29 พ.ย.51 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ย้ายการชุมนุมออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง โดยระบุว่า การชุมนุมที่ส่งผลให้ผู้โดยสารกว่า 100,000 ราย ต้องติดค้างอยู่นั้นเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของไทยอย่างรุนแรง
แถลงการณ์ของคณะทูตอียูประจำกรุงเทพฯเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาวิกฤตของชาติด้วยสันติวิธีและสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยแต่เน้นไปที่พฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง
แถลงการณ์ระบุว่า "ขณะที่เราเคารพสิทธิของการชุมนุมประท้วงและจะไม่แทรกแซงข้อถกเถียงด้านการเมืองภายในของไทยในทางใดๆ ก็ตาม แต่อียูเห็นว่าการกระทำเหล่านี้ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของไทยอย่างรุนแรง"
ในแถลงการณ์ระบุว่า มีผู้โดยสารมากกว่า 100,000 ราย ที่ติดค้างไม่สามารถเดินทางได้จากการชุมนุมประท้วงของพันธมิตร คณะทูตของอียูได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามบินทั้ง 2 แห่งโดยเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตทางการทูตและผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทยที่จะตามมา
แถลงการณ์ของคณะทูตอียูยังระบุว่า "เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในประเทศไทยหาทางที่จะแก้วิกฤตและฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย ด้วยการเคารพกฎหมายและสถาบันทางด้านประชาธิปไตยของประเทศ"
สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร้อง พธม.ยุติยึดสนามบิน ลั่น "ไม่เหมาะสม" อย่างยิ่ง
ด้านนายกอร์ดอน ดูกิด รักษาการรองโฆษกกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐเคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง แต่การเข้ายึดสนามบินถือเป็นการประท้วงที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิอย่างสงบ หวังว่าสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นจะสามารถคลี่คลายได้โดยปราศจากความรุนแรงและจบลงภายใต้หลักของกฏหมาย
นายกอร์ดอน กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันวิตกกังวลกับการชุมนุมประท้วงและการเข้ายึดสนามบินภายในประเทศและสนามบินระหว่างประเทศในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้การเดินทางอย่างอิสระเสรีของทั้งคนและสินค้าต้องประสบภาวะชะงักงัน
รายงานข่าวระบุว่า ข้อเรียกร้องของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐมีขึ้นหลังจากสายการบินหลายแห่งในหลายประเทศเริ่มทยอยเข้ามารับพลเมืองกลับโดยใช้สนามบินอู่ตะเภา อย่างไรก็ตาม ยังมีนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนติดค้างอยู่ในประเทศไทย
เรียบเรียงจากเว็บไซต์มติชน