Skip to main content
sharethis

ไทบ้านปากมูนจัดงาน "ลอยอังคารสู่ธารา รับขวัญปลาสู่แม่มูน" แด่ "มด"วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ "ปุ๋ย" นันทโชติ ชัยรัตน์และลูกชาย ก่อนลงเรือนำอัฐิไปลอยกลางลำน้ำหน้าประตูเขื่อนปากมูล พร้อมร่วมประกาศเจตนารมณ์จะสู้ต่อไป เพื่อให้สังคมไทยมีความเสมอภาคและยุติธรรม

 

 

วานนี้ (6 ก.ค.) ณ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน (พิพิธภัณฑ์บ้านปากมูน) บ้านน้ำสร้าง ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านสมัชชาคนจนกรณีปัญหาผลกระทบจากเขื่อนปากมูล ได้ร่วมกับองค์กรเครือข่าย และญาติผู้เสียชีวิต จัดงาน "ลอยอังคารสู่ธารา รับขวัญปลาสู่แม่มูน" เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ และนันทโชติ ชัยรัตน์ สองแกนนำคนสำคัญในการต่อต้านเขื่อนปากมูล รวมทั้งเด็กชายไกรพล ไชยรัตน์ พร้อมประกาศสืบต่อเจตนารมณ์ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิชุมชนของผู้วายชนม์

 

ทั้งนี้ วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.50 ส่วนนันทโชติ ชัยรัตน์เสียชีวิตพร้อมเด็กชายไกรพล ไชยรัตน์ ลูกชายวัย 4 ขวบ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากไปช่วยชาวบ้านเจราจากรณีปัญหาเขื่อนราษีไศล เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา  

 

กิจกรรมในงานลอยอังคารฯ เริ่มตั้งแต่เวลา 7.00น. ชาวบ้านปากมูนร่วมกับญาติผู้เสียชีวิตถวายภัตตาหารเช้าและสังฆทานแด่พระสงฆ์ ก่อนจะมีการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อมือรับขวัญผู้ที่มาร่วมงาน โดยมี น.ส.สมภาร คืนดี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการประสบอุบัติเหตุพร้อมกับนายนันทโชติ หลังจากที่อาการบาดเจ็บได้ทุเลาลงมากก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในวันนี้ด้วย

 

หลังเสร็จพิธีกรรมทางศาสนา มีการจัดเวที "รำลึกบทเรียนและวีรภาพของวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ และนันทโชติ ชัยรัตน์" โดยผู้มาร่วมงานและตัวแทนจากหลายเครือข่าย อาทิ รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ นิกร วีสเพ็ญ ทนายความ สนั่น ชูสกุล นักเขียนและนักพัฒนาสังคม สมบุญ ศรีคำดอกแค ผู้ประสานงานสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงาน หาญณรงค์ เยาวเลิศ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

 

เตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา สุนทรี เซ่งกิ่ง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช) ภาคอีสาน วิโชติ ไกรเทพ อดีตเจ้าหน้าที่ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า ยายไฮ ขันจันทา แม่เฒ่านักต่อสู้ชื่อดังจากกรณีเขื่อนห้วยละห้า จ.อุบลราชธานี ตัวแทนชาวบ้านจากรณีเขื่อนราษีไศล และตัวแทนชาวบ้านกรณีเขื่อนปากมูล ต่อด้วยการเสวนาบทเรียนแห่งภารกิจต่อไป โดยบัณฑร อ่อนดำ และบำรุง บุญปัญญา

 

"พี่มด และปุ๋ยไม่ได้หายไปไหน แต่ทั้งสองเป็นความคิดที่จะต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมของอำนาจรัฐทั่วทุกหนทุกแห่ง เราอย่าทิ้งเจตนารมณ์ของ มด วนิดา และ ปุ๋ย นันทโชติ ทั้งสองคนจะอยู่กับพี่น้องตลอดไปจนกว่าเขื่อนปากมูลจะเปิดตลอดไปและกลายเป็นเพียงแค่สะพานธรรมดา"  นิกร วีสเพ็ญ กล่าวรำลึกถึงผู้ที่จากไป

 

