Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


รัฐบาลเพิ่มนโยบายเร่งด่วนเป็น 16 เรื่อง


เว็บไซต์ข่าวสด - เวลา 14.00 น. วานนี้ (29 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่างนโยบายรัฐบาล มีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง อาทิ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน จากพรรคประชาราช นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายมั่น พัธโนทัย รมว.ไอซีที จากพรรคเพื่อแผ่นดิน นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง


 


นายสุขุมพงศ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเพิ่มเรื่องเร่งด่วนอีก 1 เรื่องรวมเป็น 16 เรื่อง คือเรื่องแผนแม่บทวิกฤตการณ์อาหารโลก วิกฤตการณ์น้ำมัน และวิกฤตการณ์โลกร้อน ตนยังเสนอให้กำหนดกฎหมายที่จำเป็นต่อการบริหารประเทศไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย เนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้วไม่กำหนดเอาไว้ มีทั้งสิ้น 7 ฉบับ เช่น กฎหมายกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กฎหมายความปลอดภัยอาชีวะอนามัย กฎหมายการแก้ไขปัญหายาเสพติด กฎหมายว่าด้วยการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ส่วนกฎหมายที่เป็นปัญหาคือร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้นต้องเร่งรัดให้เสนอเข้ามาใหม่โดยเร็ว ที่ประชุมมอบหมายให้ตนและคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดูและหาทางแก้ไข และให้ส่งสภาโดยเร็ว รวมทั้งให้กำหนดไว้ในร่างนโยบายด้วย


 


นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า สำหรับวันแถลงนโยบาย จากการประสานเบื้องต้นรัฐบาลยืนยันว่าจะให้เป็นวันที่ 8-10 ต.ค. แต่รัฐสภาอยากให้เลื่อนมาให้เร็วขึ้นประมาณวันที่ 6-8 ต.ค. ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกัน ยังไม่ได้ข้อสรุป


 


นายมั่น พัธโนทัย รมว.ไอซีที เผยว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการหยิบยกข้อเสนอของ 24 อธิการบดีที่จะให้มีการปฏิรูปการเมืองใหม่มาหารือ รวมทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญนั้นจะยกไปหารือในการประชุมครม.ในวันที่ 30 ก.ย.


 


นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง พรรครวมใจไทยฯ กล่าวว่า ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญคงจะมีการหารือในที่ประชุมครม. วันที่ 30 ก.ย.


 


ประชาธิปัตย์โวยข่าวใบเหลือง "อภิรักษ์" เผยเป็น "วิชามาร" แน่จริงเปิดเผยตัว


บ้านเมือง - เมื่อวันที่ 29 ก.ย.51 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร ระบุ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค มีสิทธิ์โดนใบเหลืองจากการที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ร้องเรื่องป้ายหาเสียง ว่า จากการตรวจสอบป้ายต่างๆ ของพรรคที่ติดตั้งไปในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอยืนยันว่า ไม่มีอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย และไม่มีความผิดถึงขั้นถูกใบเหลือง เพราะฉะนั้นความพยายามที่ออกมาปล่อยข่าวโดยอ้างรายงานข่าว หรือแหล่งข่าวจากศาลาว่าการ กทม.นั้น ขอท้าทายให้เปิดเผยตัวออกมา และระบุให้ชัดว่า นายอภิรักษ์กระทำผิดกฎหมายอะไร เพราะตั้งแต่ที่นายชูวิทย์ไปร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว นายอภิรักษ์ไม่เคยได้รับเชิญให้ไปให้ถ้อยคำใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อว่าถ้าดูกฎหมายแล้วจะเห็นชัดเจนว่า ข้อร้องเรียนต่างๆ ไม่สามารถเอาผิดนายอภิรักษ์ได้


 


"คนที่ให้ข่าวโดยไม่ปรากฏตัว ถ้าแน่จริงขอให้เปิดเผยตัว อย่าทำตัวเป็นอีแอบ ส่งข้อมูลผิดๆ ถูกๆ หวังที่จะทำลายคะแนนนิยมของผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ให้มาเผชิญหน้ากันว่าผิดตรงไหน คิดว่านี่คือรูปแบบหนึ่งของวิชามารในการทำให้ผู้คนเกิดความลังเลที่จะเลือกนายอภิรักษ์ เพราะกังวลว่าจะถูกใบเหลือง และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และยิ่งใกล้วันเลือกตั้งขบวนการลักษณะนี้ยิ่งมีมากขึ้น" นายองอาจ กล่าว


 


นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมรายงานความพร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถึงกรณีกระแสข่าวที่ว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 5 อาจจะได้ใบเหลืองจากที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องป้ายหาเสียงเลือกตั้งที่มีรูปข้าราชการ กทม.ปรากฏอยู่นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีกระแสข่าวเช่นนั้นออกไปได้อย่างไร เพราะขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาทั้งเรื่องป้ายหาเสียงและการแจก Bangkok Green Wi-Fi card เลย


 


งบปี 2552 ฉลุยศาลชี้ไม่ขัด รธน.


