Skip to main content
sharethis

พปช.เดินหน้าแก้ รธน. ลั่นยื่นญัตติหลังตั้งครม.


เว็บไซต์แนวหน้า - นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาการบังคับใช้ เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า มีความจำเป็นที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วนก่อน ซึ่งจะไม่รอผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ หลังจากเสร็จสิ้นการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งพรรคจะเดินหน้าในการยื่นญัตติ เพื่อเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ



     


นายพีระพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนประเด็นที่จะแก้ไข ได้แก่ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคที่ไม่เป็นธรรม พร้อมกับยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการแก้ไขเพื่อตัวเอง แต่เพื่อไม่พรรคการเมืองทุกพรรคถูกยุบโดยง่าย รวมทั้งมาตรา 68 เรื่องโทษการตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี กรณีพรรคถูกยุบ และมาตรา 190 เรื่องการทำสนธิสัญญาที่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ซึ่งเป็นปัญหาในทางปฏิบัติของทุกกระทรวง นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) 3 ขึ้นมา เพื่อดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ควบคู่กับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นเร่งด่วนด้วย


 


 


"สมชาย" ยันอีก2-3วันขึ้นทูลเกล้าฯรายชื่อครม.ใหม่


เว็บไซต์คมชัดลึก - เวลา 14.50 น.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำโผคณะรัฐมนตรี ว่า กำลังทำอยู่ ทำไปได้เยอะแล้ว ซึ่งวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคได้ส่งรายชื่อมาแล้ว คาดว่าจะทูลเกล้าฯได้ภายใน 2-3 วันนี้



     


ถามว่า ปัญหาที่ส.ส.รุมทึ้งตำแหน่งรัฐมนตรีจะจัดสรรอย่างไรให้ลงตัว นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีใครรุม แต่เราจัดโดยคำนึงถึงคุณภาพและความเหมาะสม ตนจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อรับฟังกรรมการบริหารพรรค ว่ามีความเห็นอย่างไร ทั้งนี้ยอมรับบาง กระ ทรวงที่ดึงคนนอกเข้ามาเป็นรัฐมนตรี โดยพิจารณาถึงเหตุผล เพื่อต้องการให้มีประสิทธิภาพ



     


ถามว่า จะควบตำแหน่งรมว.กลาโหมเองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า กำลังดูอยู่ ยังไม่เรียบร้อย



     


ถามว่า ส.ส.พลังประชาชนบางกลุ่มยังคัดค้านนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ให้มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่หรอก เราให้สิทธิ์พรรคร่วมในการจัดทำรายชื่อรัฐมนตรี เพียงแต่เวลาส่งรายชื่อมา เราขอดู ถ้าบุคคลเหล่านั้นเหมาะสม เราก็ไม่มีปัญหา เราต้องให้ความเคารพในกิจการภายในของพรรคร่วมรัฐบาล



     


ถามว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ยังนั่งตำแหน่งรมว.คลังหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า กำลังขอให้ท่านมาช่วย แต่อยู่ที่นพ.สุรพงษ์จะเป็นผู้พิจารณา ถามว่า หาก นพ.สุรพงษ์ ไม่มา คนจะมาดำรงตำแหน่ง รมว.คลังต้องเป็นคนนอกหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า กำลังดู



     


ถามว่า มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้องการทำโผครม. นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มี ตนเป็นคนทำ เพราะนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่มีใครมาทำ ถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า โฉมหน้าครม.ที่ออกมา จะไม่ถูกวิจารณ์ว่าขี้เหล่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนมั่นใจ แต่ห้ามการวิจารณ์ไม่ได้ การวิจารณ์เป็นเรื่องของความเห็น



     


เมื่อถามถึงการหารือกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายสมชาย กล่าวสั้นๆ ว่า ก็อย่างที่เป็นข่าว



     


จากนั้น นายสมชาย ได้เดินทางไปประชุมกรรมการบริหารพรรคที่พรรคพลังประชาชน



     


ด้านพล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยอมรับว่า หากกรรมการบริหารพรรค เห็นตนเหมาะนั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ เพราะเชื่อว่าจะเป็นตัวกลางในการประสานความเข้าใจ ระหว่างกลุ่มหนุนและต้านรัฐบาลได้ แต่ขณะนี้เป็นเพียงแค่กระแสข่าวเท่านั้น เพราะผู้ใหญ่ในพรรค ยังไม่ได้มีการทาบทาม



     


สำหรับ พล.อ.เรืองโรจน์ นั้น ถูกคาดหมายจะนั่งตำแหน่าง รมว.กลาโหม ในครม.สมชาย 1 ก่อนหน้านี้พล.อ.ชวลิตยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้เสนอไปยังผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชน โดยบอกว่า พล.อ.เรืองโรจน์ น่าเหมาะสม เพราะเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. มาก่อน และความสนิทสนมกันดี จึงไม่น่าจะมีปัญหากับกองทัพ



     


ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล"สมชาย-1" ในส่วนของพรรคชาติไทยว่า เคลียร์เรียบร้อยแล้วและไม่มีปัญหาเรื่องของการแย่งตำแหน่งกัน โดยมีรัฐมนตรีทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง



     


รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวกรณีนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เข้ามาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ขอให้มีการโปรดเกล้าฯ ก่อน