แม่สมปอง เวียงจันทร์ แกนนำชาวบ้านปากมูลกล่าวว่า เวลาที่ผ่านมาชาวบ้านได้สั่งสมประสบการณ์และเรียนรู้การต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้จากไปทั้งสองคนเป็นผู้ช่วยเหลือ แม้ทั้งสองคนจะจากไปแต่วันนี้ก็ได้มีมด (วนิดา) และ ปุ๋ย (นันทโชติ) เกิดขึ้นมากมาย ชาวบ้านยังพร้อมมีจิตใจที่จะต้อสู้อยู่เสมอ เพราะปัญหาในพื้นที่ยังคงมีอยู่ อย่างตอนนี้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลา 4 เดือนของการเปิดเขื่อน แต่มันก็ล่าช้ากว่าฤดูกาลที่ปลาจะขึ้นมาวางไขที่จะต้องเปิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นี่ก็เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องต่อสู้ต่อไป

 

เมื่อเป้าของการให้เปิดเขื่อนตลอดไม่ประสบผล ก็ต้องมีทางแก้อื่นที่ทำให้ชาวบ้านอยู่ได้ ต้องมองอนาคตที่ยังยืนแก่ชาวบ้าน การเปิดประตูเขื่อน 4 เดือนแล้วอีก 8 เดือนชาวบ้านจะทำอะไร จะอยู่อย่างไร ต้องหาทางแก้

 

ด้านบัณฑร อ่อนดำ กล่าวให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจต่อไปของชาวบ้านปากมูลว่า การต่อสู้ของชาวบ้านยังคงต้องมีต่อไป แต่ต้องเป็นการต่อสู้ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาตัวเองในพื้นที่ เพราะการต่อสู่ที่ผ่านมาให้บทเรียนแล้วว่าการต่อสู้โดยใช้ม็อบชาวบ้านเดินถนนไปเรียกร้องอย่างเดียวไม่ได้ผล ดังนั้นจึงต้องหันมาช่วยกันพัฒนาทรัพยากรดินน้ำป่าในพื้นที่ให้ชาวบ้านอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง ควบคู่ไปกับการรวบรวมข้อมูลความรู้ต่างๆ ส่วนการเคลื่อนไหวควรเน้นหนักในประเด็นวิถีชีวิตที่เกี่ยวพันธ์กับห่วงโซ่อาหาร เพราะการวางไข่ของปลาที่ถูกตัดวงจรไปเนื่องจากการปิดเขื่อน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลกระทบไปในวงกว้าง

 

สำหรับการทำงานในสมัชชาคนจน นายบัณฑรกล่าวว่า ในส่วนงานที่หน้าที่นันทโชติดูแลได้มีการจัดหาคนเพื่อมาทำหน้าที่ต่อไปไว้แล้ว และต่อไปสมัชชาคนจนเองจะมีการพูดคุยกันภายในเพื่อให้การเกาะกลุ่มแน่นเหนียวมากขึ้น จากภาพที่แต่ละภูมิภาคจะเคลื่อนไหวในประเด็นที่ต่างกัน เช่น ภาคเหนือเน้นเรื่องป่า ภาคกลางเน้นเรื่องน้ำ และภาคใต้เน้นเรื่องประมงพื้นบ้าน ก็จะมีการหยิบยกปัญหาเกี่ยวกับการจัดการที่ดินมาเป็นประเด็นร่วมกันในการเคลื่อนไหว เพราะแต่ละภาคล้วนแล้วแต่มีปัญหาเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้

 

ช่วงบ่าย หลังจากร่วมรับประทานอาหารวัน ในเวลาประมาณ 14.00น.ขบวนรถบรรทุกข้าวของและผู้ร่วมงานจึงได้เดินทางออกจากศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านมุ่งหน้าสู่เขื่อนปากมูล แล้วนำรถไปจดไว้บริเวณทางเข้าก่อนจัดขวนเดินเท้าแห่อัฐิและดอกไม้ธูปเทียนข้ามสันเขื่อน เพื่อนำไปลอยอังคารยังเขื่อนปากมูลซึ่งได้ยกประตูเขื่อนทั้ง 8 บานขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามมติของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูลที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประทาน

 

