Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 14 ก.ค. พ.ต.ท.ชำนาญ บุญเหมาะ สารวัตรเวร สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากทาง รพ.หัวหิน ว่ามีนักศึกษาประสบอุบัติเหตุมารักษาตัวแต่เสียชีวิตแล้ว จึงรุดไปตรวจสอบ


 


ทราบชื่อนายกฤษณะ ฉัตรสุวรรณ หรือแชมป์ อายุ 25 ปี เป็น นศ.ชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีโลจิสติกส์และการจัดการระบบขนส่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย อยู่บ้านเลขที่ 25/1 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ


 


โดยมีบาดแผลถูกกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนแรง มีเลือดคั่งในสมองเป็นจำนวนมาก ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำหลายแห่ง แพทย์รับตัวไว้รักษาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ก.ค. ในสภาพหมดสติ โดยส่งต่อมาจาก รพ.ประจวบคีรีขันธ์ นำตัวเข้าห้องผ่าตัดสมองนานกว่า 6 ชม. ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อเวลา 04.00 น.คืนวันที่ 14 ก.ค.


 


จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเดินทางมาท่องเที่ยวกับเพื่อนร่วมสถาบันประมาณ 20 คน โดยเข้าพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา จากการสอบถามเพื่อนผู้ตายอ้างว่า ระหว่างที่ลงไปเล่นน้ำทะเล ผู้ตายเกิดสะดุดล้มไปกระแทกกับก้อนหินอย่างแรงถึงกับหมดสติ จึงช่วยกันนำส่งสถานีอนามัยตำบลธงชัย แต่อาการโคม่าจึงส่งเข้า รพ.บางสะพาน และส่งไป รพ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 13 ก.ค. แพทย์เอกซเรย์พบมีเลือดออกในสมองซีกขวาจำนวนมาก แต่ทาง รพ.ไม่มีเครื่องมือเพียงพอ จึงส่งต่อมารักษาที่ รพ.หัวหิน ในวันเดียวกัน จนกระทั่งเสียชีวิตก่อนรุ่งเช้าวันที่ 14 ก.ค.


 


 


มารดาเชื่อบุตรชายเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไม่ใช่รับน้อง


ต่อมาเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน นางสุรินทร์ ฉัตรสุวรรณ อายุ 50 ปี มารดาผู้ตายพร้อมญาติได้เดินทางมาดูศพบุตรชายด้วยสีหน้าเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก ก่อนจะเปิดเผยว่า บุตรชายขออนุญาตมาเที่ยวทะเลกับ เพื่อนๆและรุ่นพี่ ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีการรับน้องรุนแรงจนทำให้บุตรชายเสียชีวิตหรือไม่นั้น เท่าที่สอบถามจากเพื่อนสนิทของบุตรชาย ยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่การรับน้อง ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บุตรชายก็ประสบอุบัติเหตุขี่รถ จยย.ไปชนกับรถสิบล้อ ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนจนต้องนอนรักษาตัวอยู่นาน และมีอาการปวดศีรษะมาตลอด เท่าที่คุยกับแพทย์ผู้รักษาก็ระบุว่าศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนจนมีเลือดคั่งในสมอง โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเสียชีวิตของบุตรชายน่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องของการรับน้องอย่างที่มีคนตั้งข้อสงสัย จากนั้น นางสุรินทร์ ได้เข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.ชำนาญ สารวัตรเวรเจ้าของคดีเพื่อรับศพบุตรชายกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใน (สองวิหาร) ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ


 


 


น้าชายเชื่อความตายมีเงื่อนงำ เพราะเป็นการไปรับน้องนอกสถาบัน


อย่างไรก็ตาม สาเหตุการเสียชีวิตของนายกฤษณะ ฉัตรสุวรรณ ยังคงเป็นปริศนาที่สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับญาติอีกกลุ่มหนึ่ง โดยนายจำลอง ปลั่งเปล่ง อายุ 49 ปี น้าชายของนายกฤษณะ ได้โทรศัพท์มาร้องทุกข์ที่ นสพ.ไทยรัฐ ระบุว่าการเสียชีวิตของหลานชายน่าจะมีเงื่อนงำแอบแฝง เพราะจากการสอบถามจากเพื่อนๆ บางคนระบุว่า การเดินทางไป จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. เป็นการรับน้องนอกสถาบันของรุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 และรุ่นพี่ร่วมคณะที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว สภาพศพก็พบร่องรอยที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการถูกทำร้ายมากกว่าอุบัติเหตุลื่นหกล้มธรรมดา จึงอยากให้ทางสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย


 


