Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


สมัครปัดไล่จักรภพ ให้ตำรวจจัดการ


เว็บไซต์ไทยรัฐ - เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 พ.ค. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งหนังสือให้พิจารณาปรับนายจักรภพ เพ็ญแข รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกจาก ครม. โดยอ้างว่ามีทัศนคติอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูงว่า การจะให้ปรับพ้นออกจาก ครม.ไปเลย เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ยืนยันเรื่องนี้ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง จะได้มีคำตัดสินใจออกมา ไม่ใช่มาอ้างกล่าวหาใครต่อใคร แล้วจะต้องเอาออกไป เรื่องแบบนี้ต้องดำเนินการอย่างมีมาตรฐานและมีขั้นตอน ให้ตำรวจที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมสอบสวนให้เสร็จแล้วก็ส่งเรื่องไปให้อัยการ แล้วก็ไปสู่ศาล และจะเร่งให้ทางตำรวจสอบสวนจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดด้วย จะได้ดับชนวนเรื่องนี้ให้จบไปเสียที อย่างไรก็ตาม ถ้ายังไม่เชื่อ ไม่ยอมรับกันเรื่องการแปลคำบรรยาย ก็ให้ทางตำรวจไปหาสถาบันที่เป็นมาตรฐานเป็นคนแปล


 


นายกฯกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีข้อสังเกตว่า การไปบรรยายที่มากล่าวอ้างกันนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น เขาไปพูดตั้งแต่ ช่วงเดือน พ.ย. ในช่วงที่เพิ่งออกจากคุกมาใหม่ๆ ในทำนองว่าเขาไม่เห็นด้วยกับระบบอุปถัมภ์ ก็ไม่เห็นมีใครไปดำเนินการอะไรกันในตอนนั้นเลย อยู่กันมาได้ตั้งนานทำไมไม่รู้สึกว่าเสียหาย พอนายจักรภพเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ทำงานไปเรื่อยก็ยังไม่มีอะไร แต่เมื่อไปแตะเรื่องสื่อ จนไปกระทบกิจการของใครบางคนเข้า ก็เลยทำให้ มีการดำเนินการเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่าถ้านายจักรภพไม่ไปกระทบเหยียบโดนใครเข้า ก็จะยังเป็นคนธรรมดาอยู่


 


เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนไม่อยากให้ฝ่ายการเมืองอ้างเรื่องสถาบันเบื้องสูงมาพูด เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง นายสมัครตอบว่า เห็นด้วยกับองคมนตรี แต่ต้องเตือนทุกฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ทุกฝ่ายทุกคนจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้ เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไปทาบทามให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่  เข้ามาเป็นนายกฯแทนหากนายสมัครจำเป็นต้องพ้นจากตำแหน่งนั้น  นายกฯตอบว่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะมากระทบกระเทือนต่อสถานะของตน  ก็คงขอตอบได้เพียงว่าไม่ขอออกความเห็น  เพราะไม่อยากให้ ไปกระทบใครต่อใคร


 


นายสมัครยังกล่าวถึงการทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี เพราะไปเป็นลูกจ้างบริษัททำรายการ "ชิมไปบ่นไป" ว่า ระหว่างนี้ก็ต้องหยุดรายการไปก่อน และเนื่องจากวันที่ 19 พ.ค. เป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันหยุดราชการ ดังนั้นจะส่งหนังสือไปให้ กกต.ในวันที่ 20 พ.ค. ทั้งนี้ ตอนแรกคิดว่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ กกต.ด้วยตัวเอง แต่ไม่อยากให้ดูเหมือนว่าไปทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเอิกเกริก ดังนั้น ก็จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำหนังสือไปยื่นต่อ กกต.แทน


 


วันเดียวกัน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อมด้วย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้เดินทางมาติดตามการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 ที่นครพนม ที่รัฐบาลได้อนุมัติงบแล้วประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยจะมีการวางศิลาฤกษ์ในเดือน มิ.ย.นี้ จากนั้นได้เดินทางไปทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดของโฮจิมินห์ อดีตผู้นำเวียดนาม ที่หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม และเป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯหลังเก่า ที่เคยเป็นอดีตที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จเยือน จ.นครพนม เมื่อปี 2498


 


นายจักรภพกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นขอยืนยันว่า ไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงดังที่ถูกกล่าวหาเลย และไม่เคยอยู่ในความคิด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการที่มีบุคคลต้องการจะทำลายรัฐบาล เพราะไม่มีเรื่องอื่นแล้ว จะนำเรื่องของตนมาเป็นประเด็น โดยกำลังเร่งแปลเอกสารและส่งให้กับทางตำรวจในวันที่ 22 พ.ค.นี้ จากนั้นจะดำเนินการกับบุคคลที่กล่าวหาให้ถึงที่สุด โดยที่กรณีดังกล่าวไม่รู้สึกหนักใจเลย เพราะมีความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง


 


นายจักรภพกล่าวอีกว่า ส่วนการที่จะมีการปรับ ครม.นั้น จะปรับเปลี่ยนอะไรถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิตแจกหนังสือเปิดโปงขบวน การล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตน แต่อาจเกิดความเข้าใจผิดในการตีความ เพราะมีขบวนการที่ตั้งใจจะเสี้ยมให้คนชนกัน สร้างความแตกแยกให้ บ้านเมือง วันนี้ถือว่าโชคดีที่ได้พบท่าน มีการพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยท่านก็ได้รับทราบเป็นที่เข้าใจว่าเป็นการยุยงทำลายรัฐบาล ทุกอย่างที่ พล.อ.ชวลิตพูด ทุกคนต้องรับฟังมาปฏิบัติ เพราะถือเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในประเทศ


 


พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นกับนายจักรภพ มั่นใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เชื่อมั่นว่าคงไม่คิดที่จะหมิ่นเบื้องสูงแน่นอน แต่เป็นเรื่องการเมืองที่นำมาจุดประกาย ให้เกิดการแตกแยกทางการเมือง อยากให้ทุกคนหันมาร่วมมือกันดีกว่า ส่วนเรื่องการทาบทามให้เป็นนายกฯแทนนายสมัคร สุนทรเวช นั้นไม่มี เพราะอายุมากแล้วเป็นไม่ได้แล้ว สำหรับการแจกเอกสารเรื่องขบวนการล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า ไม่เกี่ยวข้องกับใคร เพียงอยากให้ทุกคนรับรู้ถึงการต่อสู้ในอดีต ที่ได้มาของประชาธิปไตยของประเทศไทยเท่านั้น


 


"สดศรี" ชี้ประเด็นสำคัญที่ต้องสอบกรณี"ชิมไปบ่นไป"


เว็บไซต์ไทยรัฐ - นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ทาง กกต.ยังไม่ได้รับเอกสารชี้แจงใดจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติในกรณีที่มีผู้ร้องว่า ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งในวันนี้ถือเป็นวันหยุดราชการ คงไม่มีเจ้าหน้าที่ กกต.อยู่ รับหนังสือดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทาง กกต.ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว คาดว่าน่าจะได้ผลสรุปในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ส่วนกรณีที่นายกฯ ยืนยันว่าการจัดรายการชิมไปบ่นไปนั้น ไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้าง แต่เป็นเพียงการรับจ้างนั้น เรื่องนี้คงต้องมีการตรวจสอบ โดยเฉพาะประเด็นในสัญญาการว่าจ้างเป็นสำคัญ โดยต้องตรวจสอบในประเด็นดังนี้ 1.มีการทำสัญญาว่าจ้างให้จัดรายการแบบถาวรหรือไม่ 2.บริษัทอะไรเป็นเจ้าของรายการ หากตรวจสอบพบว่ามีการจัดทำสัญญาดังกล่าวจริง จะถือว่าเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามนายกฯ และรัฐมนตรี จะเป็นลูกจ้างของเอกชนไม่ได้