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติ 8: 1 วินิจฉัยว่า การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 จำนวน 4.5 หมื่นล้าน บาท ตามคำร้องของ สว. จำนวน  30 คน ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรค 6 เรื่องการแปรญัตติ เพิ่ม


 


นายพสิษฐ์ ศักดิ์ดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า คณะตุลาการโดยเสียงข้างมากเห็นว่า การที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้เสนอเพิ่มงบประมาณเท่ากับจำนวนที่ถูกปรับลดต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ เป็นการกระทำในฐานะฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพื่อให้รัฐสภาอนุมัติ ซึ่งเป็นการดำเนินการในฐานะองค์กรฝ่ายบริหาร มิได้กระทำในฐานะ สส. จึงไม่ถือว่าขัดหรือ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคหก แต่อย่างใด


 


สำหรับคำร้องอื่นๆ ศาลเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ   


 


 






กระบวนการยุติธรรม


 


ปิดคดีจ้างสังหารอดีตประธานศาลฎีกา/คุก "รังสรรค์"25ปี


เว็บไซต์สยามรัฐ - ที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 29 ก.ย.51 ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีลอบสังหารนายประมาณ ชันซื่อ ประธานศาลฎีกา (ขณะนั้น) ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมพร หรือหมา เดชานุภาพ, นายเณร มหาวิไล, นายอภิชิต อังศุธรางกูร หรือเล็ก สตูล และนายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ นักธุรกิจและสถาปนิกชื่อดัง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับในความผิดฐานใช้จ้างวาน และก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าคนตาย


 


คดีนี้ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ได้มีการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยให้การสอดคล้องต้องกัน พยานจำเลย ยากที่จะเป็นสร้างเรื่องขึ้นมา ส่วนคำเบิกความการต่อสู้คดีของจำเลย ทั้ง 4 ก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานได้


 


ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-4 กระทำความผิดฐานจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาลงโทษประหารชีวิต แต่เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่สำเร็จผล ตามกฎหมายให้ลงโทษผู้กระทำความผิดรับโทษ 1 ใน 3 โดยเมื่อเทียบโทษประหารชีวิต คือ จำคุก 50 ปี ดังนั้น ลงโทษจำคุก คนละ 25 ปี


 


อย่างไรก็ตาม สำหรับจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ให้การรับสารภาพในการชั้นสอบสวน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 16 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 และ 4 จำคุกคนละ 25 ปี


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังศาลได้อ่านคำพิพากษาจบ ทนายจำเลยได้ยื่นประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ทันทีโดยมีกำหนดเวลา 30 วันในการเขียนคำอุทธรณ์ต่อศาล และรวบรวมคำค้านสู้ฝ่ายโจทก์ ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 30 วันตามกฎหมาย


 


สำหรับคดีนี้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2536 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2535 -25 พ.ค.2536 ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยที่ 4 ได้บังอาจเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนโดยใช้ จ้างวาน ยุยง ส่งเสริมให้นายอภิชิต จำเลยที่ 3 จัดหาบุคคลไปฆ่านายประมาณ ชันซื่อ ให้ถึงแก่ความตาย


 


จากนั้นนายอภิชิต เป็นผู้ใช้ให้ นายบรรเจิด จันทนะเปลิน ให้จัดหาบุคคลไปฆ่านายประมาณ ซึ่งนายบรรเจิด ตอบตกลงตามที่ นายอภิชิตจ้างวาน จึงติดต่อให้นายสมพร จำเลยที่ 1 และนายเณร จำเลยที่ 2 จัดหามือปืน คือ นายประทุม สุดมณี และนายบำรุง ชัยเมือง ไปฆ่านายประมาณ แต่ภายหลังทั้งสองกลับใจไม่ยอมกระทำความผิด นายประมาณ ชันซื่อ จึงไม่ถูกฆ่าตายสมดังเจตนาของจำเลย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 83, 84 ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ตามฟ้อง โดยในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ แต่กลับให้การปฏิเสธในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธโดยตลอด


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้เมื่อปี 2536 นับเป็นข่าวครึกโครมมากเนื่องจากขณะเกิดเหตุนายประมาณ ชันชื่อ ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ส่วน นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณก็เป็นบุคคลมีชื่อเสียง และเป็นสถาปนิกชื่อดัง โดยทั้งสองฝ่ายนำพยานเข้าสืบฝ่ายละหลายสิบปากโดยฝ่ายโจทก์มีนายตำรวจหลายนาย อาทิ พล.ต.ท.โสภณ สวิคามิน, พล.ต.ท.ธนู หอมหวล,พ.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย (ขณะนั้น) พ.ต.ต.ทวี สอดส่อง (ขณะนั้น) ฯลฯ โดย ใช้เวลาพิจารณาคดี และสืบพยานนานกว่า 15 ปี ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษา ส่วน นายประมาณ ชันซื่อ ได้ถึงแก่อนิจกรรมไปเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วน นายอภิชิต อังศุธรางกูร หรือเล็ก สตูล เคยลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล และทำธุรกิจเกี่ยวกับการสัมปทานรังนกในเขต จ.กระบี่ โดยเคยถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว


 


 






คุณภาพชีวิต


 


เตือนพายุโซนร้อน "เมขลา" ทำอีสานฝนตกหลายพื้นที่


เว็บไซต์คมชัดลึก - กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย พายุโซนร้อน"เมขลา"ฉบับที่ 4 (355/2551) เวลา 05.00 น. วันที่ 30 กันยายน ว่าพายุโซนร้อน"เมขลา"บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของจังหวัดนครพนมหรือละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กม./ ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ ชม.คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นสู่ชายฝั่งของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนามตอนบนในเช้าวันนี้( 30 ก.ย. 51) และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น โดยมีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในแนวจังหวัดนครพนม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่


 


ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหลโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ หนองคาย สกลนคร อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นได้อีกในระยะ 1-3 วันข้างหน้านี้ (30 ก.ย. - 2 ต.ค. 51)


 


สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 30 ก.ย. - 1 ต.ค.51 นี้ไว้ด้วย


 


ดีแทคเจอพิษมือถือจีน เร่งปรับตัวศึกษาระบบ


โลกวันนี้ - ดีแทคเซ็งมือถือจีนทะลักเข้าไทยเกินคาด ลูกค้าบ่นบริการคอนเทนต์ไม่ตรงตามต้องการ เร่งแก้ปัญหา โอดผลประกอบการพลาดเป้าหดเหลือ 5% ล่าสุดจับมือเคเอฟซีเปิดตัว "ซิมแฮปปี้ปล่อยไก่ by KFC" ให้กินไก่ฟรี โทร.ฟรีตลอดปี


 


นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เกือบทุกค่ายประสบปัญหาการให้บริการกับลูกค้า เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากหันไปใช้เครื่องโทรศัพท์มือถือนำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งบางรุ่นคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน มีปัญหาในการให้บริการบางคอนเทนต์ที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ อาทิ การดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้า หรือการดาวน์โหลดเพลง ทำให้ได้รับผลกระทบเรื่องการให้บริการลูกค้า


 


ทั้งนี้ ดีแทคได้พยายามศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือจากจีนมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ให้สามารถใช้บริการได้อย่างครบถ้วนที่สุด และรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามือถือจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาดไทยรุนแรงมาก ซึ่งส่งผลให้มือถืออินเตอร์แบรนด์หลายรายได้รับผลกระทบและสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด ถึงแม้ว่าในส่วนนี้จะไม่มีผลกระทบเรื่องรายได้ต่อดีแทคโดยตรง แต่ก็มีผลกระทบเรื่องการบริการที่จัดเตรียมไว้


 


"เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เข้ามามีผลต่อการดำเนินธุรกิจ ทำให้ดีแทคต้องหันมาให้ความสนใจศึกษาและเรียนรู้ระบบต่างๆของมือถือจากจีน และปรับตัวให้เร็วที่สุด เพื่อหาช่องทางนำเสนอสินค้า การบริการให้กับลูกค้าอย่างครบถ้วน"


 


นายธนายังกล่าวถึงผลการดำเนินการของดีแทคในปีนี้ว่า คาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายเรื่อง ทั้งเรื่องราคาน้ำมัน ปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดเป้าหมายของรายได้ปีนี้เหลืออัตราการเติบโตเพียง 5% จากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตระหว่าง 5-10%


 


อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทก็พอใจ เพราะก่อนหน้านี้ดีแทคได้ปรับองค์กรใหม่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งยังมีเงินพิเศษที่เกิดจากการยอมความของบริษัทดิจิตอลโฟนอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท ช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนลูกค้าก็เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉลี่ยในแต่ละเดือนดีแทคมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 150,000-200,000 ราย โดยมั่นใจว่าสิ้นปีจะมียอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นตามเป้า 2-3 ล้านรายได้ และรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่ระดับ 30% ไว้ได้


 


รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทคกล่าวด้วยว่า ล่าสุดแฮปปี้จากดีแทคได้ร่วมมือกับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของเคเอฟซี เปิดตัว "ซิมแฮปปี้ปล่อยไก่ by KFC" เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น คนยุคใหม่ที่มีชีวิตอินเทรนด์ สนุกกับกิจกรรมมากมายในชีวิตประจำวันให้ได้มีชีวิตแบบแฮปปี้ครบรส ได้อิ่มอร่อยฟรีกับเมนูหลากรสจากเคเอฟซี และได้รับสิทธิโทร.ฟรีจากแฮปปี้ ทั้งสิทธิพิเศษมากมายจากสองค่ายยักษ์ใหญ่ต่างวงการที่จับมือกันร่วมให้ความสุขแก่ผู้บริโภคเป็นครั้งแรก เอาใจตลาดในยุคสินค้าราคาแพง


 


ด้านนายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริการ (ซีอีโอ) ดีแทค กล่าวถึงการเปิดให้บริการ 3 G ของดีแทคว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองการใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2 /2552 ซึ่งตามแผนการในระยะแรกจะเปิดให้บริการใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต สำหรับงบประมาณการลงทุนเรื่อง 3 G ได้เตรียมงบประมาณเฟสแรกไว้ 5,000 ล้านบาท


 


ส่งวิศวกรตรวจพระธาตุดอยสุเทพ


เว็บไซต์ข่าวสด - เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงการบูรณะองค์พระธาตุดอยสุเทพ จ. เชียงใหม่ ว่า พระธาตุดอยสุเทพสร้างมานาน สภาพของอิฐปูนย่อมจะเสื่อมไปตามกาลเวลา ก่อนหน้านี้สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำรวจและทำการศึกษาวิจัยองค์พระธาตุว่าผลที่เกิดนั้นเกิดจากอะไรบ้าง ทั้งการเคลื่อนตัวของดินและน้ำ สภาพวัตถุอิฐหรือปูนที่เสื่อมสภาพลงไป เมื่อตรวจพบแล้วส่วนไหนไม่มีความปลอดภัยก็จะแก้ไขจุดนั้น และแจ้งทางวัดรับทราบเพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการบูรณะ ส่วนรอยแตกของจังโกที่ขณะนี้องค์พระธาตุนั้นห่อหุ้มแผ่นทองจังโกเป็นส่วนที่รับรัดกรอบชั้นในองค์พระธาตุไว้ อย่างไรก็ดี ตนและนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วธ. พร้อมด้วยวิศวกรของกรมศิลปากรจะไปตรวจสอบ ในวันที่ 1 ต.ค.นี้


 


 






ต่างประเทศ


 


ตลาดหุ้นมะกันดิ่งเหว 778 จุด สภามะกันปัดตกแผน


ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (30 ก.ย.) ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก หลังสภาคองเกรสลงมติด้วยคะแนนเสียง 228 ต่อ 205 เสียง ไม่รับรองร่างกฎหมายกอบกู้วิกฤติการเงินของรัฐบาลมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งให้ดัชนีเคลื่อนไหวที่แนวลบหลายร้อยจุดทันที เนื่องจากนักลงทุนหวั่นวิตกว่า ท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลจะจัดการหนี้เสียมูลค่ามหาศาลของธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้อย่างไร และยังแสดงให้เห็นว่า วิกฤติการเงินอาจจะเลวร้ายลงอีก หลังจากทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งต้องล้มละลายหรือขายกิจการ


 


ผลพวงของตลาดหุ้นดิ่งกราวรูดยังฉุดให้ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ งวดส่งมอบล่วงหน้าเดือนพฤศจิกายน ดิ่งลงถึง 10.52 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปปิดที่ 96.37 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,365.45 จุด ดิ่งลง 777.68 จุด หรือ 6.98% เป็นการปรับลดลงในวันเดียวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,106.42 จุด ลดลง 106.85 จุด หรือ 8.81% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,983.73 จุด ลดลง 199.61 จุด หรือ 9.14%


 


ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดิ่งลงถ้วนหน้าราว 4-5% จากผลพวงของวิกฤติการเงิน ไม่ว่าจะเป็นกรณีของฟอร์ติส กลุ่มธุรกิจธนาคารและประกันภัยรายใหญ่ของยุโรป ที่ขายหุ้นให้กับรัฐบาลกลุ่มเบเนลักซ์ เพื่อหนีวิกฤติล้มละลาย รวมถึงแบรดฟอร์ด แอนด์ บิงลีย์ ธนาคารปล่อยสินเชื่อบ้านของอังกฤษ ที่ประสบภาวะขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จนรัฐบาลต้องเข้าซื้อกิจการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net