Skip to main content
sharethis





การเมือง


พันธมิตรฯ เรียกร้องกองทัพเลิกเป็นกลางยุติความขัดแย้ง


ผู้จัดการออนไลน์ : นายปานเทพ พงษ์พัวพันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ แถลงข่าวแทนแกนนำพันธมิตรฯ เนื่องจากแกนนำพันธมิตรฯ ไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุดในข้อหาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากข้อหากบฏ เช่น การชุมนุมกีดขวางการจราจร และบุกยึดทำเนียบรัฐบาลสถานที่ราชการ ซึ่งนายปานเทพ กล่าวว่า มติของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ต่อสถานการณ์ความขัดแย้งภายในประเทศในขณะนี้ได้พัฒนาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยกระดับไปเป็นปัญหาความมั่นคงระดับชาติ โดยแกนนำพันธมิตรฯ ต้องการให้ทหารออกมาทำตามหน้าที่ของตนเองตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ไม่ได้เรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติหรือรัฐประหาร แต่ให้รีบออกมายุติปัญหาที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงและความสงบของประเทศ


นายปานเทพ ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาทางการเมืองทหารจะต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ปัจจุบันนี้มีปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาความขัดแย้งลงลึกเข้าไปมากขึ้นจนถึงการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเข้าจับกุมดำเนินคดีต่อผู้หมิ่นเหม่สถาบัน แต่กลับปล่อยให้มีขบวนการทำลายสถาบันอย่างชัดเจนและต่อเนื่องอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะที่ประชาชนและพันธมิตรฯ ซึ่งออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กลับถูกทำร้ายรายวันจนเสียชีวิต และบาดเจ็บ โดยไม่สามารถจับกุมคนผิดมาลงโทษได้ รวมทั้งการคุกคามสถาบันตุลาการ และทำลายกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจของพระมหากษัตริย์ และการใช้อำนาจของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยการมีความพยายามแก้ไขมาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 มาฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และแก้ไขบางมาตราเพื่อผลประโยชน์นักการเมือง พร้อมกับพยายามลดโครงสร้างสถาบันองคมนตรี และสุดท้ายรัฐบาลยังไม่ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ทำให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลไทยไม่คำนึงถึงอธิปไตยเหนือดินแดนของไทย และเป็นหน้าที่ของทหารโดยตรงที่จะต้องออกมาปกป้องการเสียดินแดนของประเทศ แต่ท่าทีของทหารที่ผ่านมามีเพียงการแสดงอำนาจอย่างอ่อนในการแก้ปัญหาความมั่นคงของประเทศที่ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้สร้างขึ้นมา


ส.ส.พปช.เสนอ กม.นิรโทษกรรม นายกฯ เผย เป็นความคิดปัจเจก


เว็บไซต์คมชัดลึก : เมื่อเวลา 14.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเตรียมรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า เรื่องนี้ตนพูดไปแล้วว่า เป็นความคิดของแต่ละคน จะถามว่าเกี่ยวกับพรรคหรือไม่ ก็ไม่ใช่ และตนก็บอกไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นของแต่ละคน สุดท้ายจะทำได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับข้อบัญญัติของกฎหมาย



เมื่อถามว่าแต่เรื่องนี้ก็ต้องผ่านมติของพรรคแล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ใช่ความรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรค เป็นเรื่องของตัวบุคคลหรือคณะบุคคล เป็นความคิดของแต่ละคน อย่างที่ตนบอกว่าสุดท้ายจะทำได้หรือไม่ได้นั้นก็มีกฎหมายอยู่ ก็แล้วแต่ว่าจะไปวิเคราะห์กันเอง เมื่อวานตนก็พูดเรื่องนี้ไป 2 ครั้งแล้ว



ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักของกฎหมายจะต้องออกเพื่อสาธารณชนทั่วไป ไม่ใช่เพื่อคณะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้ ก็ต้องไปดูกฎหมายว่าจะทำได้หรือไม่ได้ เมื่อถามว่าแสดงว่ายังทำไม่ได้ใช่หรือไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่รู้  เมื่อถามถึงกรณีการไปชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุลายม็อบ 7 ต.ค. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ได้ชี้แจงไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็เปิดเผยไม่ได้