 


พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เพราะไปรับจ้างการจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป" ทางช่อง 3 และททบ.5 กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากประธาน กกต. เพื่อให้รับทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนฯกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เห็นคำสั่งการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ  ทั้งนี้ หาก เห็นหนังสือการแต่งตั้งการสืบสวนสอบสวนจาก กกต.แล้ว ก็จะเริ่มต้นการสืบสวนทันที ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรกับการทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว  ถ้ามีข้อเท็จจริงปรากฏก็จะพิจารณาไปตามข้อมูลหลักฐาน  เพราะเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยแนวทางการทำงานได้--จบ--



เทพไทจี้ไอซีทีปิด 29 เว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูง


เว็บไซต์ไทยรัฐ - นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบเว็บไซต์ที่เข้าข่ายกระทำการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมากกว่า 29 เว็บไซต์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงไอซีที เร่งดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าวทันที พร้อมทั้งจัด ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเฝ้าระวังและติดตามอย่างจริงจัง ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนระบุว่า มือที่มองไม่ เห็นคือหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตัวจริงนั้น อยากให้คนของพรรคพลังประชาชนระบุมาให้ชัดว่า มือที่มองไม่เห็นเป็นใคร เพราะหัวหน้าพรรคตัวจริงคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น ดังนั้น พรรคพลังประชาชนสมควรกลับไปตรวจสอบหัวหน้าพรรคของตัวเองก่อนว่า นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงหรือไม่


 


ขณะที่เมื่อวันที่ 19 พ.ค. พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงคดีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวนคดี สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม ให้ดำเนินคดี กับนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง กรณีที่กล่าวบรรยายกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2550 ว่า กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับคำถอดเทปที่เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการแปลเป็นภาษาไทย โดยกองการต่างประเทศทราบดีว่า ต้องรีบดำเนินการเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน


 


 






คุณภาพชีวิต


 


ตร.ดีเดย์จับจริงโทรแล้วขับวันนี้


พิมพ์ไทย -  พล.ต.ต.ภานุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าการว่ากล่าวตักเตือนผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถในช่วงที่ผ่านมา พบผู้กระทำผิดจำนวนเกือบ 2 พันราย โดยอ้างสาเหตุมาจากการใช้อุปกรณ์เสริมของโทรศัพท์ไม่เป็น และไม่ทราบวิธีการใช้ หรือโทรศัพท์มีรุ่นเก่า ฯลฯ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้วิธีการว่ากล่าวตักเตือนผู้ขับขี่ไปก่อน ทำให้สถิติของผู้กระทำผิดมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และในวันที่ 20 พ.ค. นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มกวดขันจับกุมอย่างจริงจังกับผู้ฝ่าฝืนดังกล่าวแล้ว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในการรณงค์ดังกล่าว กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้จัดให้มีการแจกอุปกรณ์เสริมสมอลล์ทอล์ค จำนวน 3,000 ชุดให้กับผู้ขับขี่ รถแท็กซี่ และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการบริการสาธารณะตลอด 24 ชั่วโมง แก่คนกรุงเทพฯ เนื่องจากผู้ขับขี่จำเป็นต้องใช้สมาธิ และต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพ ของผู้โดยสารเป็นหลัก หากใช้โทรศัพท์ขณะขับรถอาจเกิดอันตรายได้ พร้อมทั้งขอเชิญชวนประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ถนนในประเทศไทยปลอดจากอุบัติเหตุ และร่วมกันเฝ้าระวังผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ โดยส่งภาพถ่ายหรือภาพคลิปวิดีโอผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ มาที่ www.trafficepolice.go.th และ www.ddd.co.th--จบ


 


