ความเคลื่อนไหวการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน มีนักกีฬาไทยลงชิงชัยรายการเดียวจากวีลแชร์เรซซิ่ง มาราธอน ชาย ที 54 ระยะทาง 42.25 ก.ม. เอกชัย จันทร เข้าป้ายในอันดับ 19 เวลา 1.30.30 ช.ม. ขจรศักดิ์ ธรรมโสภณ เข้ามาอันดับ 21 เวลา 1.30.31 ช.ม.

ด้านประวัติ วะโฮรัมย์ เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทยจากวีลแชร์ เรซซิ่ง 5,000 ม. ที 54 เผยว่า 4 ปีข้างหน้า โอกาสคว้าเหรียญทองของนักกีฬาไทยจะยากขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะจีนพัฒนาไปเร็วมาก พวกเขาเก็บตัวยาวถึง 2 ปี แต่ไทยมีเวลาแค่ 3 เดือน ถ้าได้เก็บตัวสัก 1 ปี ไทยน่าจะมีผลงานที่ดีกว่านี้

 สำหรับพิธีปิดที่สนามกีฬารังนกมีนายหู จิ่น เทา ประธานาธิบดีจีน และฟิลลิป คราเวน ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากลเป็นประธาน โดยขบวนพาเหรด ไทยเข้ามาในอันดับที่ 132 มี สายชล คนเจน นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งถือธง ก่อนที่จีนจะมอบธงพาราลิมปิกให้กับสหราชอาณาจักรเจ้าภาพครั้งต่อไปในปี 2012 และไฟคบเพลิงในกระถางค่อยๆดับลง

สรุปอันดับเหรียญรวมของนักกีฬาไทยอยู่ที่ 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง เท่าเดิม ได้อันดับที่ 41 จาก 148 ชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดยจีนครองความเป็นเจ้าเหรียญทอง คว้าอันดับที่ 1 ได้ 89 เหรียญทอง 70 เหรียญเงิน 52 เหรียญทองแดง อันดับ 2 สหราชอาณาจักร 42 เหรียญทอง 29 เหรียญเงิน 31 เหรียญทองแดง อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา 36 เหรียญทอง 35 เหรียญเงิน 28 เหรียญทองแดง อันดับ 4 ยูเครน 24 เหรียญทอง 18 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง และอันดับ 5 ออสเตรเลีย 23 เหรียญทอง 29 เหรียญเงิน 27 เหรียญทองแดง

จากผลงานในครั้งนี้ พ.อ.โอสถ ภาวิไล นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ และหัวหน้านักกีฬาไทย กล่าวว่า พอใจกับผลงานที่นักกีฬาทำได้ แม้จะไม่ได้ตามเป้า 3 เหรียญทองที่ตั้งไว้ แต่นักกีฬาทำสถิติดีขึ้นหลายรายการ ทั้งวีลแชร์เรซซิ่ง ว่ายน้ำ และยกน้ำหนัก เพียงแต่เรามีเวลาเก็บตัวน้อยมากกว่าหลายๆ ครั้งเท่านั้น