ทางผู้สื่อข่าวจึงติดต่อสอบถามไปยัง พ.ต.ท.ชำนาญ สารวัตรเจ้าของคดียืนยันว่า หากมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษหรือสงสัยเงื่อนงำการเสียชีวิต ทางพนักงานสอบสวนจะต้องอายัดศพส่งไปผ่าพิสูจน์ให้ละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งจะต้องสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เนื่องจากมารดาผู้ตายไม่ติดใจสงสัยสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้รับไปดำเนินการ หากมีหลักฐานว่าเสียชีวิตผิดธรรมชาติหรือถูกทำร้ายจนเสียชีวิตก็สามารถพลิกคดีกลับมาดำเนินการได้ใหม่ แต่ต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนก่อนจึงจะดำเนินการได้


 


 


เว็บบอร์ดปูดแชมป์เสียชีวิตเพราะ "ทิ้งดิ่ง"


ขณะเดียวกัน ปมการเสียชีวิตของนายกฤษณะถูกนำมาเป็นประเด็นร้อนโพสต์อยู่ในเว็บไซต์ www.bluezone-pantown.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของชาวอุเทนถวาย มีการตั้งกระทู้หัวข้อ เรื่อง "น้องแชมป์ 77 โลจิสติกส์" โดยมีการโพสต์ข้อความบอกเล่าอาการป่วยของน้องแชมป์ ภายหลังจากที่ได้รับอุบัติเหตุ โดย tu68_2kch ลงวันที่ 13 ก.ค. ระบุว่า หลังจากที่แชมป์เข้ารับน้องที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนมีอาการเลือดคลั่งในสมอง อยู่ระหว่างการผ่าตัดกะโหลกด้านหลังทั้งซีกซ้ายและขวา โดยแพทย์ระบุว่าโอกาสรอดเพียงร้อยละ 30 หรือหากฟื้นก็ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้ สำหรับการผ่าตัดในครั้งแรกเสียค่า ใช้จ่ายทั้งสิ้น 52,000 บาท และจะต้องผ่าตัดครั้งที่สองเนื่องจากมีอาการเลือดไหลในสมองเพิ่มขึ้น จึงขอระดมความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล


 


จากนั้นในวันที่ 14 ก.ค. tu68_2kch ได้เข้ามาแจ้งในเว็บไซต์ว่า "แชมป์" เสียชีวิตแล้ว โดยศพตั้งอยู่ที่วัดใน อ.เมืองสมุทรปราการ นอกจากนี้ ได้มีบรรดาเพื่อนรุ่นพี่ชาวอุเทนถวาย โพสต์เข้ามาแสดงความเสียใจกับครอบครัวฉัตรสุวรรณ พร้อมทั้งประณามการกระทำของกลุ่มรุ่นพี่รุ่นที่ 76 (นศ.ชั้นปีที่ 2) โดยระบุว่า การรับน้องแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเรียกร้องให้ยุติการรับน้องแบบ "ทิ้งดิ่ง" ซึ่งรุ่นพี่จะช่วยกันจับขารุ่นน้องยกขึ้นให้สูงจากพื้นประมาณ 1-2 เมตร ก่อนจะปล่อยร่างให้ศีรษะกระแทกกับพื้น ถือเป็นวิธีวัดใจรุ่นน้องรูปแบบหนึ่ง


 


 


รักษาการอธิการบดีชี้เป็นการแอบไปรับน้องนอกสถานที่ ทั้งที่มีคำสั่งห้ามแล้ว


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังนายทวีชัย เหลี่ยมศิริวัฒนา รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย ระบุว่า ได้มอบให้ทางคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรและให้รายงานกลับมาโดยเร็วที่สุด เชื่อว่าวันที่ 15 ก.ค. คงจะทราบเรื่องทั้งหมด เท่าที่ทราบน่าจะเป็นการแอบไปรับน้องกันนอกสถาบันทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยทำตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการรับน้องอย่าง เคร่งครัดมาตลอด โดยเฉพาะห้ามรับน้องนอกสถานที่เด็ด ขาด ถ้าใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษและการรับน้องรวมของมหาวิทยาลัยก็เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย.แล้ว ดังนั้น ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาจากการรับน้องถือว่าเป็นการแอบไปรับน้องกันเอง ทุกคนที่ไปจะถูกลงโทษทั้งหมด รวมถึงคณบดีที่ดูแลถ้ารู้เรื่องแล้วยังปล่อยให้มีการไปรับน้องนอกสถานที่จะต้องถูกลงโทษเช่นกัน ที่ผ่านมาเคยมีการแอบไปรับน้องนอกสถานที่เช่นกันแต่ไม่รุนแรงถึงกับเสียชีวิต เมื่อทางมหาวิทยาลัยทราบก็ลงโทษนักศึกษาตามความผิด ที่มีตั้งแต่พักการเรียน 1 ภาคเรียน หรือ 2 ภาคเรียน และขั้นสูงสุดคือไล่ออก แต่ที่ผ่านมาลงโทษเพียง พักการเรียน 1 ภาคเรียนเท่านั้น


 


