ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551

การเมือง

 

ปชป.ฮึกเหิม ปลุกสมาชิกเตรียมเลือกตั้ง ตั้งเป้าได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง
มติชนออนไลน์-ปชป.สัมมนากก.บห.-ครม.เงา คึกคัก "ชวน" ชี้นายกฯจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ปลุกสมาชิกให้เตรียมพร้อมลงพื้นที่ แสดงผลเรตติ้งเผยภาคเหนือตอนบนยังไม่นิยมเท่าที่ควร แต่เหนือตอนล่างไปได้สวย เร่งแจงอีสานพรรคไม่เกี่ยวพันธมิตร

พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดงานสัมมนาคณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และคณะรัฐมนตรีเงา (ครม.เงา) ของพรรค ที่ห้องบอลรูม 1 โรงแรมสุโขทัย ถนนสาทร เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งที่ประชุมได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง โดยมีรายงานข่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวบรรยายว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ลาออกหรือยุบสภาอย่างแน่นอน แต่อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงขอให้สมาชิกทุกคนเตรียมความพร้อมด้วยการลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชน

 

ข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้บรรยายเรื่องการเตรียมความพร้อมสู่สนามเลือกตั้ง โดยมีการกำชับสมาชิกพรรคให้เตรียมความพร้อมทุกรูปแบบ เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในปี 2552 และพรรคต้องหาวิธีที่จะทำให้ได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 200 คน ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กำชับให้สมาชิกพรรคระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ ลดการพูดเสียดสีโจมตีทางการเมืองลงแล้วเน้นการพูดเสนอแนะที่สร้างสรรค์มากขึ้น

 

"ที่ประชุมยังได้มีการแสดงผลสำรวจคะแนนนิยมของพรรคในภาคต่างๆ ซึ่งพบว่าคะแนนของพรรคในภาคเหนือตอนบนยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แต่ในภาคเหนือตอนล่าง พรรคคะแนนดีขึ้นจนถือว่าชนะพรรคพลังประชาชน ส่วนในภาคใต้ คะแนนของพรรคยังมีประมาณร้อยละ 80 ขึ้นไป ขณะที่คะแนนของพรรคคู่แข่งอยู่ในระดับต่ำสิบ สำหรับภาคกลางและภาคตะวันออก พรรคมีคะแนนดีขึ้นมาก ขณะที่ในภาคอีสานตอนล่าง คะแนนของพรรคเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังน้อยกว่าช่วงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ส่วนในภาคอีสานตอนบน คะแนนนิยมในตัวหัวหน้าพรรคและพรรคในลดลงอย่างมากเหลือเพียงประมาณร้อยละ 27 เนื่องจากพรรคถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ขอให้ ส.ส.ของพรรคไปชี้แจงว่านโยบายประชานิยมสร้างความเสียหายในระยะยาว" แหล่งข่าวกล่าว

 

5 ผู้บริหารพปช. ยื่นใบลาออกจาก ส.ส.เพิ่ม
มติชนออนไลน์-นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ได้มายื่นใบลาออกจากการเป็นส.ส.แล้ว โดยให้มีผลบังคับในวันเดียวกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดตารางการพิจารณาคดียุบ 3 พรรคการเมือง ในวันที่ 2 ธันวาคม จะให้พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย แถลงปิดคดี

 

ม.ล.ปลื้ม บุกศาลา กทม.ประกาศลงสมัครผู้ว่าฯขอเป็นเลือดใหม่นัดแถลงเปิดตัว29พ.ย.

เว็บไซต์เดลินิวส์-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่สำนักงานปกครองและทะเบียน ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) "ปลื้ม" ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล พิธีกรชื่อดัง ได้เดินทางมารับใบสมัครและสอบถามข้อมูลการรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.จากเจ้าหน้าที่สำนักงานปกครองฯ โดยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามาขอใบสมัครเพื่อเตรียมตัวลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. 2552 นี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ต่างรุมขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

 

