Skip to main content
sharethis


จากกรณีที่นายประเชิญ ฉัตร์สุวรรณ อายุ 50 ปี บิดาของนายกฤษณะ ฉัตร์สุวรรณ หรือน้องแชมป์ อายุ 25 ปี นศ.ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เหยื่อรับน้องโหด และนายจำลอง ปลั่งเปล่ง อายุ 49 ปี น้าชาย ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อขอชันสูตรศพ นายกฤษณะ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตใหม่อีกครั้ง


 



เมื่อกลางดึกเมื่อคืนนี้มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เคลื่อนย้ายศพนายกฤษณะจากวัดในสองวิหาร สมุทรปราการส่งชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาสำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เนื่องจากนายประเชิญ ผู้เป็นพ่อ และนายจำลอง น้าชาย ไม่เชื่อว่านายกฤษณะ จะเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ



 


ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ก.ค. นายประเชิญ บิดาของนายกฤษณะ พร้อมญาติได้เดินทางไปรับศพนายกฤษณะกลับมาสวดตั้งพระอภิธรรมที่วัดในสองวิหาร ตามเดิม หลังจากที่ศพของนายกฤษณะ ถูกนำลงจากรถ นางสุรินทร์ ฉัตรสุวรรณ อายุ 50 ปี ผู้เป็นแม่ได้ร้องไห้โฮ พยายามจะวิ่งเข้าไปกอดศพลูกชาย แต่ทางญาติต้องช่วยห้ามปราม เพราะเกรงว่าน้ำตาจะหยดลงไปถูกศพซึ่งเป็นลูกและจะทำให้วิญาณของผู้ตายไปอย่างไม่สงบ



 


หลังจากนั้นได้นำศพบรรจุลงโลงอีกครั้ง ก่อนยกขึ้นตั้งบนศาลาจัดดอกไม้ประดับ เตรียมพร้อมในการสวดพระอภิธรรมในช่วงเย็นของวันนี้ (16ก.ค.) ซึ่งเป็นการสวดพระอภิธรรมเป็นวันที่สาม โดยทางคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก รับเป็นเจ้าภาพ



 


สถาบันนิติวิทยาสำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ ได้มีหนังสือแจ้งสาเหตุการตายมาให้กับญาติผู้เสียชีวิต โดยระบุเหตุการตายว่ามีเลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมองชั้นนอก สมองช้ำ จากการถูกของแข็ง ซึ่งไม่มีคมกระแทก ส่วนรายละเอียดผลการชั้นสูตร ทางสถาบันนิติวิทยาสำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ จะได้ส่งไปให้กลับพนักงานสอบสวน เจ้าของคดีภายใน 30 วัน เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี



 


นายจำลอง ปลั่งเปล่ง อายุ 49 ปี น้าชาย ได้กล่าวว่า ผลการผ่าศพพิสูจน์ศพของหลานชาย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ ได้ทำการพิสูจน์ในครั้งนี้ โดยมีหนังสือใบชันสูตรเล่มที่ 1346 เลขที่ 093 ลงวันที่ 16 ก.ค.ระบุสาเหตุการตายของนายกฤษณะ ว่าเกิดจากมีเลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมองชั้นนอก สมองช้ำ เนื่องจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก โดยมี พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.นต.รพ.ตร.เป็นแพทย์ผู้ชันสูตร


 



ดังนั้น สาเหตุการตายของหลานชาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า สาเหตุการเสียชีวิตของหลานชายตนในครั้งนี้ ไม่น่าที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ตนเองรู้เสียใจเป็นอย่างมาก


 



นายเผชิญ ฉัตร์สุวรรณ อายุ 50 ปี บิดาของน้องแชมป์ กล่าวว่า สาเหตุการตายที่ระบุออกมาว่า บุตรชายเสียชีวิตจากการถูกของแข็ง ไม่มีคมกระแทก ทำให้ยิ่งรู้สึกเสียใจหนักมากกว่าเดิมอีก โดยเฉพาะที่ว่า ทำไมการรับน้องของรุ่นพี่ ทำไมต้องกระทำกันรุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้ตนมีความรู้สึกที่แย่มาก ลูกตนเคยประสพอุบัติเหตุมา ร่างกายไม่แข็งแรง แต่ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ เคยเห็นใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่บ้างไหม เคยคิดไหมว่า การสูญเสียเป็นอย่างไร แม้จะผ่านมาหลายคืน แต่ก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ ภาวนาให้น้องแชมป์ ช่วยเจ้าหน้าที่ดลใจให้จับกุมตัวรุ่นพี่ ที่ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะตนเชื่อว่า ลูกตนน่าจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิต


 



มทร.ตะวันออกเล็งตั้งกก.สอบผู้บริหารอุเทนฯ


 



ด้านนายทวีชัย เหลี่ยมศิริวัฒนา รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ตะวันออก กล่าวว่า ตามระเบียบของมหาวิทยาลัยแล้วการที่นักศึกษาจะขอโอนย้ายมหาวิทยาลัยต้องแจ้งให้ทางนายสมพงษ์ ชีไธสง คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ทราบ ซึ่งการย้ายจะต้องมีเหตุและผล และการอนุมัติหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคณบดี เมื่อมีการอนุมัติแล้วถึงแจ้งมาที่มหาวิทยาลัย เมื่อมีนักศึกษาร้องเรียนมา


 



นายทวีชัย กล่าวอีกว่า จะเร่งสอบถามไปยังรองคณบดี วิทยาเขตอุเทนถวายที่รับผิดชอบเรื่องนี้ว่ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหรือไม่ รวมทั้งจะถามเหตุผลถึงการไม่อนุมัติให้นักศึกษาโอนย้ายด้วย เนื่องจากตามระเบียบการโอนย้ายนั้นจะต้องเรียนครบ 1 ภาคเรียนก่อนถึงจะทำได้ เนื่องจากจะได้ไม่มีปัญหาในการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอื่น


 



อย่างไรก็ตามสำหรับการการสอบสวนข้อมูลกรณี นายกฤษณะ นั้นได้เร่งให้มหาวิทยาลัยดำเนินการให้เร็วที่สุดและรายงานภายในวันที่ 16 ก.ค.นี้ เพื่อเสนอต่อนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ


 



รักษาการอธิการบดีมทร.ตะวันออก กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านักศึกษารุ่นพี่ไม่ยอมมาให้ข้อมูลแก่อาจารย์แล้วยังโทรศัพท์ข่มขู่รุ่นน้องที่ร่วมกิจกรรมไม่ให้ข้อมูลด้วยนั้น เรื่องนี้ได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ฯ ต้องไปหาข้อมูลมาให้ได้โดยวิธีใดก็ตามและเชื่อว่าน่าจะได้ข้อมูลแน่นอนเพราะได้กำชับผู้ช่วยอธิการบดี มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ให้ประสานกับทางสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวายและสมาคมผู้ปกครองให้ช่วยหาข้อมูลเรื่องนี้ด้วยอีกทางหนึ่ง เนื่องจากทางสมาคมฯ จะมีเครือข่ายทั่วประเทศ จึงน่าจะช่วยหาข้อมูลไม่ยาก


 



นายทวีชัย กล่าวต่ออีกว่า ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยมทร.ตะวันออกเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ขอให้ชี้เรื่องที่เกิดขึ้น จึงมอบให้นายสมพงษ์ ชี้แจง โดยได้มีการชี้แจงที่ประชุมว่าขณะนี้มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้วทราบเบื้องต้นว่ามี นักศึกษา 40- 50 คนที่ไปร่วมกิจกรรมรับน้องโดยที่ทางสถาบันไม่รู้เรื่อง ซึ่งสภามทร.ตะวันออกได้กำชับให้นายสมพงษ์ ไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เข้มงวดโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้สอบทางไปยังนายสมพงษ์ ว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้รับยืนยันว่าไม่ทราบ


 



นายทวีชัย กล่าวต่อไปว่า หลังเสนอข้อมูลให้รมช.ศึกษาธิการทราบแล้ว ตนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุด เพื่อตรวจสอบผู้บริหาร มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย รวมทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาว่าทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ เนื่องจากการไปรับน้องครั้งนี้ไปเป็นคณะ ดังนั้น ทางมหาวิทยาลัยและอาจารย์ที่ปรึกษาก็น่าจะรู้เรื่อง และหากทราบแล้วปล่อยปละละเลยก็ต้องลงโทษกัน


 



