23 มี.ค.51 ในงานสัมมนา "แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจภายใต้นโยบายรัฐบาลใหม่" จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการด้านการวิจัยเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า จากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้นนั้น เห็นว่าเป็นการมุ่งเป้าหมายระยะสั้นและใช้มาตรการมากเกินไป แต่ไม่ได้มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างระยะยาว
ดังนั้น การออกนโยบายประชานิยม เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาจากการใช้นโยบายการคลัง และการใช้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจขณะนี้ยังอยู่ภายใต้งบประมาณปี 2551 หากโยกงบประมาณจากหลายโครงการต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ขณะที่การจัดทำงบประมาณปี 2552 ซึ่งขาดดุลเต็มเพดานร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) นับว่าเป็นการขาดดุลสูงมากเหมือนช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ จึงต้องให้ความสำคัญดูแลการบริหารทางการคลังไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
ขณะที่นาย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในช่วงปกติเศรษฐกิจขยายตัวดี การลงทุนควรมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 30-40 ของจีดีพี แต่ปัจจุบันอยู่ร้อยละ 16-17 ของจีดีพี สัดส่วนระดับที่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ถือว่าต่ำเกินไป สำหรับการใช้นโยบายการเงินเพื่อดูแลเศรษฐกิจนั้น มองว่าการใช้อัตราดอกเบี้ยควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันแพง คงไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่จะบริหารจัดการเศรษฐกิจได้ โดยไตรมาสแรกปีนี้ อัตราเงินเฟ้อคงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.5
นายเอกนิติ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรให้ความสำคัญกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าประเทศ เพราะอาจกระทบค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ดังนั้น นโยบายการเงินและการคลังจะต้องสมดุล พร้อมทั้งกระจายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ ทั้งจีน อินเดีย ออสเตรเลีย เพราะเศรษฐกิจสหรัฐ ตลาดหลักสำคัญมีปัญหา สำหรับการจัดงบประมาณในปี 2552 ขาดดุลสูงมากนั้น เป็นเพราะการตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินต้นกว่า 60,000 ล้านบาท และชำระหนี้ดอกเบี้ยกว่า 160,000-70,000 ล้านบาท
ด้านนาย
ที่มา: http://www.komchadluek.net