ทั้งนี้หลังจากที่กทม.เปิดให้ผู้สนใจมารับใบสมัครผู้ว่าฯ กทม.ล่วงหน้าที่สำนักงานปกครองฯ ก่อนที่จะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-4 ธ.ค.นี้ ปัจจุบันมีผู้สนใจมารับใบสมัครทั้งหมด 9 ราย ส่วนใหญ่ส่งผู้แทนมา รับ เช่น ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ นางลีนา จังจรรจา นายวิทยา จังกอบพัฒนา และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครเมื่อครั้งที่แล้ว รวมทั้งผู้แทนพรรคพลังประชาชนและพรรคชาติไทยก็มารับใบสมัครด้วย

 

ม.ล.ณัฏฐกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ตนตัดสินใจได้แล้ว 100% ที่จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ในนามอิสระ โดยชูสโลแกนเบื้อง ต้น "เลือกผม เลือกผู้ว่าฯ อนาคต ถ่ายเลือดเก่า การเมืองออก สู่การเปลี่ยนแปลง" ส่วนที่ตัดสินใจเด็ดขาดจะลงสมัครเนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ไม่มีทางออก มีแต่นักการเมืองเก่าๆ คนเก่าๆ บ้านเมืองไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตนจึงพร้อมเป็นเลือดใหม่ เพื่อมาสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้นในอนาคต โดยเริ่มจากเวทีของผู้ว่าฯ กทม.ตนพร้อมเต็มที่แล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่าสังคมหรือประชาชนคนกรุงเทพฯ พร้อมที่จะเลือกตนหรือไม่ อันนี้คงขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจ แต่ตนลงสมัครครั้งนี้เพื่อให้เห็นว่าตนพร้อมที่จะเป็นเลือดใหม่ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ ซึ่งในรายละเอียดขอแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. ที่คอนโด ส่วนตัว "มูนทาว์เวอร์ ซอยสุขุมวิท 59"

 

ในวันแถลงจะยังไม่เปิดตัวทีมงานหรือทีมรองผู้ว่าฯ แต่จะประกาศเจตนารมณ์ในการลงสมัครในครั้งนี้ และเมื่อตัดสินใจแล้วก็พร้อมสู้เต็มที่ในทุกด้าน และใช้รูปแบบการหาเสียงตามความต้องการของตน ส่วนคู่แข่งขันนั้นไม่ได้มองว่าต้องแข่งกับใครบ้าง สิ่งที่ต้องทำคือประกาศเจตนารมณ์ในการลงสมัครให้ประชาชนทราบและชูนโยบายให้คนกรุงเทพฯ พิจารณาส่วนผลจะออกมาเช่นไรต้องรอดูวันเลือกตั้ง 11 ม.ค.นี้.

 

ตร.ยื่นถอนประกันแกนนำพธม.

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์-นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ขอให้พิจารณาถอนประกันแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 9 คนแล้ว ซึ่งในหนังสือดังกล่าวระบุเฉพาะการขอเพิกถอนประกันตัว แต่ไม่มีสาเหตุและรายละเอียดประกอบเหตุผลที่จะขอให้อัยการสั่งเพิกถอนการประกันตัวดังกล่าว

 

ดังนั้นจึงขอให้พนักงานสอบสวนช่วยระบุรายละเอียดเหตุผลในการถอนประกันให้ชัดเจนแล้วส่งกลับมาใหม่ ซึ่งหากพนักงานสอบสวนส่งหนังสือกลับมา ทางอัยการก็พร้อมพิจารณาให้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ทั้งนี้เห็นว่าต้องเปิดโอกาสโดยเรียกให้ผู้ต้องหาทั้ง 9 คนเข้ามาชี้แจ้งด้วย

 

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ที่เป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานฯ, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ

 

อย่างไรก็ดี ในส่วนของ พล.ต.จำลอง ผู้ต้องหาที่ 1 และนายไชยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 7 ได้พ้นจากกำหนดระยะเวลาฝากขังครั้งสุดท้าย และศาลอาญาได้มีคำสั่งปล่อยตัวไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องยื่นคำร้องให้อัยการเพิกถอนประกันตัว ซึ่งจะเหลือเพียงผู้ต้องหาอีก 7 คนเท่านั้นที่อัยการสามารถสั่งเพิกถอนประกันตัวได้

 