ด้านนายมนูญ จิตสำเริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ มทร.ตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เพื่อรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ส่วนการพิจารณาลงโทษรุ่นพี่นั้นยังต้องรอผลการตรวจสอบก่อนว่าเป็นการกระทำของรุ่นพี่ปัจจุบันหรือรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วและมาร่วมรับน้องด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามการออกไปรับน้องของรุ่นพี่ถือว่าผิดระเบียบมหาวิทยาลัยเพราะมีการห้ามไม่ให้ออกไปรับน้องอยู่แล้ว ทั้งนี้ สำหรับงานสวดพระอภิธรรมนั้นทางมหาวิทยาลัยจะเป็นเจ้าภาพสวดด้วย ที่วัดใน (สองวิหาร) ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ


 


 


รมช.ศธ.ยันจะสอบสวนสาเหตุเสียชีวิต แม้พ่อแม่ไม่เอาความ


ขณะที่นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยให้ขอดูใบมรณบัตรที่ระบุสาเหตุการตายของนายกฤษณะด้วย หากพบว่าสาเหตุการตายเกิดขึ้นจากการรับน้องจริง แม้พ่อแม่จะไม่ติดใจเอาความ แต่เมื่อการรับน้องดังกล่าวส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตก็ถือว่าเป็นคดีอาญา ที่จะต้องมีการสอบสวนและแจ้งความดำเนิน คดีเพื่อเอาผิดกับกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด


 


ต่อมาเวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังศาลาสังข์เงิน วัดใน (สองวิหาร) ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ตั้งศพนายกฤษณะ หรือแชมป์ ฉัตรสุวรรณ พบว่ามีกลุ่มอาจารย์และเพื่อนนักศึกษาร่วมคณะประมาณ 50 คน มาร่วมรดน้ำศพด้วยความอาลัย ขณะที่ญาติของผู้ตายกำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเสียชีวิตของนายกฤษณะ โดยฝ่ายนางสุรินทร์ ฉัตรสุวรรณ มารดา ไม่ปักใจเชื่อว่าบุตรชายเสียชีวิตจากการรับน้องของรุ่นพี่ ขณะที่นายจำลอง ปลั่งเปล่ง ซึ่งเป็นน้าชาย กับญาติอีกกลุ่มใหญ่ ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดา เพราะศพของนายกฤษณะมีร่องรอยการถูกทำร้ายหลายแห่ง อยู่ระหว่างปรึกษาเพื่อดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป


 


 


อาจารย์ร่วมงานศพเผยเสียใจ ถ้าไม่รับนอกสถานที่คงไม่เกิดเรื่อง


ด้านนายสืบพงษ์ ม่วงชู อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ฯ ระบุว่ารู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตของนายกฤษณะ เบื้องต้นเท่าที่สอบถามจากเพื่อนที่ไปด้วยกัน ยอมรับว่าถูกรุ่นพี่ปี 2 และรุ่นพี่ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว ชวนไปร่วมกิจกรรมรับน้องนอกสถาบันที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยไม่มีการแจ้งให้ทางคณะทราบเรื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ไปร่วมงานรับน้องทั้งหมดว่ามีใครบ้าง และเกิดอะไรขึ้นกับนายกฤษณะ มีการรับน้องที่รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ คาดว่าไม่เกิน 1-2 วัน คงจะได้ข้อเท็จจริง ใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษและหากมีการทำร้ายร่างกายจนนายกฤษณะเสียชีวิต ก็ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญา "ทางสถาบันมีประกาศห้ามชัดเจนแต่ก็ยังมีการฝ่าฝืนคำสั่งจนเกิดเรื่องขึ้น แม้ว่าหากผลตรวจสอบภายหลังจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุจริงๆอย่างที่มีการกล่าวอ้าง ก็ยังถือว่ามีความผิดอยู่ดี เพราะถ้าไม่ไปรับน้องนอกสถานที่ก็คงจะไม่เกิดเรื่องขึ้นมา" นายสืบพงษ์กล่าว


 


 


บิดาและญาติตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความ


ต่อมาเวลา 20.30 น. คืนวันเดียวกัน หลังเสร็จพิธีสวดพระอภิธรรมศพนายกฤษณะ ฉัตรสุวรรณ แล้วนายประเชิญ ฉัตรสุวรรณ อายุ 55 ปี บิดาของนายกฤษณะ ได้หารือร่วมกับญาติทั้งหมดถึงเบาะแสสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชาย ตามที่นายสืบพงษ์ อาจารย์ประจำคณะฯออกมาระบุว่ามีการรับน้องใหม่จริง ทำให้แนวโน้มว่าการเสียชีวิตของบุตรชายอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาอย่างที่มีการระบุไว้ในตอนแรก ด้านนางสุรินทร์ ฉัตรสุวรรณ มารดา ที่ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก ทางญาติได้แยกพาตัวกลับไปพักที่บ้าน โดยนายประเชิญ พร้อมญาติอีก 2 คน ได้ตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าของท้องที่ที่เกิดเหตุ ในตอนเช้าของวันที่ 15 ก.ค. เพื่อ ให้ตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตและข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง


 


ที่มา: เรียบเรียงจากเว็บไซต์ไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net