ระหว่างเดินขบวนมีการเปิดเพลงเพื่อรำลึกถึงผู้ตาย และการไฮปาร์กถึงความเลวร้ายของเขื่อนที่ทำลายชีวิตของชาวบ้านคลอกันไปตลอดเส้นทางของสันเขื่อน ในช่วงหนึ่งของการไฮปาร์กแม่สมปอง เวียงจันทร์ แกนนำชาวบ้านคนหนึ่ง ได้กล่าวว่า การนำอัฐิมาลอยยังประตูเขื่อนปากมูลในวันนี้เป็นการยืนยันต่อเจตนารมณ์ของผู้ตายที่คัดค้านเขื่อนมาตั้งแต่ต้น และขอให้ดวงวิญญาณทั้งสามช่วยดลบันดาลให้ประตูเขื่อนปากมูลเปิดตลอดไป

 

ที่บริเวณแก่งหินเหนือเขื่อนปากมูล ก่อนจะมีการลอยอังคาร ชาวบ้านได้ทำพิธีขอขมาแม่น้ำและโปรยดอกไม้ให้ไหลเป็นทางตามกระแสน้ำ จากนั้นญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านบางส่วนจึงได้ลงเรือเพื่อทำการลอยอังคารบริเวณหน้าประตูเขื่อนปากมูลด้วยบรรยายแห่งความเศร้าสลด

 

หลังจากพิธีลอยอังคารเสร็จสิ้น ชาวบ้านได้มารวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมร่วมกันอ่านคำประกาศเจตนารมณ์ "จวบจนน้ำมูลเหือดแห้ง บ่อลืมเจ้าผู้จากไป" ยืนยันที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้วายชนม์ โดยจะร่วมแรงร่วมใจ ร่วมต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนทุกๆ กรณีปัญหา และจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้สังคมไทยมีความเสมอภาคและยุติธรรม ด้วยความสมัครสมานสามัคคีฟันฝ่าปัญหาอุปสรรค เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายอันสูงสุด

 

 

 

จวบจนน้ำมูนเหือดแห้ง

 

คำประกาศเจตนารมณ์

 

เนื่องในวโรกาส "ลอยอังคารสู่ธารา รับขวัญปลาสู่แม่มูล"

 

นับตั้งแต่เริ่มมีการพัฒนาประเทศ ก็เริ่มเกิดอาเพศสร้างปัญหารุมเร้า เข้าทำลายระบบนิเวศ คุกคามเขตเมืองบ้านล่มสลาย ขาดรายได้ในการทำมาหากิน สูญสิ้นวิถีชีวิต เกิดวิกฤตความมั่นคงทางอาหาร นักต่อสู้ถูกระรานเข่นฆ่าล้มตายไปหลายคน ปัญหาความยากจนยังแก้ไม่ได้ เพราะรัฐไทยฉ้อฉล ผู้นำมีแต่คนไม่เอาไหน ไม่ใส่ใจแก้ปัญหา ไม่กล้ารับผิดชอบ ไม่เคยยึดระบอบความถูกต้องเป็นธรรม ทำแต่เรื่องประโยชน์ตนและพวกพ้อง พี่น้องคนจนจึงไม่อยากทนรั้งรอ บัดนี้เราจึงขอลุกขึ้นสู้ทวงสิทธิ์ คิดแก้ปัญหาด้วยพลังตน ทุกแห่งทุกหน คนจนจะลุกตื่นขึ้น สู้! สู้! สู้!

 

วันนี้ ณ หัวงานเขื่อนปากมูล ซึ่งเป็นผลงานแห่งความอัปยศแห่งรัฐไทยแห่งนี้ พวกเราทั้งหลายในนามสมัชชาคนจนที่มาจากทุกแห่งหนทั่วประเทศ ขอประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่า

 

๑.เราจะสืบทอดเจตนารมณ์ ของวีรชนคนกล้าผู้จากลาพวกเราไป การจากไปของพวกเขาจะไม่มีวันลดทอนจิตวิญญาณการต่อสู้ของมวลชนที่ถูกกดขี่ลงไปได้

 

๒.พวกเราจะร่วมแรงร่วมใจ ร่วมคิดร่วมทำ ร่วมต่อสู้ เพื่อการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนทุกๆ กรณีปัญหา และจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้สังคมไทยมีความเสมอภาคและยุติธรรม

 

๓.เราจะร่วมมือกันอย่างกลมเกลียว สมัครสมานสามัคคี เพื่อฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคที่มาขัดขวางการแก้ปัญหา เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดของพวกเราให้จงได้

 

           เพราะเราคือ

           สมัชชาคนจน

ประกาศเมื่อ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๑

         ณ เขื่อนปากมูล

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net