พธม.ตะเพิดเอ็นบีทีพ้นดอนเมือง อ้างสุดทนข่าวบิดเบือน
มติชนออนไลน์ - เมื่อเวลา 15.00 น. นายประพันธ์ คูณมี แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศบนเวทีชั่วคราว ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวและทีมงานของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีออกจากดอนเมืองทันที เนื่องจากไม่พอใจที่เอ็นบีทีเสนอข่าวบิดเบือนให้ร้ายพันธมิตรฯ โดยนายประพันธ์กล่าวว่า เอ็นบีทีไม่มียางอาย ไร้สำนัก และบิดเบือนจนพวกเราสุดจะทนแล้ว

 

ปูดน้องพันธมิตรรวย2พันล้าน
มติชนออนไลน์-นายจตุพร กล่าวว่า การปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้นทำให้สภาพคนไทยใกล้เคียงกับสภาพล้มละลายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันมิตรฯเข้าไปทุกที แต่บางคนล้มบนฟูก ดังนั้น ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแห่งชาติ (ป.ป.ง.) ไปดูบัญชีธนาคารน้องสาวของหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯที่ล้มบนฟูกซึ่งมีจำนวนมากถึง 2,000 ล้านบาท โดยแต่ละเดือนมีเงินเข้าเดือนละ 50 ล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลและ ป.ป.ง.ต้องดำเนินทุกวิถีทางไม่เช่นนั้นไม่สามารถหยุดยั้งมิคสัญญีที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้ และหากทหารฉวยโอกาสสงครามการเมือง สงครามประชาชน เหตุการณ์นองเลือดที่พูดกันมานั้นจะเป็นจริงในทันที

 

"จำลอง" แอ่นอก รับฟ้องค่าเสียหายจาก ทอท.แสนล้านแต่เพียงผู้เดียว

เว็บไซต์แนวหน้า-เมื่อเวลา 20.40น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า ตนได้ข่าวว่ารัฐบาลให้นปก.ใส่เสื้อสีเหลืองเข้ามาในที่ชุมนุมเพื่อเผาอาคารและเผาเครื่องบินแล้วป้ายสีว่าพันธมิตรฯทำ และการฟ้องของบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) (ทอท.)ที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายกจากกลุ่มพันธมิตรฯและเรียกร้องให้ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯทำให้เกิดความเสียหายวันละ 123ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 % และมีการประเมินว่าการยึดสนามบินสุวรรณภูมิทำให้ชาติต้องเสียรายได้วันละ 1แสนล้านบาท ซึ่งทางแกนนำได้มีการประชุมและหารือกันได้เรื่องนี้โดยมีมติว่า โดยตนได้ขออาสาเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายแต่เพียงผู้เดียวเพราะศาลระบุว่าให้ร่วมกันชดใช้หรือแทนกันได้ ซึ่งตนจะเป็นผู้แทนของพันธมิตรฯ เอง

 

 "จะฟ้องเท่าไหร่ก็ฟ้องมาได้เลยกี่แสนล้านก็ได้ แต่ผมไม่มีสมบัติอะไร จะเอาอะไรมายึดผม ฟ้องได้เลย" พล.ต.จำลอง กล่าว

 

ทนายความสิทธิฯ ร้องศาลปกครอง นายกฯ - รมต.ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เว็บไซต์แนวหน้า-มีรายงานข่าวว่า นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้งคณะ ต่อศาลปกครองกลาง ฐานประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ พร้อมขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินออกมาตรการระงับการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งขณะนี้ศาลได้รับฟ้องและกำลังพิจารณาว่าจะมีการไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่

 

ส.ว.ผ่าน2ร่างพ.ร.บ.ประกอบ รธน.ก่อนปิดสมัยประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมวุฒิสภานัดสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมวุฒิสภามีมติวาระ 2 และ 3 เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติด้วยคะแนน 93 ต่อ 4 เสียง และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ด้วยคะแนน 91 ต่อ 0 เสียง จากนั้นจะส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 141 บัญญัติต่อไป จากนั้นนายประสพสุขได้สรุปผลการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ ว่ามีการเปิดประชุมวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และปิดประชุมวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 มีการประชุม 12 ครั้ง งดประชุม 7 ครั้ง ใช้เวลาประชุมทั้งหมด 56 ชั่วโมง 25 นาที และเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่สภาผู้แทนราษฎร ส่งมาจำนวน 2 ฉบับ ตอบกระทู้ 22 เรื่อง ตกไป 31 เรื่อง และเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่องค์กรตามรัฐธรรมนูญ 1 ครั้ง จากนั้น จึงอ่านพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ และปิดประชุมเวลา 17.45 น.

