Skip to main content
sharethis

หลังจากเมื่อวันที่ 22 ก.ค. พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ สว.สส.สน.ชนะสงคราม พร้อมพวกนำหมายศาลเข้าจับกุมน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล อายุ 51 ปี หรือ "ดา ตอร์ปิโด" ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"  ภายหลังกล่าวปราศรัยบนเวทีเสียงประชาชน ที่ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 18 ก.ค. ต่อเนื่องวันที่ 19 ก.ค.โดยพูดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งทาง สน.ชนะสงคราม ได้บันทึกเทปการปราศรัยไว้ และในวันต่อมาได้ถอดเทปการปราศรัยทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ พร้อมตั้งพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดย ตัวน.ส.ดารณีโดยไม่ขัดขืน แต่ปฏิเสธและกล่าวว่าตกเป็นเหยื่อการเมือง


 


ต่อมาเวลา 12.30 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นักวิชาการคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางมายื่นคำร้องขอประกันตัวนางสาวดารณีโดยใช้หลักทรัพย์เป็นตำแหน่งข้าราชการ ระดับ 8 อัตราเงินเดือน 25,000 บาท ซึ่งมูลค่าประกัน 10 เท่า เป็นเงิน 250,000 บาท


 


ผศ.ดร.สุธาชัย กล่าวถึงเหตุผลที่มาประกันตัว น.ส.ดารณีว่า เห็นว่าเป็นการใช้ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือทางการเมืองซึ่งไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วยมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งนี้ จะบอกว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันในคดี แต่ไม่เห็นด้วยในขั้นตอนที่ให้ น.ส.ดารณี ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งต้องไปนอนอยู่ในคุก ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีป้ายสีที่ว่ากันด้วยความคิดเห็นที่ต่างกัน และในช่วงเช้าได้เข้าไปเยี่ยมความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ดีนักคิดว่าถ้าช่วยกันได้ก็ช่วย อย่างไรก็ตาม ถ้าประกันตัวไม่ได้จะดูว่าสามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่


 


ล่าสุด ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ถ้อยคำหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น ตามคำร้องขอออกหมายจับ และคำร้องขอฝากขังต่อศาลครั้งที่ 1 มีข้อความที่ร้ายแรง พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน น่าเชื่อว่าหากปล่อยชั่วคราวอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง


      


รายงานจากกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า หลังน.ส.ดารณี ถูกส่งตัวเข้าคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง ลาดยาว ตั้งแต่คืนวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำน.ส.ดารณี เข้าคุมขังแดน 1 ซึ่งเป็นแดนแรกรับสำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ ต่อมาช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ค.) เจ้าหน้าที่เรือนจำนำตัว น.ส.ดารณี ออกมาทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ และตรวจร่างกาย ก่อนแจกคู่มือติดคุกเพื่อให้ น.ส.ดารณี ปฏิบัติตัวอยู่ในระเบียบเรือนจำอย่างเคร่งครัด รวมถึงให้รับทราบระเบียบในการเยี่ยมญาติและการพบทนายความเพื่อปรึกษาคดี เบื้องต้น น.ส.ดารณี ปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำ สุขภาพจิตดี พูดจาอ่อนน้อม ไม่แสดงอาการก้าวร้าวกับเจ้าหน้าที่ผู้คุม รับประทานอาหารที่เรือนจำจัดให้สำหรับนักโทษได้


 


น.ส.ดารณี ได้ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำว่า ขอนำยาแก้ปวดและยาคลายเครียดเข้ามาในเรือนจำ เพราะจำเป็นต้องรักษาอาการปวดจากฟันกรามหัก ซึ่งเป็นโรคประจำตัวมาตั้งแต่ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ส่วนยาคลายเครียดนั้นขอนำเข้ามารับประทาน เพื่อคลายความกังวลช่วงที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเรือนจำ



ในวันเดียวกัน  พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) กล่าวว่า นอกจากการดำเนินคดี น.ส.ดารณี ในความผิดข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมการออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆ ต่อไป ทั้งผู้ต้องหาที่เป็นบุคคลที่มีการปราศรัยบนเวที การเผยแพร่ทางเว็บไซต์ สถานีเคเบิลทีวีด้วย หรือ ส.ส.ที่พูดพาดพิงในสภาก็ตาม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด และให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และด้วยเกียรติของตำรวจนครบาล



นอกจากนี้ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวยืนยันว่า ทุกกรณีได้ดำเนินการหมดตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเป็นคดีที่มีโทษเกิน 3 ปีขึ้นไป ฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการออกหมายเรียก สามารถออกหมายจับได้ทันที


 



มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ บช.น.อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพิ่มเติมอีกหลายคน จนกระทั่งเวลา 15.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องของ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต เรื่องขออนุมัติหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112


      


พ.ต.ท.ณัฐนิติ หลุ๊ดหล๊ะ สว.สส.สน.ดุสิต ขึ้นเบิกความว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ดูแลการบันทึกภาพและเสียงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พบว่าเมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค.51 เวลา 21.45-22.15 น. นายสนธิ แกนนำพันธมิตรได้ขึ้นปราศรัย โดยมีการกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ที่ น.ส.ดารณี  กล่าวข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบันทึกภาพและเสียงไว้ ก่อนจะถอดเทปเสนอผู้บังคับบัญชาและส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี


      


ด้าน พ.ต.ท.สุรศักดิ์ เบิกความว่า ตนซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าตำรวจผู้ทำการบันทึกภาพ และผู้ถอดเทปคำปราศรัยของนายสนธิ ก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชา ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นเห็นว่าคำพูดของนายสนธิเข้าข่ายกระทำผิดตาม ป.อาญา ม.112 และคดีมีอัตราโทษสูงเกินกว่า 3 ปี ตาม ป.วิอาญา ม.66 (1) จึงเห็นสมควรขอให้ศาลอนุมัติหมายจับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


      


พร้อมกันนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นแผ่นวีซีดีบันทึกภาพการปราศรัย และบันทึกการถอดเทปคำปราศรัยของนายสนธิส่งศาลประกอบการพิจารณาด้วย


      


โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีพยานขึ้นเบิกความ 2 ปาก และส่งมอบแผ่นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ กรณีมีหลักฐานตามสมควรน่าเชื่อได้ว่านายสนธิกระทำผิด หรืออาจกระทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงกว่า 3 ปี จึงมีคำสั่งให้อนุมัติหมายจับตามคำร้อง และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งผลการดำเนินการตามหมายจับมาให้ศาลภายใน 7 วัน


 


 


ที่มาบางส่วนจากเว็บไซต์คมชัดลึก


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net