Skip to main content
sharethis

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคนับตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2550 ที่นายประชัยได้ยื่นหนังสือลาออกต่อ นายธนพร ศรียางกูร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะทะเบียนสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งเมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลง ส่งผลให้สถานภาพหัวหน้าพรรคของนายประชัยต้องสิ้นสุดลงไปด้วย



 


"ในที่นี่ถือว่าได้ข้อยุติแล้ว แต่หากว่านายประชัยมองว่าไม่ถูกต้อง ก็ต้องไปใช้สิทธิในการฟ้องร้องเอา" นายประพันธ์ กล่าว



 


ทั้งนี้ นายประพันธ์ ยืนยันว่า การที่ กกต.มีมติดังกล่าวไม่ได้เป็นเพราะเกรงจะมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้นเกี่ยวกับมติของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ในการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นการพิจารณาไปตามพยานหลักฐานและกฎหมาย ซึ่งในชั้นการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ มีทั้งพยานแวดล้อม และนายธนพรที่เป็นนายทะเบียนพรรคก็ยืนยันว่า นายประชัยได้ยื่นหนังสือลาออกในวันดังกล่าวจริง ซึ่งตามมาตรา 20 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ก็ได้บัญญัติว่า สมาชิกภาพจะสิ้นสุดลงเมื่อมีการยื่นหนังสือลาออกต่อนายทะเบียน



 


"ดังนั้น แม้ไม่มีหนังสือลาออกที่เป็นต้นฉบับตัวจริงก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเมื่อนายทะเบียนและพยานแวดล้อมยืนยัน ก็ถือได้ว่าสมาชิกภาพของนายประชัยสิ้นสุดแล้ว ส่วนที่พยานซึ่งมาให้ปากคำอาจเป็นฝ่ายตรงข้ามกับนายประชัย เห็นว่าการให้ปากคำต่อคณะกรรมการสืบสวนฯ ถือว่าเป็นการให้การต่อเจ้าพนักงาน หากให้การเท็จก็มีสิทธิถูกดำเนินคดีอาญา" นายประพันธ์ กล่าว



 


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการลาออกของนายประชัยมีผลเมื่อ 4 ธันวาคม2550 ก่อนการเลือกตั้ง การหาเสียงในฐานะหัวหน้าพรรคของนายประชัยจะเข้าข่ายหลอกลวงให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีเป็นการตอบในข้อหารือที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย สอบถามมาว่า นายประชัยมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ซึ่ง กกต.จึงไม่ได้พิจารณาในประเด็นอื่นๆ รวมไปถึงไม่ได้พิจารณาว่า การพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายประชัยจะมีผลต่อการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ เพราะต้องไปดูข้อบังคับของพรรคเองว่า การดำเนินการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใครจะเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการต่อไป



 


รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผลการสอบสวนที่ทำให้ กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้ว่า นายประชัยพ้นจากสมาชิกพรรค เนื่องจากนายประชัยได้ให้ปากคำต่อคณะกรรมการสอบสวนว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจริง โดยให้ภรรยาเป็นผู้นำไปให้ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค และเมื่อนางอนงค์วรรณลงนามรับรอง ก็ส่งเอกสารไปให้นายธนพรที่เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค โดยนายธนพรได้เซ็นรับและสำเนาเอกสารเก็บไว้ และนำต้นฉบับตัวจริงมอบให้เจ้าหน้าที่ของพรรคไปดำเนินการในการยื่นมายังนายทะเบียนพรรคการเมือง ของ กกต. เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลง



 


แต่ปรากฏว่า นายประชัยเกิดเปลี่ยนใจและมีการขอหนังสือลาออกต้นฉบับกลับคืนไป ซึ่งตรงนี้นายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า มาตรา 20 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง บัญญัติว่า ความเป็นสมาชิกพรรคจะสิ้นสุดลงเมื่อมีการยื่นหนังสือลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ดังนั้น เมื่อผลการสอบสวนสอดรับกันทุกฝ่าย มีการยื่นหนังสือลาออกดังกล่าวจริง ก็ถือว่านายประชัยพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคโดยสมบูรณ์



 


ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันนี้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง จะส่งหนังสือถึงพรรคมัชฌิมาฯ เพื่อแจ้งมติ กกต.ให้ทราบ และจากนี้พรรคจะต้องมีการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และต้องส่งหนังสือแจ้งกลับมาที่ กกต.ภายใน 45 วัน เพราะหากพรรคลืมส่ง หรือแจ้งกลับมาไม่ทัน อาจมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง



 


นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงสถานภาพของ นายสมัคร สุนทรเวช ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมัครเคยดำรงตำแหน่ง ส.ว.เมื่อปี 2549 นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้น กกต.ได้ตรวจสอบคุณสมบัตินายสมัครแล้ว เมื่อตอนสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. และนายสมัครผ่านการตรวจคุณสมบัติและสามารถลงเลือกตั้ง ส.ส.ได้ โดยไม่มีบุคคลใดทักท้วง ดังนั้น ถือได้ว่านายสมัครไม่มีปัญหา ส่วนความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 ก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีผู้ข้อโต้แย้งเพิ่มเติมเข้ามายัง กกต. ก็พร้อมพิจารณา แต่อยู่ๆ จะให้ กกต.ไปรื้อค้นมาตรวจสอบเองคงไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ยังสับสนอยู่ ว่า ส.ว.ปี 2549 สามารถลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.นั้น กกต.ได้มีมติว่า ส.ว.ปี 2549 มีบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ให้



 


ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงความชัดเจนกรณีส่งรายชื่อสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตยเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ว่า กกต.ไม่ได้พิจารณาถึงประเด็นนี้ แต่เป็นเรื่องที่พรรคจะต้องดูให้เป็นไปตามมติพรรคว่า นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย หรือนายธนพรมีสิทธิส่งรายชื่อสมาชิกเพื่อไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่ หากมติพรรคระบุว่า ให้เลขาธิการพรรค หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองรับผิดชอบเรื่องการส่งรายชื่อแทนหัวหน้าพรรคได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่หากมติพรรคไม่ได้อนุญาต แล้วทั้งสองคนมีการส่งรายชื่อคนเป็นรัฐมนนตรีไปแล้ว ก็ต้องรอให้คนร้องเข้ามาก่อน กกต.ถึงจะพิจารณาว่า สามารถส่งรายชื่อรัฐมนตรี หรือที่ส่งไปแล้วจะมีปัญหาหรือไม่



 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาเตรียมพร้อมประชุมคณะกรรมการร่วม กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. ตามที่นัดหมายไว้ตั้งแต่แรก



แต่เมื่อมีข่าวจาก กกต.ว่า มีมติให้นายประชัยพ้นสถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรค โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม และให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ กกต.มีคำวินิจฉัย ปรากฏว่าเมื่อเวลา 14.30 น. นายประชัยได้ยกเลิกการประชุมคณะกรรมการร่วมดังกล่าวทันที พร้อมเรียก พล.อ.อารักษ์ โรจนุตมะ ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่พรรคมัชฌิมาธิปไตย และกรรมการบริหารพรรคอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ นายสุนทร วิลาวัลย์ น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ นายการุณ ใสงาม นายสมบูรณ์ ทองบุราณ นายศิลปิน บูรณศิลปิน มาหารือที่ห้องประชุมภายในห้องทำงานนายประชัย ชั้น 30 อาคารทีพีไอทาวเวอร์



ขณะที่นางอนงค์วรรณและกรรมการบริหารพรรคสายนางอนงค์วรรณ กว่า 10 คน รวมทั้ง ส.ส.11 คน ไม่ได้มาประชุมคณะกรรมการร่วมตั้งแต่แรก



 


ทั้งนี้ นางอนงค์วรรณ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ตามความเข้าใจตั้งแต่แรก หากพิจารณาตามกฎหมาย ฝ่ายเรายืนยันมาตลอดว่านายประชัยพ้นสถานภาพตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม โดยเราต้องการทำสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น ในวันที่ตนใช้อำนาจฐานะเลขาธิการพรรคเรียกประชุมคณะกรรมการร่วมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทั้ง 9 คน เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่บ้านพักสนามบินน้ำ โดยอาศัยข้อบังคับพรรค ข้อ 97 ที่ระบุว่า "ในระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้า หรือเลขาธิการพรรค สามารถเรียกประชุมคณะกรรมการร่วมได้" ซึ่งในวันดังกล่าวตนสามารถเรียกประชุมได้ครบองค์ประชุม และในวันนั้น ส.ส.ทั้ง 9 คน ได้ยื่นญัตติให้ประชุมใหญ่สมาชิกพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและปรับปรุงนโยบายพรรค โดยมีมติร่วมกันที่จะให้จัดประชุมใหญ่ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้



 


พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า การเรียกประชุมใหญ่สมาชิกพรรค วันที่ 17 กุมภาพันธ์นั้น ถือเป็นโอกาสที่จะเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เป็นไปตามที่ ส.ส.ทั้ง 9 คน เคยเสนอญัตติไว้ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม ซึ่งวันดังกล่าวนางอนงค์วรรณได้เชิญ นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง ที่ตามกฎหมายนายประมวลเป็นผู้รักษาการหัวหน้าพรรคแทนนายประชัย ที่มีปัญหาว่าสถานภาพหัวหน้าพรรคแล้วหรือไม่ แต่ในวันประชุมนายประมวลไม่ได้เดินทางมา การประชุมวันนั้นคณะกรรมการร่วมจึงมีมติให้ตน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคระดับต้น นั่งเป็นประธานที่ประชุม และวันดังกล่าวที่ประชุมมีมติเสร็จสมบูรณ์แล้ว กำหนดให้เรียกประชุมใหญ่ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดสถานที่ประชุมที่ จ.สุโขทัย เนื่องจากเห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่อยู่ที่สุโขทัย นครสวรรค์ และจังหวัดใกล้เคียง



 


แต่หากนายประมวลจะถืออำนาจในฐานะรองหัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง กำหนดวันประชุมใหญ่ใหม่ ก็ต้องทำภายใน 30 วัน โดยตนจะเสนอชื่อนางอนงค์วรรณเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ส่วนจะมีสมาชิกพรรคคนใดเสนอชื่อนายประชัยขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ก็เป็นสิทธิ แต่จะได้รับเลือกหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง



"การที่ กกต.มีมติให้นายประชัยพ้นสภาพ ถือเป็นข่าวดีในเรื่องการพิจารณายุบพรรค เพราะเท่ากับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันพ้นสภาพไปด้วยก่อนวันเลือกตั้ง และก่อนที่ก็จะเกิดเหตุ นายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค ถูก กกต.แจกใบแดง ทำให้เรื่องนี้ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคล เพราะถือว่านายสุนทรพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารไปแล้ว จึงถือเป็นช่องทางที่เราจะใช้ต่อสู้คดียุบพรรคได้ แต่ก็ไม่รู้ว่า กกต.จะมีมุมมองเช่นเดียวกับเราหรือไม่" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว



 


ปชป.ตั้ง "รัฐบาลเงา" ประกบรัฐบาลสมัคร


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานจัดสัมมนา ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา จ.ชลุบรี ว่า ในฐานะฝ่ายค้าน เราต้องทำงานหนักกว่ารัฐบาล ถ้าคิดว่าเป็นฝ่ายค้านทำงานสบายกว่ารัฐบาล เราก็ไม่มีทางเป็นรัฐบาล อย่าหวังตัวช่วย เพราะเราไม่มีฝ่ายราชการประจำช่วยเรา แต่ต้องขวนขวายด้วยตัวเอง



 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอเสนอ 2 เรื่อง คือ 1.การทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ เราต้องตั้งคณะรัฐมนตรีเงาขึ้นมาที่ต้องมีการประชุมทุกสัปดาห์ และคนที่เป็นคณะรัฐมนตรีเงาต้องไม่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่ง ครม.เงาต้องนำวาระ ครม.มาดูและมีการแสดงออกต่อสาธารณะว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เราคิดอะไรบ้างที่แตกต่างและดีกว่าอย่างไร รวมถึงทุกคนต้องติดตามเกาะติดการทำงานของรัฐมนตรีและให้ถือเป็นโฆษกในงานนั้นๆ ด้วย ซึ่งถ้า ครม.จริงชุดนี้ตั้งเสร็จภายใน 1-2 วัน พรรคจะเริ่มทำงาน ครม.เงาในสัปดาห์หน้า ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราได้เป็นรัฐบาลแล้วคนที่เป็น ครม.เงาจะต้องได้เป็นรัฐมนตรี แต่ถ้าใครใน ครม.เงาทำงานไม่ดี ตนก็ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยน



 