 

ความมั่นคง

 

ลาว-เวียดนาม-เขมร เสนอไทยเลื่อนประชุมอาเซียน

เว็บไซต์คมชัดลึก-นายกรัฐมนตรีจาก 3 ประเทศประกอบด้วย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เสนอแนะร่วมกันเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ให้เลื่อนการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในเดือนหน้า อันเนื่องมาจากเหตุวุ่นวายทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ไทยยังยืนยันว่าพร้อมเป็นเจ้าภาพ

 

นายยง จันทรังสี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศลาว แถลงว่า นายกรัฐมนตรีทั้ง 3 ประเทศซึ่งหารือร่วมกันในกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาวได้ร้องขอให้นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ปรึกษาหารือกับรัฐบาลไทยว่าควรจะจัดการประชุมต่อ หรือเลื่อนการประชุมออกไป ขณะที่นายคอย กวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา แถลงว่า ผู้นำทั้ง 3 ประเทศต้องการให้การประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมอื่นๆ จัดขึ้นอย่างประสบความสำเร็จ

 

ขณะเดียวกัน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวระหว่างยังติดค้างอยู่ที่นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนได้ตามกำหนดในเดือนธันวาคมนี้ ที่จ.เชียงใหม่ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยขณะนี้ยืนยันได้เพียงว่า การจัดประชุมสุดยอดจะดำเนินไปตามแผน แต่จะหารือกับนายสมชายในเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อให้ตัดสินใจว่าจะทำเช่นไร

 

นายสมพงษ์เผยอีกว่า ขณะนี้มีรัฐมนตรีต่างประเทศหลายคนสอบถามมาด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่อยู่ในสภาพไร้ขื่อไร้แป และมีหลายประเทศวิตกว่าสถานทูตที่อยู่ในกรุงเทพฯ อาจจะถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้ายึด นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีต่างประเทศหลายคนที่ถามย้ำมาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย

 

ไทยยืนยันความพร้อมจัดประชุมผู้นำอาเซียน

ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องที่ลาว กัมพูชา และเวียดนามส่งหนังสือไปยังเลขาธิการอาเซียน เพื่อขอให้พิจารณาเลื่อนการประชุมผู้นำอาเซียนที่เชียงใหม่ในเดือนธันวาคมนี้ออกไปว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว ทราบเพียงตามที่เป็นข่าว ซึ่งแต่ละประเทศมีสิทธิ์จะเสนอความเห็นได้ ทั้งนี้เป็นไปได้ว่า เมื่อสำนักเลขาธิการอาเซียนได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว คงจะทำหนังสือเวียนสอบถามไปยังประเทศสมาชิก เพื่อนำความคิดเห็นไปประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพยังคงยืนยันความพร้อมซึ่งต้องการจะจัดการประชุมให้ดีที่สุด

 

ส่วนการประกาศเตือนการเดินทางมายังประเทศไทยของหลายประเทศทั่วโลก นายธฤตกล่าวว่า โดยภาพรวมประเทศต่างๆ ไม่ได้ห้ามเดินทางมายังไทย แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุม ถือเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศที่ต้องดูแลคนชาติของเขา ขณะนี้กระทรวงได้เปิดศูนย์ประสานงานเพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเป็นศูนย์สำหรับคนชาติที่ต้องการติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของตนโดยติดต่อได้ที่โทร.0-2649-5522 เท่าที่ทราบขณะนี้หลายประเทศก็เป็นห่วงคนของเขาที่ยังติดค้างอยู่ เช่นจีนที่ทราบว่ามีนักท่องเที่ยวเกือบ 1,000 คน ซึ่งขณะนี้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคเอกชน ก็หาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้แล้ว

 

