12 ส.ค. 51 - ราษฎรตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ประมาณ 100 คน รวมตัวกันเดินทางไปขอเข้าพบหัวหน้าโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ ห้วยไผ่ ต.กกตูม เพื่อขอให้ยกเลิกการปลูกกล้าไม้ในที่ทำกินของราษฎร จำนวน
หลังจากเดินทางถึงศูนย์เพาะชำกล้าไม้ ห้วยไผ่ ในเวลาประมาณ 10.40 น. ด้วยรถกระบะ และมอเตอร์ไซค์จำนวนหนึ่ง ราษฎรที่รวมตัวกันมาจาก 4 หมู่บ้าน จึงได้แจ้งความจำนงให้นายปรีชา สิงคะเสลิต หัวหน้าโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนฯ ออกมาพบราษฎรที่รอคอยอยู่ด้านหน้าสำนักงานศูนย์ฯ เพื่อรับฟังข้อเรียกร้องของราษฎร แต่นายปรีชาต้องการให้จัดตัวแทนเข้าพบ ทำให้ราษฎรเกิดความไม่พอใจ แต่ในที่สุด ก็ได้จัดตัวแทนราษฎรรวมทั้งสิ้น 14 คน เข้าพบนายปรีชาบนสำนักงานศูนย์ฯ ในเวลาประมาณ 12.30 น.
จากนั้น ตัวแทนจึงได้แจ้งนายปรีชาว่า ราษฎรทั้งหมดที่รวมตัวกันมานั้นเพื่อมาคัดค้านการปลูกกล้าไม้ในที่ทำกินของราษฎรบริเวณดงด่านฮัก รวมทั้งบริเวณอื่นๆ ตั้งแต่บ้านนาหินกอง-สุขสวัสดิ์ จนถึงบ้านคำผักกูด ต.กกตูม เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ทำการผลิต ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของโครงการฯ ได้เข้าไปถางต้นไม้ในบริเวณดงด่านฮักเพื่อทำการปลูกกล้าไม้โดยไม่ได้แจ้งให้ราษฎรที่ทำกินอยู่ในบริเวณนั้นทราบ ทำให้ราษฎรวิตกกังวล กลัวว่าทางราชการจะยึดพื้นที่ซึ่งเคยทำกินมาแต่เก่าก่อน โดยขยายเขตพื้นที่ป่าออกมา
ทางด้านนายปรีชาได้ชี้แจงว่าพื้นที่ที่จะทำการปลูกป่าดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผายล ได้ตรวจยึดโดยทำการฝังหลักไว้ตั้งแต่ปี 2540 แล้ว จึงคิดว่าเป็นพื้นที่ของทางราชการไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ ก็ขอให้ร่วมกันแก้ปัญหา โดยในวันนี้ได้ทำบันทึกชี้แจงวัตถุประสงค์การฟื้นฟูพัฒนาป่าเสื่อมโทรม ซึ่งโดยสรุปคือเพื่อปลูกไม้ไผ่และหวายเป็นพืชอาหารให้ราษฎรได้บริโภค และใช้ประโยชน์ร่วมกัน และปลูกต้นขี้เหล็กบ้านและพันธุ์ไม้ป่าอื่นๆ ซึ่งพื้นที่เป้าหมาย
นาย
ส่วนนาย
ตัวแทนราษฎรผู้หนึ่งกล่าวว่า เมื่อก่อนชาวบ้านก็อยากจะให้ความร่วมมือกับโครงการ แต่ที่ผ่านมานายปรีชาและลูกน้องทำให้ชาวบ้านหวาดระแวง และไม่มีความเชื่อถือ เช่น คอยตรวจจับชาวบ้านที่เข้าไปทำกินในที่ดิน ซึ่งแม้จะเป็นเขตป่า แต่ก็เป็นที่ดินที่ทำกินมาแต่เก่าก่อน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าไปทำประโยชน์ และต้องปล่อยให้ที่ดินกลายเป็นที่รกร้าง หรือบางครั้งก็มีการรีดไถ ถ้ามีความจริงใจจะร่วมกันแก้ปัญหาจริงก็ต้องไม่ทำแบบนี้
นอกจากนี้ ได้มีตัวแทนราษฎรเสนอให้ปลูกป่าในบริเวณป่าชุมชนที่ชาวบ้านได้กันพื้นที่ไว้แล้ว หรือไม่ก็ให้ราษฎรดำเนินการปลูกป่าเองไม่ต้องเปลืองงบประมาณ แต่นายปรีชาได้ปฏิเสธข้อเสนอ ของราษฎร และยืนยันให้นำบันทึกที่ตนเขียนกลับไปศึกษาให้ดี แล้วค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง
ที่ประชุมจึงสรุปว่าจะนำบันทึกดังกล่าวกลับไปให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนพิจารณาตัดสินใจ และนัดหมายให้นายปรีชาไปประชุมร่วมกับราษฎรเพื่อรับฟังการตัดสินใจในวันที่ 19 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
นาย
อนึ่ง ในพื้นที่ที่เกิดกรณีปัญหาดังกล่าวเป็นพื้นที่ทำกินของราษฎรที่ถูกประกาศเขตป่าสงวนดงภูพานและเขตอุทยานแห่งชาติซ้อนทับโดยปัญหาดังกล่าวได้ดำเนินยืดเยื้อมากว่า 20 ปี โดยยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)