"อนุพงษ์"ตั้งกรรมการสอบ เสธ.แดงฝึก "นักรบพระเจ้าตาก"


เว็บไซต์แนวหน้า : พล.อ.อนุพษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของกองทัพต่อสถานการณ์การเมืองว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะมีความรุนแรง ส่วนกรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ฝึกนักรบพระเจ้าตาก ตนได้เชิญตัวมาคุยและให้รายงานการดำเนินการว่าไปทำอะไรอย่างไร ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการและสอบสวนดูว่าไปทำอะไรอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ตนคิดว่าท่านคงพิจารณาเหมาะสมแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะได้มีการพูดคุยแล้ว ซึ่งท่านถือว่าเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเราคงไม่ได้ไปกำหนดว่าต้องทำอย่างไรเพียงแต่พูดคุยและซักถามกันในฐานะของนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ในส่วนของทหารเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันก็ได้คุยกัน และเพื่อนทหารม้าก็ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งท่านคงมีวิธีว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร


เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินในพื้นที่ภาคเหนือ พล.อ.อนุพงษ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามพร้อมกับเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวไป


 


รัฐบาลเอาใจท้องถิ่นแก้กม.ปลดล็อควาระดำรงตำแหน่งผู้บริหารอปท.


คมชัดลึก -  นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุมวิปรัฐบาลได้หารือการพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยร่างพ.ร.บ.เทศบาล ร่างพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ร่างพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด และร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (แก้ไขวาระดำรงตำแหน่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) จากเดิมที่ห้ามเป็น 2 วาระติดต่อกัน โดยที่ประชุมเห็นชอบให้แก้ไขปลดล็อกไม่จำกัดเวลา



เมื่อถามว่าเอาใจท้องถิ่นเพื่อช่วยหาเสียงเลือกตั้ง นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะมองอย่างนั้นก็ได้ว่าเอาใจท้องถิ่น แต่การเลือกตั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเรื่องของชาวบ้านเพราะหากทำดีก็มีสิทธิได้รับเลือกกลับมาอีก แต่ว่าถ้าไม่ดีเขาก็ไม่เลือกกลับมาก็แค่นั้น



"กองทัพธรรม"ส่งทีมลงพื้นที่อิสาน-เหนือป้องกันนปก.บุก


คมชัดลึก - ที่ทำเนียบรัฐบาล เรือตรีแซมดิน เลิศบุศก์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม กล่าวถึงเหตุเผชิญหน้ากันที่เครือข่ายสันติอโศก จ.ศรีษะเกษ ว่า เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีการใช้ความรุนแรงมีเพียงการปลุกระดมคนและมีมอร์เตอร์ไซค์มาป่วนเท่านั้น แต่ถือว่ายังเป็นสถานการณ์ที่ไว้ใจไม่ได้ เราจึงได้ส่งทีมงานที่ไว้ใจได้ลงไปยังสันติอโศกในภาคอิสานและภาคเหนือเพื่อดูแลความปลอดภัยพี่น้อง โดยทางเรายึดมั่นในหลักสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน



"ความรุนแรงจะเกิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับพวกเขา เหมือนหมาป่ากับลูกแกะ ถ้าเขาจะหาเรื่องก็หาเรื่องตรงไหนก็ได้ เราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าป้องกันตัวเองไม่ให้ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป แต่อยากฝากบอกอีกฝ่ายว่าขอให้ต่อสู้บนวิถีประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์เพื่อเป็นแบบอย่างให้ลูกหลาน ถ้าทำความรุนแรงเกิดความเสียหายประเทศชาติก็เสียหายไปด้วย" เรือตรีแซมดิน กล่าว






คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ


สมัชชาชาวนาฯ เรียกร้อง รบ.รับจำนำข้าวราคาเป็นธรรม


ผู้จัดการออนไลน์ : นายภราดร โพธิ์ศรี ประธานสมัชชาชาวนา ชาวไร่ ภาคอีสาน พร้อมด้วยสมาชิกสมัชชา จำนวน 20 คน เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาการรับจำนำข้าว โดยยื่นผ่าน นายเจริญ จันทร์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการรับจำนำข้าวเหนียว ในอัตรากิโลกรัมละ 12 บาท ข้าวเจ้าธรรมดา กิโลกรัมละ 14 บาท และข้าวเจ้าหอมมะลิ กิโลกรัมละ 16 บาท พร้อมทั้งคัดค้านแนวคิดของรัฐบาล ที่จะซื้อข้าวจากประเทศเวียดนาม เพราะจะทำให้ชาวนาของไทยเสียผลประโยชน์ แต่ผลประโยชน์จะตกอยู่ที่รัฐบาลและกลุ่มพ่อค้าแทน รวมทั้งรัฐบาลต้องเร่งรีบรับรองโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ขณะเดียวกันเห็นว่า รัฐบาลต้องดำเนินการกับโรงสี และข้าราชการที่จ้องจะเข้ามาทุจริตหาผลประโยชน์


นอกจากนี้ นายภราดร กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลเพิกเฉยไม่นำข้อเรียกร้องมาพิจารณาแก้ไขปัญหาทางสมัชชาชาวนา ชาวไร่ ภาคอีสาน จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมวลชนในพื้นที่ เพื่อกดดันรัฐบาล


ชาวสิรินธรรวมตัว วอนขอที่ดินทำกินจากรัฐ


ผู้จัดการออนไลน์ : วันนี้ (5 พ.ย.) มีกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ถูกยึดที่ดินทำกินในพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอสิรินธร จ.อุบลราชธานี จำนวนประมาณ 200 คน นำโดย นายสะพานทอง พันธุ์โชค ราษฎรบ้านบากชุม ต.โนนก่อ อ.สิรินธร เพื่อมาให้กำลังใจและยื่นเอกสารร้องเรียนกับนางวาสนา แก้วกัญญา นายกสมาคมส่งเสริมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐภาคอีสาน ช่วยติดตามทวงถามกรณีเมื่อปี 2513 ทางการสั่งให้ราษฎรจำนวน 12 หมู่บ้าน 3 ตำบล ประมาณ 1,200 ครอบครัว ให้อพยพโยกย้ายออกจากที่ดินทำกิน
       
ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัท ตั้งฮั้วจำกัด ซึ่งเป็นของ นายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีหลายสมัยเข้าไปรับสัมปทานตัดไม้ในพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ เพื่อกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์ตามนโยบายรัฐบาลสมัยนั้น
       
หลังบริษัท ตั้งฮั้ว จำกัด สิ้นสุดสัญญาสัมปานตัดไม้เมื่อปี 2519 รัฐบาลไม่ยอมคืนที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านตามข้อตกลง แต่กลับยกให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) รับไปจัดสรรให้เอกชนเข้ามาปลูกป่าทดแทน และต่อมาให้เอกชนมาปลูกต้นยูคาลิปตัสออกจำหน่าย โดยที่ดินบางแปลงมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลไปออกเอกสารสิทธิครอบครองแล้ว ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินเดิมพยายามต่อต้าน
       
พร้อมทำหนังสือร้องเรียนไปกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงเข้ามาร้องเรียนกับสมาคมส่งเสริมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐภาคอีสานให้ช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
       
นายสะพานทอง เล่าอีกว่า กลุ่มนายทุนที่เข้ามาครอบครองพื้นที่ขณะนี้ เดิมปลูกต้นยูคาลิปตัสเพื่อตัดจำหน่าย แต่ขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ปลูกต้นยางพาราเพิ่มเติม เมื่อชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินและมีหนังสือเสียค่าภาษีบำรุงท้องที่จะเข้าไปทำกิน ก็จะถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุก ทำให้ชาวบ้านกว่า 1,200 ครอบครัว ร้องเรียนกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งรับปากให้ความช่วยเหลือ โดยจะจัดหาที่ดินทำกินให้ แต่ถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงไม่เชื่อถือระบบราชการ เพราะมีแต่โยนเรื่องไปมาโดยไม่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนอย่างจริงจัง
  