นายธฤตกล่าวด้วยว่า สำหรับการจะชี้แจงคณะทูตานุทูตต่างชาติประจำประเทศไทยต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในระหว่างนี้ติดภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-เมอร์โคซูร์ ครั้งที่ 1 ที่กรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล

 

ขณะที่มีรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันพฤหัสบดี นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้อำนวยการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เชิญคณะทูตานุทูตต่างชาติประจำประเทศไทย ชี้แจงถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย

 

เศรษฐกิจ

 

ผู้ผลิตวอนรัฐช่วย หวั่นลูกค้า ตปท.หนี ซื้อสินค้าจากไทย

เว็บไซต์คมชัดลึก-น.ส.สุดจิตร อินทรไทยวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้น สมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แจ้งว่า ได้สร้างความเสียหายทั้งบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ลูกค้าที่สั่งซื้อชิ้นส่วนของไทย เนื่องจากไม่สามารถส่งสินค้าได้ตรงตามเวลา ทำให้ลูกค้าหลายรายที่นำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากไทยต้องชะลอการผลิต

 

ขณะที่บริษัทผู้ผลิตในไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าปรับจากการส่งมอบสินค้าล่าช้า บางรายถูกปรับถึง 1 แสนดอลลาร์ต่อชั่วโมง และหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไป ผลกระทบต่อแรงงานกว่า 2 แสนรายจะต้องหยุดงาน เนื่องจากไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตได้ บริษัทที่นำเข้าสินค้าจากไทยอาจเปลี่ยนไปว่าจ้างและสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตที่ประเทศอื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาสทางธุรกิจ 2-3 ปี รวมทั้งส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นต่อภาคการผลิตของไทย

 

นายวัลลภ วิตนากร เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า ชิ้นส่วนสำคัญในการตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกไม่สามารถนำออกจากคลังสินค้าได้ ส่งผลกระทบต่อการผลิต จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขสถานการณ์ด่วน โดยขณะนี้ได้ติดต่อไปยังลูกค้าต่างประเทศเพื่อขอใช้สิ้นส่วนที่พัฒนาในไทยทดแทนและเร่งผลิตสินค้า เพราะอาจทำให้ลูกค้าต่างประเทศถือโอกาสปฏิเสธรับซื้อสินค้าได้

 

นางปภาวี สุธาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สวิฟท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปิดให้บริการ ส่งผลให้สินค้าของบริษัทไม่สามารถส่งออกได้ จากปกติส่งออกวันละ 10 ตัน ไปตลาดอียู ญี่ปุ่น และอื่นๆ เป็นสินค้าประเภทที่เน่าเสียง่าย เช่น มะม่วงสุก หน่อไม้ฝรั่ง โดยมะม่วงสุกซื้อมากิโลกรัมละ 100 บาท แต่ต้องขายในประเทศ 3 กิโลกรัม 100 บาทแทน ซึ่งต้องเร่งขายเพราะเน่าเสียง่าย

 

"เงินบาท" อ่อนค่าสุดรอบ 2 ปี
มติชนออนไลน์-นักค้าเงินจากธนาคารพาณิชย์รายหนึ่ง รายงานภาวะค่าเงินบาทในวันที่ 28 พฤศจิกายน เปิดตลาดที่ 35.40-35.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันปัจจัยการเมืองยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 35.50-35.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ยังต้องจับตาว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินอ่อนค่าลงได้อีกแน่นอน

 

ทอท.เฮ!คิงเพาเวอร์ถอนฟ้อง

ไทยโพสต์-นางจิราพร เชมนะสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานแผนงานและการเงิน) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า ทอท.ได้แจ้งความคืบหน้าผลการดำเนินคดีระหว่าง ทอท.กับกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ได้แก่ คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2440/2550 ระหว่าง บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) โจทก์ กับ ทอท.จำเลย และคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2441/2550 ระหว่างบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) โจทก์ และ ทอท.จำเลย

 

โดยเมื่อวันที่ 26 พ.ย.51 ศาลแพ่งนัดฟังผลการเจรจาไกล่เกลี่ยในคดีดังกล่าว โดยโจทก์ไม่มีประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป เหตุนี้โจทก์จึงขอถอนฟ้องคดีนี้ออกจากสารบบความและจำเลยไม่คัดค้านอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