 


 


"องอาจ" จี้ ให้นายกฯ แสดงจุดยืนปกป้องกระบวนยุติธรรม


พรรคประชาธิปัตย์ - นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กับสื่อต่างประเทศเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาว่า เมื่อได้พิจารณาจากการให้สัมภาษณ์ทั้งหมดแล้ว ชี้ให้เห็นว่า คำให้สัมภาษณ์นั้นก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย


     


นายองอาจกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการแสดงความคิดเห็นใด ๆ จึงก่อให้เกิดผลกระทบ หากพูดในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ก็จะก่อให้เกิดผลในทางที่ดี แต่หากพูดในสิ่งที่เป็นด้านลบ ก็จะก่อให้เกิดผลสะเทือน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกลุ่ม ต่อองค์กร หรือต่อบุคคลที่ได้พูดถึง ดังนั้นจากการให้สัมภาษณ์ต่อ สำนักข่าว Router นั้นเป็นการพูดในด้านลบต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย จึงก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม เมื่อชาวต่างชาติได้ยินได้รับรู้ถึงการให้สัมภาษณ์แล้ว ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมนั้นมัวหมองลงไปด้วย


     


นายองอาจจึงต้องการเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการในขณะนี้ ควรที่จะดำเนินการออกมาปกป้องการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ออกมารักษาศักดิ์ศรีของกระบวนการยุติธรรมของไทยให้เกิดความเชื่อมั่นดังเดิม และ


     


"ที่สำคัญที่สุดก็คือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็ควรยอมรับความจริงว่า ปัญหาส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดคดีความขึ้นกับตัวท่านและครอบครัวนั้น ก็เกิดขึ้นจากการที่ท่านใช้อำนาจของท่านนั้นโดยไม่เป็นธรรม รวมทั้งเกิดขึ้นจากการที่มีปัญหาในเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชั่นหรือเกิดผลประโยชน์ การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในสมัยช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ตรงนั้นเป็นความจริงส่วนหนึ่ง ซึ่งกระบวนการยุติธรรมกำลังจะพิสูจน์ให้สังคมได้ประจักษ์ในข้อเท็จจริงต่าง ๆ เหล่านั้น เพราะฉะนั้นการที่ท่านออกมาบอกว่าคดีความของท่านนั้นมีเหตุจูงใจจากเรื่องการเมือง จะต้องแก้ไขด้วยวิถีทางการเมืองเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ผมคิดว่าทุกคดีของท่านและครอบครัว และพวกพ้องของท่านนั้นควรจบลงด้วยกระบวนการยุติธรรม มากกว่าที่จะแก้ไขหรือจบลงด้วยวิถีทางทางการเมืองเพราะผมเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรม ตุลาการของไทยนั้น ยังเป็นที่พึ่งของสังคมของพี่น้องประชาชนได้อยู่เหมือนเดิม" นายองอาจกล่าว


     


นอกจากนี้นายองอาจยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า วันนี้จึงเป็นวันพิสูจน์จุดยืนของนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ว่า สังคมกำลังจับตาดูว่ามีจุดยืนในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ในเรื่องของการทำงานของตุลาการอย่างไร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมนั้น ถูกกระทบกระทั่ง


     


"วันนี้เราจะได้เห็นกัน จะได้เป็นเครื่องพิสูจน์กันว่า ท่านนายกฯ สมชาย นั้นจะออกมาปกป้อง ตุลาการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม หรือจะออกมาปกป้องพี่ภรรยาของตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์จุดยืนของนายกฯ สมชาย ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมที่ท่านได้ประกาศไว้ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" นายองอาจกล่าว


 


 


"บุญสร้าง"เตือน "สมชาย"เป็นนายกฯต้องรักษา กม. เรียก"ทักษิณ"สู้คดี แนะปชช.มอง "สมชาย"ในแง่ดีก่อนอย่ายึดติดตัวบุคคล


เว็บไซต์แนวหน้า - พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พรางทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงสถานการณ์การเมืองภายหลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า อะไรต่างๆคงต้องดีขึ้น เพราะชาติคงไม่ยุ่งอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนกรณีที่นายสมชาย จะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครคนนั้นจะมาทำอะไรกันบ้าง ซึ่งในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯนั่งควบรมว.กลาโหมด้วยก็ดี ทั้งนี้นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯก็เคยพูดว่า ไม่มีเรื่องรุ่น เพราะบางทีการที่มีเรื่องรุ่น และมีความสัมพันธ์กันมาก บางทีอาจนำมาปนระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ซึ่งถ้าไม่ปนกันคงไม่มีปัญหา



     


พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ส่วนข้อด้อยของการที่พลเรือนมาเป็นรมว.กลาโหมคือ บางเรื่องอาจจะเข้าใจทหารไม่ดี ซึ่งต้องมาเรียนรู้ เพราะไม่ยาก เนื่องจากทหารเป็นกลุ่มคนที่ง่ายที่สุดในการปกครอง ไม่มีอาชีพไหนที่ปกครองได้ง่ายเท่าทหาร ถ้าท่านอยู่ในลู่ทางที่เหมาะสม เพราะทหารมีวินัย และเคารพผู้บังคับบัญชา รวมถึงทหารตายแทนผู้บังคับบัญชาได้ ทั้งนี้หากมาเป็นรมว.กลาโหมด้วยจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ก็จะไม่ดี ไม่ว่าจะไปอยู่กับทหารหรืออยู่กับใคร แต่โดยทั่วไปเราต้องมองผู้บังคับบัญชาดีไว้ก่อน เพราะเราถูกฝึกมาอย่างนั้น หากพิสูจน์ว่า ไม่ดีค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ปกติเราจะดูดีไว้ก่อน ทั้งนี้โดยปกติเรามักจะให้คะแนนผู้บังคับบัญชามากไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นทหารคงจะรบไม่ได้ เพราะมัวแต่มองว่า ใครจะมาปกครอง เป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่ดี ทำงานไม่ได้ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปที่ต้องมองในแง่ดีไว้ก่อน



     


เมื่อถามว่า นายกฯได้หารือกับผบ.เหล่าทัพหรือไม่ว่าใครควรจะเป็นรมว.กลาโหม พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหารือกับผบ.เหล่าทัพ เพราะปกตินายกฯไม่เคยถามอยู่แล้ว เมื่อถามว่า หากมีการทาบทามท่านให้เป็นรมว.กลาโหมจะรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คิดว่าเขาไม่ทาบทามตนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกแล้วเมื่อตนเกษียณควรจะปล่อยให้ตนไปเปลี่ยนบรรยากาศ และไปทำอะไรที่ชอบบ้าง เมื่อถามว่า หากมีการทาบทามขึ้นมา ท่านจะรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ว่าตนจะตอบยังไง ตนก็เสียคน หากบอกว่า ตนรับ แต่ไม่มีคนทาบทาม จะกลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ แต่หากบอกไปว่า ตนไม่รับ บางคนเขาก็จะบอกว่า อะไรกันนักหนา ซึ่งความปรารถนาของตนตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องการเมือง เพราะมีเรื่องให้ทำเยอะแยะ แต่บางคนโลกแคบคิดแต่จะเป็นโน้นเป็นนี่ทางการเมือง คนไทยบางทีติดอยู่กับเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์มากเกินไป



     


เมื่อถามว่า เหตุผลที่ท่านไม่ยอมร่วมสังฆกรรมการเมือง เพราะอาจจะมีคนมองว่า ท่านเป็นอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนไม่ติดยึด ตนเป็นตัวของตัวเอง ไม่เป็นนอมินีของใคร แต่ต้องเข้าใจในความเป็นจริงว่า คนเราติดคุกของความเป็นประสบการณ์อยู่แล้ว คนที่บอกว่าเป็นนอมินี ความจริงอาจไม่ได้เป็นก็ได้ แต่คนที่ไม่ได้เป็นอาจจะเป็นนอมินีของคนอื่นก็ได้ ตนอาจเป็นนอมินีของอับราฮัม ลินคอร์น อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาก็ได้ ซึ่งอาจหมายถึงบุคคลที่เราชื่นชอบหรือเราเห็นว่า เขาเป็นบุคคลที่ดี



     


เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์การเมืองภายจากที่เกษียณอายุราชการไปหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ค่อยห่วง เพราะคนอื่นทำได้ และอาจทำได้ดีกว่าเรา บ้านเมืองเราคาราคาซังตลอดเวลา คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เราเสร็จสมใจได้ตลอดเวลา ซึ่งตอนนี้คงยุ่งเป็นพิเศษ แต่เดี๋ยวคงจะผ่านไป ทั้งนี้มั่นใจในองค์บังคับต่างๆในกองทัพ ไม่เฉพาะเรื่องคนอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โดยรวมไม่ต้องเป็นห่วง



     


เมื่อถามถึงการที่นายสมชาย มีแผนที่จะไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดีตนายกรัฐมนตรี หรือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่แนวทางที่จะไปพูดคุยดี เพราะการพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งที่ดี และการพบกับพล.อ.เปรมก็น่าจะดี ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่พล.อ.เปรม เป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งท่านก็ได้ฝากให้ผบ.เหล่าทัพช่วยกันดูแล



     


เมื่อถามถึงการครบรอบ 2 ปีของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คนเราทำอะไรไปต้องทบทวนอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าต้องทบทวนตอนที่ครบ 2 ปี อย่างไรก็ตามส่วนที่คมช.ทำเป็นข้อดีก็มีบ้าง แต่สำเร็จ สมใจคณะทั้งหลายหรือไม่ แต่คงไม่ถึงกับสมใจ เมื่อถามว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่กลับได้น้องเขยมาเป็นนายกฯจะเป็นเหมือนงูกินหางหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า อย่าไปติดยึดกับตัวบุคคลว่าใครเป็นอะไรกับใคร เราต้องดูว่าเขาจะทำอะไร ควรทำใจให้สบาย



     


เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้นายสมชาย นำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาสู้คดี และยึดพาสสปอร์ตแดง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า หากท่านมีหน้าที่ที่จะต้องทำ ท่านก็ต้องทำ ขึ้นอยู่กับว่าท่านมีหน้าที่ต้องทำหรือไม่ ซึ่งผู้นำต้องมีความยุติธรรม การที่จะไปคิดว่าเป็นญาติคงไม่ได้ ต้องทำตามหน้าที่ให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์โดยเพราะเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมาย คือต้องรักษากฎหมาย ทั้งนี้การพิสูจน์ตัวนายสมชายว่าเหมาะจะเป็นนายกฯหรือไม่นั้น พิสูจน์ได้หลายอย่าง และคนจะเห็นไปเรื่อยว่า ท่านจะมีความมุ่งมั่นและจริงใจแค่ไหน



     


"ทุกอย่างอยู่ที่คน เราต้องช่วยกันพัฒนาคนให้ดีที่สุด และต้องคิดว่าทุกอย่างแก้ไขได้ พัฒนาได้ ซึ่งคนที่ดี จะมาสร้างระบบที่ดี แต่ในขณะที่คนยังไม่ดีเท่าไร เราจะทำอย่างไรที่จะให้ระบบที่ดีจากคนที่ยังไม่ดีมากๆ ซึ่งต้องให้คนดีๆมากำหนดกติกา เพื่อจะให้ได้คนดีและสร้างระบบที่ดีขึ้นมา แต่กติกาของเราไม่เหมาะสม เพราะคนที่ยังไม่ดีมากอาจจะเลวลงไปเรื่อยๆ ซึ่งนักการเมืองจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม ความเข้มแข็งที่จะต่อสู้กับกิเลสทั้งหลาย และต้องยืนยันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งนี้ผมอยากให้นักการเมืองคิดถึงเรื่องของการเสียสละที่จะเข้มาช่วยดูแลบ้านเมือง คำว่า นักการเมือง เป็นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ ฟังแล้วน่าเสียวไส้ เพราะหากคิดอย่างนี้ก็หมดท่า"พล.อ.บุญสร้าง กล่าว   พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ในคำจำกัดความของคำว่า นักการเมืองจริงๆ เป็นรัฐบุรุษ แต่บางทีนักการเมืองคิดอะไรสั้นกว่า การคิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่เขาคิดว่า ทำยังไงถึงจะได้มากที่สุดใน 1-2 วันนี้ อย่างนี้เขาเรียกว่า เป็นนักการเมืองคิดสั้น เราควรช่วยกันว่า ทำอย่างไรบ้านเมืองเราจะดีขึ้น และทำยังไงถึงจะมีความยุติธรรมลงโทษให้เหมาะสมจะได้มีความเกรงกลัวความลงโทษและไม่คิดนอกลู่นอกทาง


 


  


สรส.หนุนการเมืองใหม่การ์ดอาสาประชดสื่อตรวจเข้มสื่อ


เว็บไซต์คมชัดลึก - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่เช้าเป็นไปด้วยความเงียบเหงา แต่คึกคักขึ้นตอนเวลา 13.30 น. เมื่อมีกลุ่มเครือข่ายสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) 43 องค์กร เข้าสมทบเนื่องในวันรัฐวิสาหกิจไทยนายสมบูรณ์ ทรัพย์แสง รองเลขาธิการ สรส. นำตัวแทนจากสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจต่างๆอาทิ จากการประปานครหลวง การประปานครหลวง ทีโอที ไฟฟ้านครหลวง การบินไทย ฯลฯ ขึ้นประกาศจุดยืนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯจนถึงที่สุด และต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เป็นสาธารณูปโภคราคาถูกของคนไทย



     


ทั้งนี้ ตัวแทนการประปานครหลวงชี้แจงว่า ช่วงที่ตำรวจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานฯ ได้ทำการตัดน้ำและมีการตัดไฟตำรวจนครบาล เพื่อแก้แค้นให้กลุ่มพันธมิตรฯแล้ว และการนัดหยุดงานของสรส.ที่ผ่านมา ไม่ใช่การนำประชาชนมาเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับรัฐบาล แต่เป็นการยกระดับความเข้มข้นเพื่อกดดันรัฐบาลและพร้อมสนับสนุนแนวทางการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ที่จะทำให้ประชาธิปไตยและรัฐวิสาหกิจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง



     


ขณะที่ปัญหากระทบกระทั่งระหว่างการ์ดอาสาพันธมิตรฯกับผู้สื่อข่าวที่เฝ้าติดตามทำข่าวม็อบพันธมิตรฯ ที่มีอยู่ตลอดช่วงหลัง ทำให้ล่าสุดทางการ์ดอาสาได้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบคนเข้าออกอย่างหนัก โดยที่ด่านสะพานอรทัย ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นเป็นแนวรั้วขวางตลอดแนวสะพาน และมีการตรวจค้นกระเป๋าผู้ชุมนุมอย่างละเอียด โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้นำอาวุธอย่างมีดคัทเตอร์เข้ามา ทำให้ผู้ชุมนุมบางรายไม่พอใจเพราะมีการรูดซิบแล้วเอามือลงไปควานในกระเป๋า และยังเปิดกระเป๋าถือเล็กที่อยู่ในนั้นค้นอย่างละเอียด



     


เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างๆแขวนบัตรประจำตัวของสำนักข่าว เพื่อแสดงตนเดินเข้ามา กลุ่มการ์ดก็กวักมือเรียกให้นำกระเป๋าที่สะพายมาเข้าไปตรวจในเต๊นท์ พร้อมนำหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง(เดลินิวส์) มาเปิดให้นักข่าวดูพร้อมพูดว่า"อยากลงข่าวต่อว่าการ์ดพันธ มิตรฯ ต่อไปนี้จะค้นให้หนัก ที่ผ่านมาไม่เคยค้นกระเป๋านักข่าวเลย" พร้อมกับตรวจค้นทุกซอกทุกมุมด้วยท่าทางประชดประชัน



     


อย่างไรก็ตามจากการชุมนุมต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 119 บรรดาพ่อค้า แม่ค้าได้ขนข้าวของสารพัดชนิดเข้ามาขายมากขึ้น ทำให้มีการตั้งร้านค้าขายของเต็มถนนราชดำเนินนอก หน้ากระทรวงศึกษาธิการ และถนนรอบๆทำเนียบ ส่วนใหญ่เป็นมือตบ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ผ้าพันคอ ผ้าผูกข้อมือลายธงชาติ นอกจากนี้ยังมีการตั้งแผงเช่าพระ แผงขายสินค้ามือสอง ของเก่า ของทองเหลือง เครื่องกระเบื้องเคลือบ ตลับไพ่มือสองหรือแม้แต่ของเล่นเด็ก ขนตาปลอม วิกผมปลอม และของกิ๊บช็อป จนคนที่เดินผ่านไปมาพูดแซวเล่นๆว่าเป็นคลองถมแห่งใหม่ได้เลย


 


 


"สุริยะใส" เผย "สมชาย" ส่งตัวแทน ต่อสายหาแกนนำทุกวัน แต่ยังไม่มีข้อสรุป


เว็บไซต์แนวหน้า- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 119 และนับเป็นวันที่ 26 ที่ปักหลักอยู่ในทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศยังคงคึกคักมีการปราศรัยสลับกับแสดงดนตรี โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นไปที่การโจมตีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ใช้ท่าทีนุ่มนวลพยายามเจรจากับพันธมิตรฯให้สังคมเห็นใจ แต่ยังคงเดินหน้าภารกิจในการปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้หลุดพ้นจากความผิดทั้งหมด และยังเรียกร้องให้ใช้ความกล้าหาญถอนพาสปอร์ตแดงโดยด่วน



     


ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯยกเลิกการแถลงข่าวเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้ใช้เวลาในช่วงค่ำหารือกับนายพิภพ ธงไชย 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ด้วยอาการเคร่งเครียด โดยได้ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่านายสมชาย ได้ให้ตัวแทนโทรศัพท์ติดต่อเพื่อขอเจรจากับแกนนำทุกวัน แต่แกนนำยังไม่ตัดสินใจเสนอเงื่อนไขให้รัฐบาลแต่อย่างใด และยืนยันว่ามติทุกอย่างต้องออกมาจากที่ประชุม 5 แกนนำเท่านั้น


 


 


พันธมิตรฯท่าทีอ่อนลง รับเจรจานายกฯคนใหม่


เว็บไซต์คมชัดลึก - พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชยและนายสมศักดิ์ โกศัยสุข 3 แกนนำพันธมิตรฯ ได้กันร่วมแถลงข่าว โดยพล.ต.จำ ลอง กล่าวถึงความคืบหน้าหลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ประสานนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เพื่อเปิดเจรจาหาทางลงให้กับประเทศว่า ยังไม่มีการกำหนดวันเวลา ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียดว่าจะเจรจาเรื่องอะไรบ้าง แต่นายกฯถามว่าต้องการให้รัฐบาลทำอะไรบ้าง และท่านบอกว่าขอให้รัฐบาลทำงานก่อน



     


ดังนั้นจนถึงตอนนี้จึงยังไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนี้ เพราะภาระเร่งด่วนของรัฐบาลขณะนี้คือการตั้งรัฐบาล ตั้งรัฐมนตรีที่แย่งโควต้ากันอยู่จนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทางแกนนำก็ให้นายสมชายแก้ไขปัญหาภายในพรรคไปก่อน แต่เราพร้อมที่จะเจรจากับนายสมชาย แต่ยังคงยืนยันในจุดยืนเดิมของเรา



     


เมื่อถามว่าหากเจรจากับนายสมชายแล้วจะออกจากทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบว่า เป็นเรื่องสถานการณ์ ถ้าเปลี่ยนแปลงอย่างไรต้องประชุมแกนนำพันธมิตรฯ และสอบถามความเห็นประชาชนที่มาร่วมชุมนุมก่อน เพราะคนพวกนี้เขามาด้วยใจ อยู่ดีๆ จะบอกว่าให้ถอยออกจากทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมก็คงหมดความเชื่อถือพวกเรา



     