 "เรื่องที่เกิดขึ้นขอย้ำว่ามหาวิทยาลัยยินดีที่จะรับผิดชอบ ส่วนนักศึกษาที่กระทำผิดต้องรับผิดชอบเช่นกัน แต่ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยพยายามทำตามระเบียบของศธ.แล้ว แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผมรู้สึกผิดหวังกับรุ่นพี่ที่ไปกระทำเช่นนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้วคนที่เข้ามาเรียนระดับมหาวิทยาลัยต้องมีเหตุและผล อีกทั้งเป็นปัญญาชน ไม่ควรไปทำอะไรรุนแรง จึงอยากจะเสนอว่าทางรัฐบาลควรออกกฎหมายเกี่ยวกับการคุมเข้มการรับน้องแต่ละพื้นที่โดยอาจให้มีหน่วยงานช่วยกันดู เช่น หากใครพบเหตุการณ์ว่ามีนักศึกษาไปรับน้องแล้วมีความผิดปกติก็ให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ตามเรื่องที่นักศึกษาบอกว่าการทิ้งดิ่งเป็นประเพณีนั้นอย่ามาอ้างว่าเป็นประเพณี" รักษาการอธิการบดีมทร.ตะวันออก กล่าว


 



ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงกรณีนักศึกษา ขอโอนย้ายนั้นไม่ได้มีแค่มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เท่านั้นที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน จำนวน 30 คน ขอโอนย้ายคณะ โดยให้เหตุผลว่า ทนต่อระบบรุ่นพี่รุ่นน้องไม่ไหว และไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง


 



 "ที่ผ่านมามีหลายกรณี แต่กรณีที่ร้ายแรงที่สุด คือ กรณีที่รุ่นพี่ลากรุ่นน้องไปซ้อมที่สนามฟุตบอล ชี้หน้าด่ากัน ขณะนี้ผมได้เชิญอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมาหารือกัน ในสัปดาห์หน้า เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร เพราะเรื่องถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก ผมยอมไม่ได้ นักศึกษาขอโอนย้าย 30 คน เขาบอกว่าหากไม่จัดการให้เขาจะลาออกและย้ายไปเรียนที่อื่น และหากพบว่าอธิการบดีไม่สนใจคงต้องตั้งคณะกรรมการสอบผู้บริหารด้วย"ดร.สุเมธ กล่าว


 



รศ.ดร.อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อธิการบดีมทร.รัตนโกสินทร์ กล่าวว่า ทุกมทร. ทำตามกฎระเบียบของศธ.ที่ได้รับมา แต่การกระทำที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับน้องรุนแรง ของมทร.กรุงเทพ หรือมทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เป็นเพียงการกระทำของกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งไม่ได้หมายความนักศึกษามทร.กรุงเทพ หรือมทร.ตะวันออก ทุกคนจะไม่ดี อย่างที่ผ่านมา นักศึกษา มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ก็ไปออกกิจกรรมเข้าค่ายปลูกป่าชายเลน เป็นต้น


 



"ทุกมทร.ในขณะนี้ ได้พยายามกำชับไปยังคณบดี องค์การนิสิตนักศึกษา หรือสโมสรนักศึกษา ในการดูแลไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นอีก ส่วนของมทร.รัตนโกสินทร์ นั้น ขณะนี้ ได้ทำกิจกรรมรับน้องเสร็จสิ้นแล้ว และกำชับให้องค์กรนักศึกษาให้ช่วยสอดส่องดูแลนักศึกษาทุกคน และทำความเข้าใจกับพวกรุ่นพี่บางกลุ่มที่ไม่ออกนอกลู่นอกทางไม่ทำตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย" รศ.ดร.อิสสรีย์ กล่าว


 



น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) กล่าวถึงการแก้ปัญหากิจกรรมรับน้องที่มีความรุนแรงว่า ปัญหานี้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจนถึงอาจารย์ฝ่ายพัฒนานักศึกษาควรให้ความสำคัญ ดูแล แนะนำการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมให้กับนักศึกษารุ่นพี่ โดยศูนย์คุณธรรมฯ ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยในภาคเหนือ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยนอร์ทเชียงใหม่ จัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ที่ปฏิรูปการกิจกรรมรับน้องปลอดเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งเสริมให้นักศึกษารุ่นพี่และรุ่นน้องร่วมกันคิดและแสดงความคิดเห็นในการจัดกิจกรรม เพื่อการต้อนรับน้องเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ทั้งนี้ จากการจัดกิจกรรมพบว่า นักศึกษารุ่นน้องต้องการความรัก ความอบอุ่น และความเอื้ออาทรจากรุ่นพี่


 




ที่มา: http://www.komchadluek.net


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net