็นอย่างไร ความเห็นของชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างไร ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่รอบๆ เป็นอย่างไร วิธีการรักษาดูแลป่าหลังจากสร้างโรงเหล็กเป็นอย่างไร เป็นต้น เมื่อบริษัทตอบคำถามสมบูรณ์แล้วให้ส่งอีไอเอเข้ามาพิจารณาใหม่ได้

นายสันติกล่าวต่อไปว่า บริษัท ปัญญา คอนเซาท์แทนท์ จำกัด ผู้ทำอีไอเอให้สหวิริยา ระบุว่า ได้สำรวจพื้นที่ขณะที่ยังไม่มีการถมดินเพื่อดำเนินการขั้นอื่นๆ มีนัยสำคัญคือ หากบริษัทส่งอีไอเอมาให้ สผ.พิจารณาแล้วจะต้องหยุดพัฒนาพื้นที่ซึ่งหมายรวมถึงการขุดและถมดิน มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
โดยคณะผู้ชำนาญการของ สผ.จะไม่มีการพิจารณาอีไอเอถ้าตราบใดที่การดำเนินการนั้นยังมีอยู่ นอกจากนี้ การพิจารณาอีไอเอจะต้องดูสภาพที่เป็นปัจจุบันกับสิ่งที่ระบุในเอกสารรายงาน ซึ่งในรายงานระบุรายละเอียดของพื้นที่ก่อนถมดิน แต่ไม่พูดถึงพื้นที่ชุ่มน้ำ ถือว่าบกพร่อง จะต้องถูกพิจารณาจรรยาบรรณด้วย


ในประเด็นการอนุญาตขุดและถมที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ทำหนังสือสอบถามมายัง สผ. ถึงอำนาจในส่วนนี้ตามที่ อบต.แม่รำพึง ได้อ้างการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 นายสันติกล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าพื้นที่ที่มีการถมดินนั้นเป็นพื้นที่ผังโรงงานหรือไม่ หากตรงก็จะต้องหยุดดำเนินการ โดย สผ. สามารถส่งหนังสือไปให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผู้อนุมัติตั้งโรงงาน ให้สั่งระงับการดำเนินงานของเจ้าของโครงการ แต่ตามข้อจำกัดของกฎหมาย สผ.ไม่มีอำนาจในการสั่งการกับ อบต.


อย่างไรก็ตาม นายสันติได้รับปากจะส่งหนังสือชี้แจงในกรณีนี้ไปยัง ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยด่วนที่สุด เพื่อให้ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ซึ่งถูกขุดถมเพื่อนำมาเทียบกับพื้นที่การทำอีไอเอของบริษัทสหวิริยา เพื่อให้ทางจังหวัดดำเนินการหยุดยั้งการอนุญาตถมดินของ อบต. ตามอำนาจทางการปกครองของกระทรวงหาดไทยต่อไป


ด้านนายวิฑูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวยืนยันว่า พื้นที่ที่มีการขุดถมที่กับพื้นที่ซึ่งมีการทำอีไอเอเพื่อก่อสร้างโรงถลุงเหล็กนั้นเป็นพื้นที่เดียวกัน อีกทั้งยังทับซ้อนเส้นทางสาธารณะซึ่งชาวบ้านใช้สัญจรด้วย แต่ในการขออนุญาตขุดถมที่ตามคำรับรองของสำนักงานที่ดิน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์กลับไม่มีระบุว่าเป็นที่ดินสาธารณะ ซึ่งในส่วนนี้ทำให้เกิดความสงสัยว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูลเป็นขบวนการ


ส่วนการเดินหน้าต่อไปของกลุ่มชาวบ้าน นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่จะต้องมีการพูดคุยกันเป็นอันดับแรกคือการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ในกรณีที่มีการอนุญาตให้ขุดถมดินในพื้นที่ซึ่งยังไม่ผ่านอีไอเอ อีกทั้งการถมดินยังเป็นฉนวนให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง เพื่อช่วยระงับเหตุรุนแรงเฉพาะหน้าในพื้นที่ ด้วยการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้บริษัทดำเนินการขุดถมดิน ก่อนที่อีไอเอจะผ่านการเห็นชอบ แต่ก็ยังมีความไม่มั่นใจว่าการตัดสินของศาลปกครองอาจพลิกผันไปให้บริษัทดำเนินการต่อไปได้ซึ่งจะเป็นข้อผูกมัดชาวบ้านไม่ให้ดำเนินการคัดค้านใดๆ ได้อีก ดังนั้นจึงต้องมีการปรึกษากันในกลุ่มให้รัดกุม


"วันนี้เราพาชาวบ้านมาหาสื่อ เพื่อเปิดประเด็นนี้ให้กว้างขวางมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านสู้อยู่ในที่มืดเป็นผลเสียกับชาวบ้าน ซึ่งเสี่ยงมากทั้งการถูกฟ้องคดี ถูกทำร้าย ถูกข่มขู่ต่างๆ" นายวิทูรกล่าว พร้อมแสดงความคิดเห็นว่าในทุกวันนี้ความกลัวของชาวบ้านกลายเป็นความชาชิน ดังนั้นจึงต้องลุกขึ้นสู้เพราะหากไม่สู้ก็อดตายแต่หากสู้ก็อาจมีทางชนะ


กรณีที่นายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่นายรักศักดิ์ คงตระกูล ลูกจ้างบริษัทเครือสหวิริยา ถูกกระสุนปืนเสียชีวิตนั้น นายวิทูรย์ กล่าวว่า ไม่สามารถระบุได้ว่านายบำรุงอยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมานายบำรุงไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นตัวหลักในการคัดค้านโรงถลุงเหล็กของชาวบ้าน แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือวิถีกระสุนที่ยิงผู้เสียชีวิตนั้นถูกยิงมาจากด้านหลัง และแม้ว่าจะเกิดความวุ่นวายถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแต่ขณะนี้เครื่องจักรของบริษัทก็ยังคงเร่งทำงานอยู่


ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมกันมอบตัว นายบำรุง สุดสวาท ซึ่งเดินทางถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมกับนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น และมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ทั้งนี้หลังการสอบส่วน นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตส.ว.นครราชสีมา ได้ขอใช้ตำแหน่งเข้ายื่นประกันตัวนายบำรุง ในวันเดียวกันนั้นเอง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net