สั่งรื้อแผนฟื้นฟู ขสมก.โละใหม่หมด


เดลินิวส์ - นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดนัดแรก ว่า บอร์ดได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารโดยมี พล.อ.รังสาทย์ แช่มเชื้อ บอร์ด ขสมก.เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่ทบทวนแผนปรับโครงสร้างในการฟื้นฟูการบริหารภาระทางการเงินทั้ง 15 ข้อ ที่บอร์ดชุดเก่าเคยอนุมัติไว้ ทั้งเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์รถเมล์ การปรับปรุงเส้นทางเดินรถ การใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ การปรับลดจำนวนพนักงานด้วยโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบต่อทั้งผู้โดยสารและพนักงานของ ขสมก.เอง จึงต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ภายใน 3 เดือน คณะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวจะต้องสรุป อย่างไรก็ตามคาดว่าหากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนจะได้เห็นรถเมล์ใหม่ลอตแรกในช่วงต้นปีหน้า


 


นายปิยะพันธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้บอร์ดยังได้มีมติปรับแก้ระเบียบการเข้าร่วมเดินรถของเอกชนที่บอร์ดชุดที่แล้วได้อนุมัติไว้ เนื่องจาก ขสมก.ได้รับการร้องเรียนปัญหาจากผู้ร่วมสัมปทานในหลายเรื่อง อาทิ เปลี่ยนข้อกำหนดเรื่อง 1 นิติบุคคลสามารถเดินรถได้เส้นทางเดียวเป็นหลายเส้นทางได้ อนุมัติให้เอกชนสามารถโอนสิทธิเจ้าของรถให้กับสถาบันการเงินที่ให้เงินกู้ได้เพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการปรับปรุงคุณภาพรถ จากที่ได้มีกำหนดห้ามโอนสิทธิไว้ ลดการเก็บเงินประกันอุบัติเหตุในการเซ็นสัญญาจาก 30,000 บาท   เหลือ 15,000 บาท และขยายระยะเวลาชำระหนี้ค่าตอบแทนจากเดิม 5 ปีเริ่มตั้งแต่  เดือน ม.ค. 2551 เป็น 5 ปีนับจากวันสิ้นสุดสัญญาเดินรถเก่า นอกจากนี้ยังแก้ระเบียบเดินรถมินิบัสหากเอกชนเปลี่ยนรถใหม่เป็นรถแอร์ให้ใช้รถขนาด 10 เมตร ได้จากเดิมกำหนดไว้ที่ 8 เมตร แต่ถ้าจะใช้ขนาด 12 เมตร ต้องยุบจำนวนรถลง 2 คัน ต่อรถแอร์ขนาด 12 เมตร 1 คัน


 


รายงานข่าวแจ้งว่า ในแผนฟื้นฟูดังกล่าว เป็นที่แน่ชัดว่าจะไม่มีการนำรถเก่ามาเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นเอ็นจีวี เนื่องจากรถมีสภาพเก่าเปลี่ยนไปก็ไม่คุ้ม ซึ่งจะมีนโยบายจัดหารถใหม่มาแทนทั้งหมด


 


 






ต่างประเทศ


 


มหาเธร์ลาออกจากอัมโน กดดันบาดาวีให้ลาออก


โพสต์ทูเดย์ - เอเอฟพี รายงานว่า มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศลาออกจากพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของมาเลเซียแล้ว เพื่อประท้วงต่อนายกรัฐมนตรี อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี อดีตลูกหม้อเก่าที่ยังคงปฏิเสธไม่ลาออกจากตำแหน่ง คาดว่าการลาออกครั้งนี้ของมหาเธร์จะเป็นการกดดันบาดาวีอย่างรุนแรงทีเดียว


 


มหาเธร์ แถลงว่า เจ้าตัวลาออกจากพรรคอัมโนในครั้งนี้ก็เพื่อประท้วงที่บาดาวียังดื้อดึงไม่ลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ หลังจากที่พาพรรคอัมโนถึงจุดตกต่ำได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาน้อยเกินความคาดหมาย


 


"ผมขอประกาศในวันนี้ว่า ผมขอลาจากอัมโน" มหาเธร์ ย้ำชัด พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกอัมโนคนอื่นๆ ลาออกตามด้วย ขณะที่ทางด้านนักวิเคราะห์การเมืองเห็นว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของมหาเธร์ จะทำให้เกิดการแตกแยกในอัมโนอย่างรุนแรง และอาจจะทำให้รัฐบาลหมดอำนาจลงด้วย


 


"ทางหนึ่งสำหรับพวกเราก็คือ เราจะต้องลาออกพร้อมๆ กันจำนวนมาก ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปร่วมกับฝ่ายค้าน แต่เป็นทางเดียวที่เราทำได้ในขณะนี้" มหาเธร์ อดีตผู้นำมาเลเซียในวัย 82 ปี กล่าว และว่า เจ้าตัวจะกลับสู่พรรคอีกครั้งก็ต่อเมื่อบาดาวีลาออกเท่านั้น


 


ขณะเดียวกัน ทางด้านหนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์ รายงานด้วยว่า  ซานูซี จูนิด ซึ่งเป็นสมาชิกพรรค อัมโนที่จงรักภักดีกับมหาเธร์ ก็ได้ประกาศลาออกเช่นเดียวกัน


 


ชาห์รีร์ ซามัด รัฐมนตรีประจำคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของอัมโน กล่าวว่า การลาออกของมหาเธร์ครั้งนี้ อาจทำให้สมาชิกพรรคคนอื่นๆ ลาออกตาม และจะบีบบังคับให้บาดาวียุบสภาและเลือกตั้งกันใหม่


 


ญี่ปุ่นคว้าโอกาสส่งข้าวฟิลิปปินส์ 2 แสนตัน


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - บลูมเบิร์ก รายงานอ้างการกล่าวของ โทชิโระ ชิราสุ รัฐมนตรีช่วยการเกษตรของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ว่า ญี่ปุ่นอาจส่งออกข้าว 2 แสนตัน ให้กับฟิลิปปินส์ตามคำเรียกร้อง เพื่อช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนข้าว หลังจากที่ฟิลิปปินส์ไม่สามารถประมูลข้าวได้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ


 


ชิราสุ กล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องการส่งออกข้าวล็อตดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์ยังได้เจรจากับผู้ส่งออกข้าวเอกชน เพื่อนำเข้าข้าวญี่ปุ่นอีก 5 หมื่นตัน ซึ่งอาจตกลงนำเข้าได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า


 


ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่ขัดข้องหากญี่ปุ่นจะส่งออกข้าวให้กับฟิลิปปินส์ เพื่อบรรเทาราคาข้าวในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวในปีนี้ และจะไม่ยื่นเรื่องคัดค้านในองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) แต่อย่างใด


 


ทั้งนี้ ราคาข้าวตลาดชิคาโกได้ลดลงอย่างฮวบฮาบในการปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังมีสัญญาณว่า ญี่ปุ่นและปากีสถานจะเพิ่มปริมาณการปลูกและส่งออกข้าว


 


สำหรับราคาข้าวในตลาดชิคาโกเมื่อวานนี้ ปรับตัวขึ้น 0.4% ไปอยู่ที่ 20.15 เหรียญสหรัฐต่อ 100 ปอนด์ ซึ่งนับว่ามีราคาลดลงถึง 20% จากราคาข้าวที่เคยพุ่งทำสถิติสูงสุด 25.07 เหรียญสหรัฐ เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา


 


วันเดียวกัน สำนักงานอาหารแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์จะเปิดการประมูลข้าวจากภาคเอกชน 141,440 ตัน ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการประมูลที่ตกค้างมาจากรอบวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งมีการเปิดประมูลข้าว 1.63 แสนตัน ทว่ารัฐบาลสามารถประมูลไปได้เพียง 21,560 ตันเท่านั้น


 


ทั้งนี้ ราคาข้าวได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 88% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ เช่นเดียวกับราคาธัญพืชที่เพิ่มขึ้น 63% และราคาข้าวโพดที่สูงขึ้น 54% ก่อนที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรในเดือน เม.ย. จะลดลงมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากปริมาณอุปทานจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกเพิ่มขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net