 

เนื่องจากโจทก์และจำเลยต่างยอมรับข้อเท็จจริงร่วมกันว่า ผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ 2 ราย คือ บล.ฟินันซ่า และ บล.สินเอเชีย สรุปว่ามูลค่าการลงทุนในโครงการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรและโครงการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์มีวงเงินลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนรวมกันไม่เกิน 1 พันล้านบาท จึงไม่อยู่ในข่ายต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) คู่ความทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูมิภาค ที่ได้ทำขึ้นบนพื้นฐานดังกล่าว สามารถบังคับใช้ได้

 

 

ต่างประเทศ

 

หญิงสปาไทยดับ1เซ่นถล่ม "มุมไบ" ยอดรวม130ศพ

เว็บไซต์แนวหน้า-ความคืบหน้าสถานการณ์กลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเอง ว่า"เดคคาน มูจาฮีดีน"ขนอาวุธหนัก ทั้งปืนกลอัตโนมัติและระเบิด บุกเข้าโจมตีมหานครมุมไบ รัฐมหาราษฎระ ประเทศอินเดีย ต่อเป้าหมายไม่น้อยกว่า 7แห่ง อาทิ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม สถานีรถไฟ โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารชื่อดังและโรงแรมหรูระดับ 5ดาวสองแห่ง คือ โรงแรมทัชมาฮาลและโอเบรอย-ไทรเดนต์ ตั้งแต่คืนวันที่ 26พฤศจิกายน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 104 ศพและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

 

ถล่มมุมไบตายรวม130ศพ

เมื่อวันที่ 28พฤศจิกายน นายฮัสซัน กาฟัวร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสมุมไบ เปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตในการโจมตีหลายจุดในเมืองที่เพิ่มขึ้นเป็น 130รายแล้ว ขณะที่ปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันยังดำเนินต่อไป เพื่อปราบปรามกลุ่มมือปืนที่ยังอยู่ในโรงแรมหรู 2แห่งและศูนย์ชาวยิว

 

ฮ.บุกช่วยตัวประกัน93คน

ทั้งนี้ หน่วยคอมมานโดอย่างน้อย 17นายโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ ลงบนหลังคาของศูนย์ชาบัด ลูบาวิตช์ ของชาวยิว ภายในบริเวณนาริมาน เฮาส์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและที่พักอาศัยในนครมุมไบ โดยมีทหารอีกจำนวนหนึ่ง บุกเข้าทางชั้นล่างของอาคาร เพื่อเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกกักขังอยู่ด้านใน ส่วนการช่วยเหลือตัวประกันที่โรงแรมโอเบรอยฯนั้น ขณะนี้ช่วยตัวประกันได้แล้ว 93 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ในจำนวนนี้ รวมถึงลูกเรือสายการบินลุฟธ์ฮันซ่าห์และแอร์ฟรานซ์ เกือบ 20คน ขณะที่คนร้ายที่เป็นมือปืนได้รับบาดเจ็บ 1ราย ส่วนอีก 2คน ซ่อนตัวในโรงแรมโอเบรอยฯ

 

ผู้บัญชาการตำรวจมุมไบระบุว่า ปฏิบัติการได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ตำรวจอินเดียได้พบศพ 24 ศพที่โรงแรมโอเบรอยฯ ระหว่างปฏิบัติการบุกยึดโรงแรมดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบเงิน กระสุนปืน และบัตรประจำตัวออกโดยมอริเชียส ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นของกลุ่มคนร้าย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พบระเบิดที่ผลิตจากสารอาร์ดีเอ็กซ์นัก 8กิโลกรัม ที่ร้านอาหารใกล้โรงแรมทัชมาฮาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนร้ายวางแผนก่อเหตุรุนแรงมากยิ่งกว่านี้

 

ทหารยันมือปืนคนปากีสถาน

ด้าน นายกรัฐมนตรีมันโมฮัน ซิงค์ของอินเดีย กล่าวว่า กลุ่มมือปืนมาจากนอกประเทศ ขณะที่พลตรีอาร์ เค ฮึด้า ผู้บัญชาการทหารอินเดีย ที่คุมปฏิบัติการกวาดล้าง ระบุว่า กลุ่มมือปืนมาจากปากีสถาน แต่แกล้งทำตัวเป็นชาวอินเดีย