ผู้สื่อข่าวถามว่าดูท่าทีแกนนำพันธมิตรฯอ่อนลงจากก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมเปิดเจรจากับรัฐบาล พล.ต.จำลอง ตอบว่า อย่าใช้คำว่าท่าทีอ่อนลง เพียงแต่นายสมชายโทรศัพท์มาพูดก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เราเป็นคนไทยด้วยกัน หากต้องการมาพูดคุยก็มาได้ตลอดเวลา เพราะเราไม่ใช่พวกใหญ่โตอะไร ใครมาพูดคุยด้วยก็น่ายินดีแต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาว่าจะมาเมื่อไหร่ ยังไม่มีการส่งตัวแทนมาเจรจา และทางพันธมิตรฯก็ไม่ได้มอบหมายใครเป็นพิเศษในการเปิดเจรจา แกนนำทุกคนเปิดกว้าง สามารถโทรมาคุยกับทุกคนได้ตลอดเวลา ส่วนเมื่อได้ผลการเจราก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมแกนนำอีกครั้ง ขณะเดียวกันพันธมิตรฯไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องเจรจากับนายกฯเพียงคนเดียว แต่ถ้าจะส่งตัวแทนมาก็ต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจและน่าเชื่อถือ ขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งเร่งรัด ให้นายกฯได้ทำงานก่อน



     


เมื่อถามว่ากรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาระบุว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯเป็นการช่วยพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาล พล.ต.จำลอง ตอบว่า นางสุดารัตน์บอกว่าไม่ยุ่งแต่ก็เข้ามาจุ้นจ้าน ถึงถูกศาลพิพากษาไปแล้วก็ยังเข้ามาจัดโควตารัฐมนตรีได้ทุกครั้ง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพันธมิตรฯต้องเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ เพราะการเมืองเก่าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ต้องแย่งโควต้ารัฐมนตรีกันเพราะซื้อเสียงเข้ามาต้องมาถอนทุน มันเป็นแบบนี้เป็นวงจรอุบาทว์ เราไม่ได้ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แต่เราต่อต้านการซื้อเสียง การทุจริต คอร์รัปชันเพื่อกลับไปซื้อเสียงเพื่อจะเข้ามาเป็นรัฐบาลให้ได้ การเมืองเป็นอย่างนี้ประเทศชาติไปไม่รอด



     


ทางรอดคือการเมืองใหม่ยิ่งมีการแย่งตำแหน่งกันมากเท่าไหร่ก็เป็นความชอบธรรมของพันธมิตรฯ ขณะนี้กำลังเป็นประเด็นที่สาธารณชนสนใจ โดยเราจะใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลัก หากประเทศไทยใช้เศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง เพราะในหลวงตรัสเรื่องนี้มากว่า 30 ปี ถ้าเรานำมาใช้ทุกระดับของประเทศขณะนี้เราคงไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินของสหรัฐฯ



     


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีแกนนำพันธมิตรฯจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในเรื่องการเมืองใหม่ นายพิภพ ตอบว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นในทำเนียบฯ เราคงออกไปจัดข้างนอกไม่ได้เพราะอาจจะโดนจับ โดยมีนักวิชาการและตัวแทนกลุ่มวิชาชีพบางส่วนมาร่วมแสดงความเห็น เมื่อได้โครงร่างจากเวทีนี้ก็จะนำไปสู่ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯเพื่อมาประกาศเป็นตุ๊กตา ในวันที่ 22 ก.ย. เพื่อให้สาธารณะชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ว่ารูปแบบที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร



     


ส่วนที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอสัดส่วน ส.ส. เป็น 50 ต่อ 50 ก็จะนำสูตรนี้มาประกอบการเสวนาด้วย สำหรับการออกหนังสือของนายสนธิ เป็นเรื่องส่วนตัวของนายสนธิ ที่เขียนจากปรัชญาแนวคิดตัวเอง ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของแต่ละสาขาอาชีพที่จะนำไประดมความคิดเห็น ซึ่งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจฯก็จะมีการจัดเสวนาเรื่องนี้ ตนอยากให้ชมรมวิชาชีพสื่อสารมวลชน ระดมความคิดเห็นเรื่องนี้ด้วย เพราะขณะนี้เรื่องการเมืองไม่ใช่หน้าที่ของพันธมิตรฯองค์กรเดียวแล้ว เป็นเรื่องของสาธารณชนที่ต้องช่วยกันหาทางรอดให้กับประเทศ



     


ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับข่าวที่จะมีการสลายม็อบพันธมิตรฯในวันที่ 22 และ 23 ก.ย. นี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าพันธมิตรฯจังหวัดศรีสะเกษแจ้งข่าวมาว่าในวันที่ 22-23 ก.ย.นี้ ช่วงเช้าจะมีคนน้อยก็จะสลายม็อบหากมีการสลายม็อบจริง สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจหรือ สรส.จะนัดหยุดงานอีกแน่นอน ซึ่งการสลายม็อบครั้งแรก สรส.ก็ได้หยุดงานไปแล้วทั่วประเทศ หากเศรษฐกิจเสียหายก็อย่ามาโทษพันธมิตรฯอีก เพราะรัฐบาลเป็นผู้สั่งการต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่ได้ขู่ เพราะเป็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมกันให้มากๆ เป็นสิทธิของเราที่จะป้องกันตัวและผู้ชุมนุมก็จะไม่ยินยอมแน่นอน ขณะที่พล.ต.จำลองกล่าวเสริมว่า หากสลายม็อบจริงแล้วมีการจับแกนนำ อาจเกิดเหตุอย่างพฤษภาทมิฬแน่นอน


 


 


"จงรัก" ยันไม่ใช้กำลังสลายม็อบ พธม.