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า 2.การปรับปรุงโครงสร้างพรรค เพราะเรามีปัญหาหลายเรื่องเริ่มจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เช่น สาขาพรรคที่ขณะนี้เขตเลือกตั้งเดียวมีหลายสาขา ปัญหาจำนวนสมาชิกพรรคที่ตามกฎหมายนับจำนวนสมาชิกพรรคที่จ่ายเงินค่าสมาชิกรายปี รวมถึงการรื้อฟื้นโครงการยุวประชาธิปัตย์ ที่ต้องมีการปรับองค์ประกอบ ข้อเสนอจัดตั้งสถาบันการฝึกอบรม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การมีกลุ่มต่างๆ ที่ให้คำปรึกษา และการระดมทุนของพรรคที่ควรทำให้แหล่งทุนมีความหลากหลายและมีความต่อเนื่อง ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่เกิดความไม่คล่องตัวในยุคที่มีการสื่อสาร การเรียกประชุมแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น การปรับโครงสร้างพรรคจึงต้องได้ข้อยุติภายใน 1-2 เดือน อย่าให้คาราคาซังหรือเสียเวลากับเรื่องภายใน เพราะศึกภายนอกเป็นเป้าหมายใหญ่ ต้องทุ่มเทเดินเครื่องให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าพูดถึงการเมืองที่มี 2 พรรคใหญ่ แล้วถ้าเราอยากชนะได้เป็นรัฐบาล ต้องได้ 240 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ตนเชื่อว่ามีโอกาสทำได้



 


คตส.หมดอาลัยฮัมเพลง "เดียวดาย"


ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า นอกจากจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีต่างๆ ของ คตส.แล้ว ยังมีคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า ทยอยเดินทางเข้าตรวจเอกสารหลักฐานในคดีดังกล่าวด้วย โดยในระหว่างการอ่านและตรวจเอกสาร ได้มีอนุกรรมการไต่สวนฯ คนหนึ่ง ร้องเพลง "เดียวดาย" เสียงดังขึ้นมากลางวงที่ประชุมด้วย ทำให้มีกรรมการ คตส.บางคนเปรยกับผู้สื่อข่าวว่า เพลงดังกล่าวเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้



 


ขณะที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าวถึงกรณีที่การทำงานของ คตส.ขณะนี้เหมือนถูกโดดเดี่ยวว่า คตส.ถูกโดดเดี่ยวมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งจนถึงขณะนี้ มั่นใจว่าไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงาน คตส.ได้



 


นายนาม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้เชิญผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ หนึ่งในพยานที่ทีมทนายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ได้อ้างถึงและขอให้คณะอนุกรรมการไต่สวนสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งยืนยันว่าคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ทำตามที่ทีมทนายของนายสมัคร ร้องทุกขั้นตอน คาดว่าประเด็นนี้จะสามารถสรุปแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เชื่อว่าการที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีคงไม่เข้ามาแทรกแซงการทำงานของ คตส. เพราะที่ผ่านมา คตส.ได้ยึดตามกฎหมายทุกขั้นตอนและไม่หนักใจอะไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ เพราะสุดท้ายทุกคดีต้องไปสิ้นสุดในชั้นศาล



 


เมื่อถามว่า นายสมัครประกาศจะเอาคืนทุกคนที่เล่นงานนายสมัคร ประธาน คตส. กล่าวว่า การทำงานของ คตส.ไม่มีใครกลั่นแกล้งใคร ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและการทำงานยึดตามหลักของกฎหมาย และไม่มีใครยุบ คตส.ได้ หากจะยุบก็ต้องออกกฎหมายใหม่เท่านั้น



 


ส่วนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี และอดีตประธาน คมช. ได้เคลียร์ใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต่างประเทศ นายนาม กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่อาจจะมีความจำเป็นก็ได้ ไม่รู้ความในใจไม่ขอก้าวล่วง พูดไปเดี๋ยวเกิดความเข้าใจผิดกันอีก ตอนนี้ คตส.ขอทำงานอย่างเดียวจนครบวาระ ซึ่งอาจมีผลงานชิ้นโบแดงคือ คดีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม. ที่นายสมัครเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ยืนยันว่า คตส.ทั้ง 10 คนไม่ยกทีมถอดใจลาออกก่อนที่จะครบวาระ จะทำงานให้ถึงที่สุดจนหมดวาระ เพื่อส่งคดีต่างๆ ให้อัยการสูงสุด ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เพราะ คตส.ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบได้ดีที่สุดแล้ว



ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินว่า พล.อ.สนธิ ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อหาทางลงให้ตัวเอง แล้ว คตส.หาทางลงให้ตัวเองหรือยัง นายนาม กล่าวว่า ทางลงของ คตส.มีทางเดียวคือ ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุดจนกว่าจะหมดวาระ



 


ที่มา : คม ชัด ลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net