ด้าน นางวาสนา แก้วกัญญา นายกสมาคมส่งเสริมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐภาคอีสานกล่าวว่า เมื่อมีชาวบ้านมาร้องเรียนก็ได้ส่งฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบความเป็นมา แต่ถูกทางอำเภอปฏิเสธให้ความร่วมมือ โดยอ้างเป็นสมาคมเถื่อนไม่สามารถมาตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ เบื้องต้นได้ข้อเท็จจริงจากการลงสำรวจพื้นที่ทั้งหมด
       
ทั้งนี้ พบว่า มีกลุ่มนายทุนเข้าไปยึดครองที่ดินของชาวบ้านไว้จำนวนมาก จะได้ทำหนังสือให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มาไกล่เกลี่ยยุติข้อพิพากษ์กับชาวบ้าน แต่ถ้าไม่เป็นผลก็อาจดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลให้ช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป






ต่างประเทศ


เหล่าผู้นำทั่วโลกต่างร่วมยินดี "โอบามา" สื่อพบเนตทำให้มีชัย


เว็บไซต์คมชัดลึก:นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังทราบผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายบารัก โอบามา ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้รับชัยชนะขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ซึ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2552 ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้มอบสารแสดงความยินดีผ่านทาง นายอีริค จี จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยแล้ว



โดยสารดังกล่าวใจความระบุว่าประเทศไทยพร้อมให้ความร่วมมือสหรัฐอเมริกาเดินหน้ากรอบความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไปเพราะ 2 ประเทศมีพื้นฐานความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดียาวนานกว่า 175 ปี ประกอบกับนายโอบามามีความเข้าใจพื้นฐานของภูมิภาคเอเชียเป็นอย่างดีจึงน่าจะทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี



ส่วนการที่นักธุรกิจไทยมีความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของนายโอบามาว่าจะเป็นอุปสรรคด้านการส่งออกในตลาดสหรัฐฯ เห็นว่า เป็นการวิเคราะห์ทั้งทางบวกและลบแต่สิ่งสำคัญคือต้องติดตามนโยบายที่ชัดเจนควบคู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย เชื่อว่านักธุรกิจมีแผนรับมือเพื่อปรับแผนธุรกิจอยู่แล้ว



วอลเตอร์ แอเดอร์สัน บรรณาธิการของเว็บไซต์ แฟมิลี่ซิเคียวริตี้แมทเทอร์ส์ ดอท โออาร์จี ระบุว่า อินเตอร์เนตถือได้ว่าเป็นโทรทัศน์ยุคใหม่ สำหรับการรณงค์หาเสียงในศตวรรษที่ 21 และอินเตอร์เนตได้พิสูจน์แล้วว่า มีบทบาททำให้ผู้สมัครเข้าถึงผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากได้ในทันทีและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้มากกว่าโทรทัศน์



นักวิเคราะห์บอกเพิ่มเติมว่า บทพิสูจน์อย่างหนึ่งจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ก็คือผู้สมัครที่มีอินเตอร์เนตในมือจะเป็นฝ่ายได้เปรียบคู่แข่ง มากกว่าการหาเสียงทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ โทรศัพท์หรือการหาเสียงตามบ้าน เพราะอินเตอร์เนตสามารถทำให้ผู้สมัครกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน



ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือความสำเร็จของทีมหาเสียงของบารัค โอบาม่า ที่หลายสื่อฟันธงว่า ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐแล้ว เพราะเขาสามารถรณรงค์หาทุนได้ถึง 150 ล้านดอลลาร์แค่เพียงเดือนกันยายนเดือนเดียว และสามารถหาเงินบริจาคได้มากหลายสิบล้านดอลลาร์ ผ่านทางอินเตอร์เนตซึ่งได้มากกว่าคู่แข่งหลายเท่า โดยโอบาม่า ไม่เพียงแต่ใช้อินเตอร์เนตในการหาทุนเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ด้วย