เว็บไซต์เดลินิวส์ - พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึง การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยยืนยันว่า ตำรวจจะไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุม ตามที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ออกมากล่าวอ้าง และขอย้ำว่า ตำรวจจะใช้มาตรการนุ่มนวล ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุม



     


อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้ ตำรวจพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนการเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ข้อหากบฏนั้น เป็นดุลพินิจของศาล แต่ขณะนี้ หมายจับยังมีผลอยู่ ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันที หากออกมานอกทำเนียบรัฐบาล


 


 


กองทัพไทย-กัมพูชา เตรียมนัดถกปัญหาปราสาทตาควายปลาย ก.ย.นี้


เว็บไซต์แนวหน้า -ขณะนี้ทหารไทยและทหารกัมพูชา ต่างตรึงกำลังที่บริเวณปราสาทตาควาย ชายแดนไทย-กัมพูชา บ.ไทยนิยม ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งปราสาทตาควาย ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกห่างจากปราสาทตาเมือนธม ประมาณ 12 กิโลเมตร ขณะที่ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เปิดเผยว่า ได้เจรจากับ พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ รองเสนาธิการทหารชายแดนที่ 402 ประเทศกัมพูชา โดยมีข้อตกลงเพื่อลดการเผชิญหน้าร่วมกัน โดยทั้ง 2 ฝ่าย จะถอนกำลังออกจากตัวปราสาท และวางกำลังทหารได้จำนวนเท่ากัน ห่างจากตัวปราสาทระยะเท่ากันม่ต่ำกว่า 300 เมตร และจะนำเข้าหารือในที่ประชุมแม่ทัพ ระดับภูมิภาคทั้ง 2 ประเทศ คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย กับ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ในปลายเดือนกันยายนนี้


 


 


หลายประเทศห้ามนำเข้านมจากจีน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ผลกระทบจากวิกฤตินมปนเปื้อนสารเมลามีนในจีนลุกลามไปหลายประเทศ ล่าสุดมาเลเซียสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์นมทุกประเภทจากจีน ไม่เฉพาะนมผงสำหรับทารกเท่านั้น แม้กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า ไม่มีการนำเข้านมจากจีน ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขพม่า กล่าวว่า จะเรียกคืนและทำลายนมทารกนำเข้าจากจีน พร้อมแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ คอยจับตาดูอาการเด็กมีอะไรผิดปกติหรือไม่



     


ส่วนสิงคโปร์ได้ห้ามนำเข้า และห้ามขายผลิตภัณฑ์นมทุกประเภทจากจีน ตั้งแต่วันศุกร์ (19 ก.ย.) หลังจากตรวจพบสารเมลามีนที่ใช้ในพลาสติกปนเปื้อนอยู่ในผลิตภัณฑ์นม 2 ยี่ห้อที่ผลิตในจีน ขณะที่บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ 2 แห่งของฮ่องกง ได้แก่ พาร์ค แอนด์ ชอป และเวลคัม เก็บผลิตภัณฑ์นมจากจีนออกจากชั้นวางจำหน่ายตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ ด้านสตาร์บัคส์ เครือข่ายร้านกาแฟชื่อดังของสหรัฐ หยุดขายนมตามร้านค้าสาขาหลายแห่งทั่วจีน



     


รัฐบาลกรุงปักกิ่งสั่งขยายผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมและเรียกคืนสินค้าปนเปื้อน ทั้งยังสั่งให้แพทย์ตรวจรักษาฟรีแก่เด็กที่ล้มป่วย เพราะดื่มนมปนเปื้อนสารเมลามีน ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายก่อให้เกิดนิ่วในไต พร้อมยืนยันจะลงโทษบริษัทและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้



     


มีรายงานว่า ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ตำหนิเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างรุนแรงที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น โดยกล่าวว่าการที่เกิดเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร และการทำงานที่ร้ายแรงหลายครั้งในปีนี้ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของคนจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่บางคนสูญเสียหลักการเรื่องผลประโยชน์สาธารณะ รวมถึงเรื่องความรับผิดชอบ และใส่ใจกับความทุกข์ยากของประชาชนด้วย



     


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพสินค้ายืนยันว่า นมส่วนใหญ่ของจีนปลอดภัย และนมปนเปื้อนสารเมลามีนอาจไม่ทำให้ผู้ใหญ่ล้มป่วย ถ้าไม่ได้ดื่มเกินกว่าวันละ 2 ลิตร โดยจีนเรียกคืนนมผงออกจากชั้นจำหน่ายแล้ว 3,215.1 ตันทั่วประเทศ


 


 


