ย้อนรอย เดินตามทาง "ทนายสมชาย" 4 ปีที่แล้วเขา (หาย) ไปไหน

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 51 คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ และกรรมการสิทธิมนุษยชนเอเชีย จัดงานรำลึก 4 ปีการถูกบังคับทำให้หายไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร กิจกรรมในช่วงเช้า เป็นการเดินทางย้อนรอยทนายสมชาย นีละไพจิตร เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ส่วนกิจกรรมในช่วงบ่ายเป็นวงเสวนาหัวข้อ "เหลียวหลัง แลหน้า ทิศทางประเทศไทยกับการแก้ปัญหาชายแดนใต้"

 

กิจกรรมเดินทางย้อนรอยทนายสมชาย นีละไพจิตร มีคณะผู้ร่วมเดินทางตามรอยทนายสมชาย ราว 30 คน รวมตัวกันที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันเดินทางโดยรสบัส จำลองเหตุการณ์เดินทางของทนายสมชายเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

 

จุดสำคัญต่างๆ ที่รสบัสต้องวิ่งผ่าน ได้แก่ ศาลแพ่งใต้ ถ.เจริญกรุง - ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาบางรัก - ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาสีลม - ศาลล้มละลาย ถ.เจริญกรุง - ทางด่วนตรอกจันทร์ - ศาลอาญา ถ.รัชดา - สำนักงานทนายของสมชาย นีละไพจิตร ถ.รัชดา - มูลนิธิสันติชน ถ.ลาดพร้าว 122 - โรงแรมชาลีน่า ถ.ลาดพร้าว 122 - ร้านอาหารแม่ลาปลาเผา (เก่า) ถ.รามคำแหง - สถานีขนส่งหมอชิต

 

 

ตามรอย ทนายสมชาย

เช้าวันที่ 12 มีนาคมของเมื่อ 4 ปีที่แล้วนั้น ทนายสมชายออกจากสำนักงานของเขาตั้งแต่ 6.00 น. ขับรถขึ้นทางด่วนประชานุกูลมายังตรอกจันทร์ เอารถไปจอดที่ศาลแพ่งใต้ แล้วไปตามที่ได้นัดลูกความเอาไว้ที่โรบินสัน บางรัก แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าเข้าใจผิด เพราะจุดนัดพบคือโรบินสัน สีลม เขาจึงนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปพบลูกความที่นั่น เมื่อเสร็จธุระก็นั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างไปทำธุระต่อที่ศาลล้มละลาย แล้วจึงกลับไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ที่ศาลแพ่งใต้

 

จากนั้น เขาได้ขับรถออกไปขึ้นทางด่วนถนนจันทร์ ลงทางด่วนประชานุกูล ไปยังสำนักงานทนายความของเขา ตั้งอยู่ที่ซอยสิทธิชน ถนนรัชดา ในเวลาราว 15.00 . และออกจากสำนักงานไปละหมาดที่มูลนิธิสันติชน ถนนลาดพร้าวเมื่อราว 17.00-18.00 น. ก่อนจะเดินทางไปรอเจอเพื่อนทนายที่โรงแรมชาลีน่า

 

ราว 19.30 - 20.00 น. เป็นครั้งสุดท้ายที่ทนายสมชายโทรศัพท์มาคุยกับ ครองธรรม นีละไพจิตร ลูกสาวคนที่สี่ ทนายสมชายรำพึงกับลูกสาวว่า เหนื่อยกับกิจกรรมที่ทำมาทั้งวัน และบอกว่าคงจะนอนค้างบ้านเพื่อน ครองธรรมจึงบอกกับพ่อว่า งั้นวันรุ่งขึ้นค่อยคุยกันต่อ

 

ที่โรงแรมชาลีน่า ทนายสมชายรอเพื่อนอยู่นานเกือบ 2 ชม. สุดท้ายเพื่อนโทรมาแจ้งว่าไม่สะดวกมาพบ ทนายสมชายออกจากที่นั่น ขณะนั้นเป็นเวลาราว 20.30 น. เขาขับรถออกจากโรงแรมชาลีน่า เข้าถนนรามคำแหง และไปถูกรถเฉี่ยวจอดที่หน้าร้านแม่ลาปลาเผา (เก่า) ถนนรามคำแหง ตรงข้ามสถานีตำรวจหัวหมาก ซึ่งจุดจุดนี้ เป็นสถานที่สุดท้ายที่มีพยานให้ข้อมูลในศาลว่า พบเห็นรถสองคันจอดต่อกัน และเห็นคนผลักทนายสมชายขึ้นรถอีกคันไป

 

ทนายฝึกหัดให้ข้อมูลว่า สังเกตว่าตอนทนายสมชายขับรถออกจากโรงแรมชาลีน่า เตรียมจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามคำแหง เขามองเห็นรถเก๋งสีดำขับรถตามออกไป ซึ่งข้อมูลนี้ตรงกับที่พยานให้การว่า รถยนต์ที่เฉี่ยวรถทนายสมชายแล้วจอดต่อกันนั้น เป็นรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีดำ

 

นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ที่มีคนผลักทนายสมชายขึ้นรถไปนั้น มีพลเมืองเห็นเหตุการณ์แล้วโทรแจ้ง 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมากเดินออกมาดูเหตุการณ์หลังจากนั้นราว 15 นาทีและกลับไปลงบันทึกประจำวันว่า ไม่พบเหตุการณ์อะไร

 

 

เสาโทรศัพท์ฟ้อง มีกลุ่มคนติดตามสมชาย

อังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้รู้ว่าทนายสมชายเดินทางไปไหนบ้างในวันนั้น เพราะทนายฝึกหัดติดตามไปด้วยตั้งแต่เช้า ประกอบกับการสืบสวนข้อมูลการใช้โทรศัพท์

 

นั่นคือ เวลาที่มีการใช้โทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้าและโทรออก จะปรากฏหมายเลขของเจ้าของเครื่อง ณ เสาสัญญาณโทรศัพท์ในบริเวณนั้น ซึ่งพบร่องรอยการโทรศัพท์ของคนกลุ่มหนึ่ง ปรากฏผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 5 หมายเลข ที่พบว่า อยู่บริเวณเดียวกับที่คุณสมชายอยู่ตั้งแต่ตอนที่คุณสมชายอยู่ที่ บางรัก ไปสีลม ศาลแพ่งใต้ ทางด่วนประชานุกูล และอยู่ใกล้ๆ คุณสมชายตลอดทั้งวัน

 

อังคณากล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรศัพท์ให้ข้อมูลว่า ในกรุงเทพมหานครมีเสาโทรศัพท์เยอะมาก เพราะมีผู้ใช้เยอะ ซึ่งผู้ใช้จะอยู่ในรัศมีสัญญาณไม่เกิน 100 เมตรรอบเสาโทรศัพท์

 

จนเวลาค่ำ ราว 20.30 น. ก็พบว่า เสาสัญญาณโทรศัพท์ที่อยู่บนอาคารสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ถนนรามคำแหง ติดกับร้านแม่ลาปลาเผา มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า กลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์ทั้ง 5 หมายเลขนั้นล้วนอยู่ในรัศมีรอบๆ เสาโทรศัพท์บนอาคารสปอร์ตคอมเพล็กซ์ และพบข้อมูลอีกครั้งในเวลา 4 ทุ่มกว่าที่พบสัญญาณโทรศัพท์ของหนึ่งในกลุ่มบุคคลนั้นอยู่แถวๆ หมอชิต ซึ่งเป็นจุดที่พบรถคุณสมชายถูกทิ้งเอาไว้

 

 

ทำไมตรวจ ทำไมไม่ตรวจ "DNA" ?

หลังจากวันนั้น ครอบครัวทนายสมชายไมได้ข่าวคราวอะไรจากเขาอีก จนผ่านมา 4 วัน คือในวันอังคารที่ 16 มีนาคม 2547 ที่ พ.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในขณะนั้นโทรศัพท์ไปแจ้งให้คุณอังคณาทราบว่า พบรถของทนายสมชายที่สถานีขนส่งหมอชิต จอดอยู่ในที่ห้ามจอดและถูกล็อคล้ออยู่ แม่ค้าในบริเวณนั้นให้ข้อมูลว่ารถคันนั้นถูกนำมาจอดตั้งแต่คืนวันที่ 12 มีนาคม 2547

 

พ.ต.อ. สมบัติ ได้ขอกุญแจสำรอง แต่เมื่ออังคณาไปถึง ปรากฏว่ารถถูกย้ายไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่มีกระบวนการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางตำรวจพบเส้นผมราว 20 เส้น และได้ให้สมาชิกในครอบครัวและทนายฝึกหัดไปตรวจ DNA พบว่ามีผมทั้งหมด 4 เส้นที่ไม่ตรงกับใคร และก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของใคร ทั้งยังไม่เคยมีการตรวจ DNA ของจำเลยทั้ง 5 มาตรวจพิสูจน์เทียบ

 

ประทับจิตร นีละไพจิตร ลูกสาวคนที่สอง กล่าวว่า เส้นทางเหล่านี้ ทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพมหานคร เราจะเห็นว่าเป็นจุดพลุกพล่าน แต่เส้นทางธรรมดาแบบนี้ คนอย่างเราๆ ก็หายตัวไปได้

 


ข่าวประชาไทเกี่ยวเนื่อง

ย้อนรอย เดินตามทาง "ทนายสมชาย" 4 ปีที่แล้วเขา (หาย) ไปไหน, ประชาไท, 31/3/2551

ปณิธานวาดหวัง กอ.รมน. เป็นองค์กรพลเรือน, ประชาไท, 31/3/2551

อังคณา นีละไพจิตร : 4 ปีผ่าน ยุติธรรมไม่พัฒนา ความเกลียดชังพอกพูน, ประชาไท, 31/3/2551

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท