Skip to main content
sharethis


เขื่อนปองลองบนกำลังดำเนินการก่อสร้าง (Photo: YMEC)


รายงานล่าสุดเผยประชาชนกว่า 3,500 คนรวมทั้งชาวคะยันที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของรัฐฉานกำลังจะกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ หลังจากมีการสร้างเขื่อนตรงเนินเขาปินมะนา


องค์กรสหภาพสตรีคะยาได้ออกรายงานเล่มล่าสุดชื่อ Drowning the Green Ghosts of Kayanland ซึ่งเปิดเผยว่า การสร้างเขื่อนปองลองตอนบนจะทำให้หมู่บ้าน 12 แห่งถูกน้ำท่วม และทำให้พื้นที่อุดมสมบูรณ์กว่า 5,000 เอเคอร์ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเนย์ปีดอว์ไปเพียง 40 กิโลเมตร ต้องจมอยู่ใต้น้ำ


มู คะยัน โฆษกขององค์กรสหภาพสตรีคะยันกล่าวว่า "เมื่อสี่สิบปีก่อน พวกเราสูญเสียดินแดนเพื่อให้คนในกรุงย่างกุ้งได้ใช้ไฟฟ้า และตอนนี้บ้านของเรากำลังจะจมอยู่ใต้น้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับกรุงเนย์ปีดอว์อีกครั้ง"


เขื่อนปองลองตอนบนมีความสูง 99 เมตรสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 140 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังเป็นตัวเพิ่มปริมาณน้ำที่ปล่องลงสู่เขื่อนปองลองตอนล่าง ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังผลิตให้กับเขื่อนปองลองตอนล่างที่สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2548 และผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับกรุงเนย์ปีดอว์ในปัจจุบัน


ในขณะนี้ เขื่อนปองลองตอนบนกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโดยจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2552 ที่จะถึงนี้ ซึ่งบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างคือบริษัทYunnan Machinery and Export Co Ltd ของจีน หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ 24 รายของจีนที่เข้ามาก่อสร้างเขื่อนในพม่าในพม่ามา ทั้งที่สร้างเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร่าง


ขณะเดียวกันในรายงานระบุว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งการบังคับใช้แรงงานที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่สร้างเขื่อน ซึ่งเต็มไปด้วยทหารพม่าได้นำกำลังเข้าไปรักษาความปลอดภัย


อ่องเญะ นักสิ่งแวดล้อมชาวคะเรนนีที่ดำรงเลขาธิการเครือข่ายแม่น้ำพม่า กล่าวว่า ทหารพม่าพร้อมอาวุธครบมือได้เข้าประจำในพื้นที่สร้างเขื่อน โดยบังคับชาวบ้านไปเป็นแรงงานก่อสร้างและไม่อนุญาตให้ชาวบ้านทำงานในไร่ของตนเอง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้


ในรายงานยังระบุอีกว่า การที่ทหารพม่าเคลื่อนกำลังพร้อมอาวุธมายังแม่น้ำปองลองใกล้กับบริเวณสร้างเขื่อนนั้น ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงที่เคยทำไว้กับกองกำลัง Kayan New Land Party (KNLP) ในปี 2537 โดยกอง KNLP ก่อตั้งขึ้นในปี 2507 เพื่อต่อต้านการสร้างเขื่อนโมบีในรัฐคะเรนนี ซึ่งเป็นการสร้างเขื่อนขนาดยักษ์ครั้งแรกในประเทศพม่า


ทั้งนี้ การก่อสร้างเขื่อนในครั้งนั้นทำให้หมู่บ้าน 100 แห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้ชาวคะยันและชาวปะด่อง หรือกะเหรี่ยงคอยาวในรัฐคะเรนนีต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย และบางส่วนต้องอพยพมายังประเทศไทย นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนกว่าแปดพันคนในเมือง Pekhon ทางตอนใต้ของรัฐฉาน ซึ่งมีทั้งชาวคะยันไร้ที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม ชาวคะยันเป็นชนชาติดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ระหว่างชายแดนทางตอนใต้ของรัฐฉานกับทางตอนเหนือของรัฐคะเรนนีและรัฐกะเหรี่ยง มีประชากรราวสองแสนคน ชนชาติคะยันแบ่งย่อยเป็น 4 ชนเผ่า เผ่าที่มีจำนวนมากที่สุดคือเผ่าปะด่อง


ติดตามอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ www.salweenwatch.org


...................................................................................................................................



CHUEM NEWS โดย ศูนย์ข่าวสาละวิน ติดตามสถานการณ์ในพม่าและบทความต่างๆ ที่น่าสนใจได้ที่ www.salweennews.org

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net