20 ปท.ระดมสมองรับวิกฤติสหรัฐ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ผู้ว่า ฯธปท. 20 ประเทศ หารือ รับมือวิกฤติการเงินสหรัฐ "ธาริษา" ยืนยัน กระทบกับไทยน้อยมาก  นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในวันนี้มีการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลาง 20 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ ปากีสถาน สิงคโปร์ และไทย เป็นต้น ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและภาวะแวดล้อมที่มีผลต่อการดำเนินนโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะมีการหารือเรื่องปัญหาวิกฤติการเงินของสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบไปทั่วโลก แม้ว่าประเทศในเอเชียจะไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด นางธาริษา กล่าวว่า การที่นายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และนายเบน เบอร์นันกี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด หารือร่วมกันเพื่อจัดตั้งกองทุนในการแก้วิกฤติมูลค่า 41 ล้านล้านบาท โดยจะเสนอรัฐสภาสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ถือเป็นเรื่องที่ดีโดยเฉพาะการตั้งกองทุนเพื่อแยกสินทรัพย์ที่เป็นหนี้เสียออกจากหนี้ดี ถือเป็นมาตรการที่เหมาะสมอย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่าปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ มีผลกระทบต่อสถาบันการเงินไทยน้อยมาก เพราะสถาบันการเงินไทยไปลงทุนในสหรัฐฯ เป็นส่วนน้อย แต่ก็ต้องติดตามว่า มาตรการที่ทางการสหรัฐฯ ออกมาเพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงินตลาดจะตอบสนองอย่างไรบ้าง


 


 


"โอบามา" ร้องทั่วโลกกอบกู้ภาคการเงิน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ -วุฒิสมาชิกบารัก โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องวานนี้ (20 ก.ย.) ให้โลกร่วมมือกันจัดทำแผนกอบกู้ภาคการเงิน ที่คำนึงถึงเงินของผู้เสียภาษีทั่วไปมากกว่านักลงทุนที่ประมาทในย่านวอลล์สตรีท พร้อมระบุว่า ความวุ่นวายครั้งนี้เป็นคำพิพากษาชี้ขาดในปรัชญาเข้ายุ่งเกี่ยวเรื่องเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด ของพรรครีพับลิกัน



     


"นี่เป็นประเด็นระดับโลก แม้สหรัฐสามารถรับบทนำในการสร้างเสถียรภาพตลาดสินเชื่อ แต่เราควรขอให้ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ เข้าร่วมหาทางแก้ไขด้วย" โอบามากล่าวหลังประชุมกับที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ได้แก่ นายโรเบิร์ต รูบิน นายแลร์รี ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีคลังสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน และนายพอล โวลเกอร์ อดีตประธานเฟด



     


โอบามากล่าวหาวุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ว่า คุยโวและเปลี่ยนนโยบายไปมา พร้อมระบุว่า ต้องมีการดำเนินการอย่างกล้าหาญและแน่วแน่มากขึ้น หลังจากสถาบันการเงินล้มละลายหลายแห่ง และรัฐบาลต้องเข้าไปอุ้มอีกหลายแห่ง โอบามาแสดงการสนับสนุนเต็มที่กับความพยายามของรัฐมนตรีคลังและประธานเฟด ที่ประสานกับ ส.ส.ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อหาทางแก้ไขวิกฤติ



     


โอบามา กล่าวว่า แผนของเขาจะเน้นที่การจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกฉบับ เพื่อช่วยคนอเมริกันรับมือราคาเชื้อเพลิงและอาหารที่สูงขึ้น กระตุ้นให้เกิดการจ้างงานผ่านการซ่อมโรงเรียนและถนน รวมถึงช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์



     


วุฒิสมาชิกแมคเคน กล่าวว่า ธนาคารกลาง (เฟด) ควรเลิกเข้าอุ้มสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา และกลับไปทำหน้าที่หลักด้วยการหนุนค่าเงินดอลลาร์ และดึงเงินเฟ้อให้ต่ำ



     


"เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้พลังงานและอาหารมีราคาถูกลง ทั้งยังจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน และผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอีกครั้ง" แมคเคนหาเสียงที่หอการค้ากรีนเบย์ พร้อมวิจารณ์วุฒิสมาชิกโอบามา ที่มีแนวทางสนับสนุนการขึ้นภาษี ว่า จะทำให้ภาวะถดถอยรุนแรงขึ้นเป็นภาวะตกต่ำครั้งใหญ่



     


แมคเคนตั้งข้อสังเกตด้วยว่า โอบามารับเงินบริจาคก้อนใหญ่จากทั้งแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ขณะที่อดีตหัวหน้าทีมหาคู่สมัครรองประธานาธิบดีของโอบามา เคยได้เงินหลายล้านดอลลาร์หลังจากก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอแฟนนี เม



     


"บางทีคราวนี้เขาอาจไม่เลคเชอร์ให้เราฟัง และยอมรับว่า ตัวเองมีวิจารณญาณแย่ที่เข้าไปมีส่วนในปัญหานี้"



     


ทั้งนี้ โอบามาเป็นผู้รับเงินบริจาครายใหญ่อันดับ 2 จากพนักงานของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค คิดเป็นเงิน 126,349 ดอลลาร์



     


แมคเคนเรียกร้องอีกครั้งให้เข้มงวดกฎระเบียบตลาดเงิน ทั้งที่ผ่านมา เขาสนับสนุนการผ่อนคลายกฎระเบียบ ทั้งยังเรียกร้องให้นายคริส คอกซ์ ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ ลาออก แมคเคน กล่าวว่า หากได้เป็นประธานาธิบดี จะตั้งบรรษัทสินเชื่อจำนองและสถาบันการเงิน เพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้านไม่ให้ถูกยึดบ้าน พร้อมปรับปรุงกฎหมาย เพื่อป้องกันบริษัทการเงินปกปิดวิธีปฏิบัติที่ไม่ดี


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net