เมื่อวันที่ 2 ก.ค  ศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำร้องของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ร้องขอฉุกเฉินให้ศาลเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ในคดีที่ครูและผู้ปกครองโรงเรียนราชวินิตมัธยม ยื่นฟ้อง 5 แกนนำพันธมิตรฯ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เรื่องละเมิด โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลมีคำสั่งให้พันธมิตรฯ เปิดถนน และงดใช้เครื่องขยายเสียง ในวันจันท์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 07.30 น. - 16.30 น. ไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิการชุมนุม แต่เป็นไปเพื่อปกเอกสิทธิ์ของประชาชน

ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน ของฝ่ายพันธมิตรฯที่ได้ยื่นคำร้องไปใน 2 ประเด็น คำสั่งศาลถือว่าผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เรื่องการกำจัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม และประเด็นที่สอง สาเหตุที่ต้องปิดกั้นถนนโดยรอบสถานที่ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าจะมีกลุ่ม นปก.เข้ามาก่อเหตุทำร้ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม

นายสุวัตร กล่าวว่า การที่ศาลระบุคำสั่งดังกล่าวไม่ได้เป็นการห้าม หรือกำจัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม แต่เป็นการสั่งให้มีการเปิดการจราจร บนถนน เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ เป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามมาตรา 63 เช่นกัน ส่วนประเด็นที่สอง ศาลเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมายที่จะยกมากล่าวอ้าง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนเปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งยกคำร้องทั้งหมด

ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปตนกำลังคัดสำเนาคำพิพากษาเพื่อนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเชื่อว่าคำวินิจฉัยในวันนี้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์กฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วอย่างนี้การใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตาม รัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นไม่ได้เพราะถูกกฎหมายแพ่งครอบงำ

นายสุวัตร ยืนยันว่า หลังเวลา 16.30 น.ในวันจันทร์ถึงศุกร์ การชุมนุมยังคงเป็นไปตามปกติ สามารถปิดถนนและใช้เครื่องขยายเสียงได้ ส่วน เสาร์-อาทิตย์ สามารถชุมนุมได้ทั้งวัน