ในส่วนของผู้นำโลกต่างตบเท้าออกมาแสดงความยินดีกับโอบามาเช่นกัน โดยนายโฆเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้แสดงความยินดี พร้อมกับหวังว่าโอบามาจะช่วยให้สามารถตัดสินใจในข้อตกลงใหม่ที่จะสามารถคลี่คลายวิกฤติการเงินได้ ด้านประธานาธิบดีเอ็มไว คิบากีแห่งเคนยากล่าวว่าชัยชนะของโอบามาเป็นวันสำคัญอันยิ่งใหญ่สำหรับเคนยาซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของบิดานายโอบามา พร้อมประกาศให้วันพฤหัสบดีเป็นวันหยุดเพื่อให้ชาวเคนยาได้ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของโอบามา และเคนยา



ขณะที่ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โคซีแห่งฝรั่งเศส กล่าวว่าการเลือกโอบามาเท่ากับชาวอเมริกันได้เลือกความเปลี่ยนแปลง ความเปิดกว้าง และการมองโลกในแง่ดี ส่วนนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ชื่นชมพลังทางการเมืองของโอบามา และวิสัยทัศน์ในอนาคต ขณะที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาแห่งจีนกล่าวว่าชัยชนะของโอบามาเป็นยุคใหม่ทางประวัติศาสตร์ และตัวเขามุ่งหวังที่จะยกระดับความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ของสองประเทศเข้าสู่ระดับใหม่ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีทาโร อะโซแห่งญี่ปุ่น ที่ให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับผู้นำใหม่ของสหรัฐเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น ส่วนนายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่าชัยชนะของโอบามาคือหลักเขตของความเสมอภาค


ทางการจีน รวบโรงงาน ต้นตอเจือปน "เมลามีน"


เว็บไซต์สยามรัฐ : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ทางการจีนได้ควบคุมตัวนายเกา ซิงเตา  เจ้าของโรงงานผลิตอาหารสัตว์เสิ่นหยาง หมิงซิง หลังมีรายงานข่าวและตรวจ พบว่า  อาหารสัตว์ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ปนเปื้อนสารเมลามีน  จนเป็นเหตุให้สารพิษดังกล่าวปนเปื้อนลุกลามไปยังไข่ไก่ เหตุอื้อฉาวเกี่ยวกับกรณีไข่เปื้อนพิษเริ่มเป็นที่จับตามอง นับตั้งแต่หน่วยงานด้านความ ปลอดภัยทางอาหารของฮ่องกงตรวจพบว่าไข่ไก่ที่นำเข้าจากจีน     ซึ่งผลิตโดยกลุ่มบริษัท ฮันเหว่ย ทางตอนเหนือของเมืองต้าเหลียน ในมณฑลเหลียวหนิง มีสารเมลามีนปนเปื้อนใน อัตราสูงเกินกว่าที่ทางการกำหนด หลังจากการตรวจสอบพบว่า  สารเมลามีนที่พบในไข่ไก่นั้น  มีที่มาจากอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์มีการปนเปื้อนสารเมลามีนอยู่ ทางด้าน  นายเกา  ซิงเตา  เจ้าของโรงงานผลิตอาหารสัตว์เสี่ยนหยาง หมิงซิง ยอมรับว่า ได้จำหน่ายอาหารสัตว์ปนเปื้อนนี้ให้แก่บริษัทฮั่นเหว่ยไปถึง 212 ตัน ขณะที่  เจ้าของบริษัทฮันเว่ย ผู้ผลิตไข่ไก่ที่มีปัญหาได้ออกมากล่าวขอโทษต่อผู้บริโภค และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พร้อมทั้งยืนยันบริษัทว่าไม่เคยสั่งซื้อสารเมลามีนมาเพื่อใช้เติมในอาหารสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้  นับตั้งแต่ปัญหาเมลามีนขยายวงกว้างจากผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มไปยังไข่ไก่ ก็ทำให้เกิดกระแสความตื่นกลัวเรื่องความปลอดภัยในอาหารสัตว์   ว่าจะเป็นเหตุให้ลุกลามไป ยังห่วงโซ่อาหารอื่น เช่น เนื้อและปลา เป็นต้น


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net