 

นายเดวิด มิลิแบน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า เหตุโจมตีครั้งนี้ มีร่องรอยคล้ายเป็นฝีมือเครือข่ายก่อการร้ายอัล เคด้า นั่นคือการโจมตีแบบประสานความร่วมมือกัน แต่ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า อัล-เคดา อยู่เบื้องหลังจริงหรือไม่ บัวแก้วติดต่อคนไทยได้แล้ว

 

ช่วย4หญิงไทยทำงานสปา

ขณะที่ นายเจษฎา ชวาลภาคย์ กงสุลใหญ่ไทย ณ มุมไป ประเทศอินเดีย กล่าวว่า ล่าสุดสถานกงสุลใหญ่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับหญิงไทยที่ทำงานในสปาทั้ง 4คน มาพักอยู่ที่บ้านพักกงสุลใหญ่แล้ว หลังทางการอินเดียบุกเข้าช่วยผู้ที่ติดอยู่ในโรงแรมโอเบรอยฯเป็นผลสำเร็จ เมื่อมาถึงคนไทยทั้งหมดค่อนข้างเสียขวัญและถึงกับกอดกันร้องไห้ แต่สถานกงสุลใหญ่ก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังจะเจรจากับเจ้าของโรงแรมเพื่อขอเงินชดเชยให้คนไทยที่ทำงานในโรงแรมดังกล่าวที่ต้องการกลับเมืองไทยไปพักรอระหว่างที่โรงแรมต้องปิดซ่อมเป็นเวลาหลายเดือน ขณะนี้ยังเหลือหญิงไทยอีก 1 คนที่ทำงานในสปาที่ยังตามหาตัวอยู่ ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ก็ยังได้ตรวจสอบข้อมูลกับโรงพยาบาลและสถานีตำรวจด้วย

 

นานาชาติผวาเหตุก่อการร้าย

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เหตุกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีนครมุมไบของอินเดีย ทำให้ชาวตะวันตกหวาดกลัวจะเป็นเหยื่อของพวกลักพาตัว บรรดาผู้นำโลกต่างแสดงความโกรธและหวั่นวิตกต่อเหตุที่เกิดขึ้น

 

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์ถึง นายโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อเสนอให้ความช่วยเหลือ ด้านฝรั่งเศส แถลงว่าจะส่งเครื่องบินที่มีเจ้าหน้าที่แพทย์และหน่วยกู้ภัยมาให้ความช่วยเหลือ ขณะที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา แสดงความเห็นใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ

 

ออสซี่เตือนทบทวนไปอินเดีย

ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย ออกคำเตือนทางเว็บไซต์ เกี่ยวกับการเดินทางไปยังอินเดียในวันนี้ โดยแนะนำให้ชาวออสเตรเลีย พิจารณาทบทวนถึงความจำเป็นในการเดินทางไปอินเดีย เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธ หลังจากที่กลุ่มเหล่านี้ได้ปฏิบัติการโจมตีในนครมุมไบ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 130คน

 

คนไทยเสียชีวิต1รายที่มุมไบ

เวลา 21.00น.กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ ว่า คนไทย 6คน ที่ทำงานอยู่ในโรงแรมโอเบรอยฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการหลักของกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยเป็นพ่อครัว 1คนและพนักงานสปาหญิง 5คน ในจำนวนนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบได้พยายามติดต่อและหาทางให้ความช่วยเหลือ จนในที่สุดสามารถติดต่อและช่วยเหลือจนปลอดภัยจำนวน 5คน แต่เป็นที่น่าเสียใจว่าพนักงานสปาหญิง 1คนเสียชีวิต จากการถูกยิง ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดต่อนายจ้างและญาติของบุคคลทั้งหกแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิต นายจ้างได้ทำกรมธรรม์ประกันชีวิตให้ ซึ่งกระทรวงฯ จะได้ประสานกับนายจ้างเพื่อติดตามค่าเสียหายและค่าชดเชยอื่นๆ ให้ต่อไป พร้อมเร่งดำเนินการส่งศพผู้เสียชีวิตกลับมายังประเทศไทยแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท