วิทยากร บุญเรือง
ปีนี้อาจจะครบรอบวาระอะไรๆ สำคัญหลายอย่าง สำหรับคนที่ชอบโหยหาสิ่งเก่าๆ และหนึ่งในวาระที่เราควรพูดถึงสักหน่อยก็คือ ปีนี้มันครบรอบ 40 ปี ของเหตุการณ์ "May of 68" อันเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ที่ถูกกล่าวขวัญกันมาทุกยุคทุกสมัยสำหรับขบวนการนักศึกษาและแรงงานปีกซ้าย [1]
ข่าวคราวในต้นปีนี้หลายๆ ข่าว คล้ายจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะทำให้เราหลับตาแล้วฝันว่าโลกที่เท่าเทียมกำลังขยับเข้ามาใกล้แล้ว แต่บางคนอาจถกเถียงว่ามันดูฝันเฟื่องและโรแมนติคเกินไป เมื่อโลกเปลี่ยนไปแล้ว ขั้วสีแดงหดตัวอย่างรุนแรง เหลือเพียงไม่กี่ประเทศที่อาศัยเพียงแค่ "คำ" ที่ดูเหมือนจะมีอุดมการณ์เอาไว้กดหัวประชาชน - ประชาธิปไตยโดยประชาชนยังไม่เกิด หากมันจะมีความหมายแบบนั้นจริงๆ
ขณะนี้คอมมิวนิสต์ตายไปแล้วหรือยังไม่ตายก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ วิธีการต่อสู้ตามแบบฉบับของพวกเขายังอยู่
และสถานการณ์ของการต่อสู้ตั้งแต่ต้นปีทำให้เราพอมีความหวังขึ้น ..
นี่อาจจะเป็นขบวนการแรงงานที่โรแมนติคที่สุด เพราะนี่คือการสไตรค์ของนักเขียนบทโทรทัศน์ ของสหภาพนักเขียนบทแห่งอเมริกา (Writers Guild of
(ที่มาภาพ: Fred Prouser/Reuters)
ที่ใจกลางมายาทุนนิยมอย่างฮอลลีวู้ด (
โดยมติของ WGA ได้ให้นักเขียนบทโทรทัศน์หยุดงานตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. ปีที่แล้ว เพื่อเรียกร้องให้ผู้ผลิตรายการทบทวนส่วนแบ่งจากรายได้ DVD อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและสื่อใหม่อื่นๆ ให้กับนักเขียน โดยการประท้วงในกลุ่มนักเขียนบทของอเมริกาไม่มีมาเกือบ 20 ปีแล้ว
การสไตรค์ยุติลงเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา และถึงแม้ยังไม่ได้ข้อตกลงที่แน่ชัด แต่ความสูญเสียของฝ่ายนายทุนก็มีไม่ใช่ย่อย มีการประเมินสรุปตัวเลขความเสียหายจากการสไตรค์ครั้งนี้ว่ามีมูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ [2] และไม่รู้ว่า WGA จะลุกฮือมาเรียกร้องความเป็นธรรมอีกเมื่อใด
รัสเซียอดีตจักรวรรดิแดง วัฒนธรรมการต่อสู้ของแรงงานยังคงฝังอยู่ในสายเลือด การบุกเข้าไปเปิดตลาดของรถยนต์ฝั่งศัตรูเก่าอย่างสหรัฐไม่หมูอย่างที่คิด โดยบรรษัทได้ผลิตรถฟอร์ดรุ่น Focus ถึง 75,000 คัน ในโรงงานที่รัสเซีย รวมถึงจะมีการลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เป็น 125,000 คัน ในปี ค.ศ. 2009 และเริ่มผลิตรุ่น Mondeo อีกด้วย แต่การให้ผลประโยชน์แก่แรงงานน้อยเกินไป ทำให้เกิดการสไตรค์ขึ้น
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แรงงานบรรษัทฟอร์ด (Ford) ในเมือง Vsevolozhsk ทางตอนเหนือของเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (
สมาชิกสหภาพแรงงานได้ทำการสไตร์คถึงสี่สัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีที่แล้ว โดยได้ยื่นข้อเรียกร้องให้เพิ่มเงินเดือนขึ้นเป็นเป็น 28,000 รูเบิล (ประมาณ 1,147 ดอลลาร์) จากเดิมที่ได้เดือนละ 19,000 รูเบิล และถึงแม้การต่อรองจะมาได้ข้อสรุปที่ว่า โรงงานจะเพิ่มเงินเดือนให้คนงานประมาณ 16 ถึง 21% ส่วนเงินเดือนขั้นต่ำได้เพิ่มเฉลี่ยแล้วเป็น 25,586 รูเบิล แต่แรงงานก็คิดว่ามันเป็นอีกขั้นหนึ่งของการต่อสู้
โดยตัวแทนจากสหภาพแรงงานก็พอใจกับข้อตกลงสัญญาการจ้างใหม่นี้ และมีความเห็นว่ามันไม่ใช่การประนีประนอมกับนายทุน แต่ถ้าจะพูดให้ถูก มันเป็นการก้าวไปอีกก้าวหนึ่งในกระบวนการต่อรองของแรงงาน
ไม่เว้นแม้แต่ที่อ่าวเปอร์เซียกลุ่มประเทศมุสลิมที่เข้มงวด สายลมแห่งการต่อสู้ก็พัดไปถึงที่นั่น การสไตรค์ของบรรดาแรงงานข้ามชาติ (ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้) ในบาห์เรนตั้งแต่วันที่ 9 - 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้รับชัยชนะขั้นต้นในการเพิ่มค่าแรงเลี้ยงชีพมากยิ่งขึ้น
แรงงานข้ามชาติจำนวนหลายร้อยคนจากทั้งหมด 1,300 คน ที่ทำงานในโครงการ Durrat al-Bahrain กลับมาทำงานหลังจากสไตรค์เพื่อประท้วงเรียกร้องเพิ่มค่าแรงจาก 151 ดอลลาร์ เป็น 265 ดอลลาร์ สำหรับแรงงานที่ไม่มีทักษะ และจาก 183 ดอลลาร์ เป็น 319 ดอลลาร์ สำหรับแรงงานมีฝีมือ แต่ผลการเจรจาของทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ โดยนายจ้างยอมเพิ่มค่าแรงประมาณราว 40 ดอลลาร์ [4] - เอาละ! ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ โดยไม่ได้รับอะไรเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในบาห์เรนมีแรงงานข้ามชาติประมาณ 270,000 คน ซึ่งโชคดีหน่อยที่แรงงานในบาห์เรนสามารถประท้วงเรียกร้องผลประโยชน์ได้ ต่างจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้
แรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอของเวียดนาม ยังคงประสบกับปัญหาค่าแรงเลี้ยงชีพและชั่วโมงการทำงาน ทำให้เกิดการสไตรค์บ่อยครั้ง
(ที่มาภาพ : www.business-in-asia.com)
สวรรค์นักลงทุนอย่างเวียดนาม ที่นายทุนมักจะเอามาขู่แรงงานในการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย ก็มีการลุกฮืออย่างต่อเนื่องเป็นระลอกๆ การสไตรค์นั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งในเวียดนาม หลังจากที่นายทุนต่างชาติเข้าไปหวังกอบโกยเพื่อใช้แรงงานราคาถูกในการผลิตสินค้าส่งออก
ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี แรงงานงานหลายพันคนได้สไตร์คกว่า 30 ครั้งทำให้อุตสาหกรรมในภาคใต้ของเวียดนามเป็นอัมพาต สืบเนื่องมาจนถึงเทศกาลตรุษญวน แรงงานเวียดนามในโรงงานผลิตของเล่นสัญชาติฮ่องกง ประท้วงหยุดงานเกือบ 10,000 คน เรียกร้องรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจที่ตัวเลขเงินเฟ้อในประเทศสูงขึ้น รวมถึงสิทธิในการหยุดงานช่วงเทศกาล
แรงงานในโรงงานผลิตของเล่นคีย์ฮิงก์ (Keyhinge) ในเมืองดานัง (Danang) ได้ผละออกจากงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องเงินโบนัสที่สูงขึ้น รวมถึงขอวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษญวน
ทั้งนี้ผู้ประท้วงหยุดงานได้บอกถึงเหตุผลแก่หนังสือพิมพ์ของเวียดนามว่า แรงงานส่วนใหญ่อยู่ในเมืองที่ห่างไกลออกไป โบนัสอันน้อยนิดและระยะเวลาหยุดสั้นๆ ทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวในช่วงเทศกาลตรุษได้
ทั้งนี้โรงงานของบรรษัทคีย์ฮิงก์ (Keyhinge) เคยได้สร้างชื่อเสียงแย่ๆ ไว้ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990s เมื่อกลุ่มสิทธิมนุษยชนแรงงานเคยออกมาวิพากษ์โรงงานนี้ในเรื่องของการกดขี่แรงงาน --- ทั้งนี้คีย์ฮิงก์ ได้ผลิตของเล่นลิขสิทธิ์ดิสนีย์ (Disney) สำหรับเป็นของโปรโมชั่นในร้านแม็คโดนัลด์ (McDonalds) อีกด้วย
ด้วยค่าแรงราคาถูกและเป็นแหล่งผลิตหลักของอุตสาหกรรมสิ่งทอ, รองเท้า, ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการส่งออกอาหาร --- แต่ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมในเวียดนามกำลังเกิดปัญหา โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างชาติที่เข้าไปเพื่อหวังค่าแรงราคาถูกโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของแรงงาน
นอกจากนี้ ในเวลาใกล้เคียงกันพบว่ามีแรงงานหลายพันคนได้หยุดงานที่อู่ต่อเรือ ฮุนได-ไวนาชิน (Hyundai-Vinashin) ทางตอนใต้ของจังหวัด กัน หัว (Khanh Hoa) และโรงงานซีฟู้ดที่จังหวัดหัว เกียง (Hau Giang)
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานที่ทำงานในโรงงานของนักลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 540,000 ด่อง (ประมาณ 34 ดอลลาร์) เป็น 800,000 ด่อง แต่จากข้อมูลของทางการเวียดนาม พบว่าขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการอุปโภคเพิ่มขึ้นถึง 14% เนื่องจากการขยับตัวขึ้นของอาหาร น้ำมัน และเครื่องอุปโภคต่างๆ - ซึ่งรายได้ของแรงงานเวียดนามอาจจะไม่เพียงพอในการใช้จ่ายในการดำรงชีพ [5]
0 0 0
พฤษภาคม 1968 กรุงปารีสคับคั่งไปด้วยแรงงานและนักศึกษาในฝรั่งเศส ที่ลุกฮือขึ้นประท้วงและนัดหยุดงาน แสดงความไม่พอใจต่อการปกครองของรัฐบาล Charles de Gaulle
(ที่มาภาพ: http://www.internationalist.org/)
หลังจาก 1968 ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านไป พวกเราได้ยืดสายกันอยู่เกือบทุกวี่ทุกวัน การขัดแย้งระหว่างชนชั้นมีเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกโรงงาน แต่มันอาจจะไม่มีใครกล่าวถึงมากนัก ด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการผูกขาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไว้ให้กับชนชั้นนำ ชนชั้นที่สามารถจะบังคับให้เราเลือกได้ว่าเราควรสนใจความเป็นไปในประเด็นไหน - ฟุตบอลโลก, หนังฮอลลีวู้ด, สงครามต่อต้านก่อการร้าย, หรือไลฟ์สไตล์ที่ถอดแบบมาจากกระฎุมพี
สืบเนื่องจากเค้าลางของภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำมันราคาสูง ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น ซึ่งมันเข้าทางกฎพื้นฐานของนายทุนอย่างง่ายๆ ที่ว่าเมื่อมีปัญหาด้านกำไร มันจะต้องประหยัดด้วยวิธีอะไรสักอย่าง และแรงงานมักที่จะถูกหวยเสมอ - ทั้งนี้มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าปีนี้จะมีคนตกงานทั่วโลกมากกว่า 5 ล้านคน [6]
กาลข้างหน้าคือวิกฤตทางเศรษฐกิจ เมื่อเราเหล่าแรงงานทั้งหลายทราบว่ามันจะเป็นอย่างนั้นแล้ว เราควรทำอย่างไรดี -- เป็นลูกแมวเชื่องรอวันตกงาน? หรือดื้อเป็นแมวป่า (wild cat) ต่อสู้ดินรนเพื่อศักดิ์ศรี?
ในระบบทุนนิยมนั้น วิกฤตและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรขึ้นลง (cycle) ดังนั้นแรงงานควรทำให้วิกฤตที่กำลังจะมาถึงนี้ ให้นายทุนรู้ซึ้งถึงความสำคัญของแรงงาน และแรงงานควรต่อสู้เพื่อลดผลกำไรที่นายทุนจะได้รับให้น้อยลง เพื่อนำมาเฉลี่ยให้กับแรงงานและสังคมเพิ่มมากขึ้น
โดยแรงงานจะต้องรู้จักต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ยื่นข้อเรียกร้องข้อเสนอในขั้นต้น และใช้การสไตรค์เป็นอาวุธสุดท้าย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ทั้งนี้ การสไตรค์เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่คำตอบของการเปลี่ยนแปลงโลก หากไม่มีการพัฒนาความคิดทางการเมืองเป็นกลุ่มเป็นก้อน และขับเคลื่อนการต่อสู้ทางประเด็นชนชั้นควบคู่กันไป ดังเช่นที่เลนินเคยกล่าวเอาไว้ ..
"การนัดหยุดงานเป็นเพียงโรงเรียนการทำสงคราม ไม่ใช่สงครามจริง การนัดหยุดงานเป็นเพียงแง่หนึ่งของการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ จากการนัดหยุดงานของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งกรรมาชีพต้องพัฒนาการต่อสู้ไปสู่การต่อสู้ของกรรมาชีพทั้งชนชั้นเพื่อการปลดแอกตนเอง สิ่งนี่กำลังค่อยๆ เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่แล้ว เมื่อกรรมาชีพที่มีจิตสำนึกทางชนชั้นพัฒนาตนเองเป็นนักสังคมนิยม คือเขามองเห็นภาพของการต่อสู้เพื่อปลดแอกกรรมาชีพทั้งชนชั้น เขารวมตัวกันเพื่อขยายแนวคิดสังคมนิยมไปทั่วและเพื่อสอนให้กรรมาชีพรู้จักวิธีการต่อสู้กับศัตรูทุกรูปแบบ และเขาสร้างพรรคสังคมนิยมกรรมาชีพที่ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชนจากการกดขี่ของรัฐบาลและจากแอกของทุน เมื่อนั้นชนชั้นกรรมาชีพจะเป็นหัวใจของขบวนการแรงงานสากลที่สามัคคีกรรมาชีพทั่วโลกและยกธงแดงที่มีคำขวัญ กรรมาชีพทุกประเทศจงสามัคคี!" [7]
โลกใบใหม่จะต้องถูกสร้างอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โลกคอมมิวนิสต์ยังคงจะไม่มาถึงในเร็วนี้ หากเราไม่ร่วมกันสร้างโลกที่แรงงานมีปากมีเสียงเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
..
เชิงอรรถ
[1] พฤษภาคม 1968 กรุงปารีสคับคั่งไปด้วยแรงงานและนักศึกษาในฝรั่งเศส ที่ลุกฮือขึ้นประท้วงและนัดหยุดงาน แสดงความไม่พอใจต่อการปกครองของรัฐบาล Charles de Gaulle ซึ่งส่งผลให้เขาไม่สามารถอยู่ในอำนาจได้อีกต่อไป ทั้งนี้ปี 1968 อาจจะเป็นการลุกฮือครั้งสำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อแนวคิดซ้ายใหม่ วัฒนธรรมป๊อบ (ร๊อคเอนโรลล์, ฮิปปี้, เพื่อชีวิต) ซึ่งส่งผลมาถึงทุกวันนี้
(ดู http://en.wikipedia.org/wiki/May_1968 และ http://en.wikipedia.org/wiki/De_Gaulle#May_1968)
[2] มีการคาดการกันคร่าวๆ ว่าปี 2008 นี้คนทำงานอาจจะต้องสูญเสียงานที่เขากำลังทำกว่า 5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคาดการณ์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนตัวเลขของประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ อาจจะมีมากกว่านี้
(ดู ILO projects global economic turbulence could generate five million more unemployed in 2008)
[3] การสไตรค์ดังกล่าวทำให้หลายสตูดิโอต้องหยุดผลิตงานต่างๆ ทำให้ธุรกิจนี้เกือบเป็นอัมพาต รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ เช่น การเช่ารถลีมูซีน, บริษัทจัดอาหารนอกสถานที่ ต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย และตัวนักเขียนที่สไตรค์ก็สูญเสียรายได้ด้วยเช่นกัน (ดู Hollywood strike cost $2.5 billion: report)
[4] คนงานฟอร์ดในรัสเซียต่อรองได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้ว
[5] Bahrain's Asian workers strike as earnings hit
[6] แรงงานเวียดนามสไตร์คเกือบ 10000 คน เรียกร้องโบนัสและวันหยุดเทศกาล
[7] จาก ว่าด้วยการนัดหยุดงาน โดย วี ไอ เลนิน แปลโดย ใจ อึ๊งภากรณ์
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)