Skip to main content
sharethis

 






การเมือง - สังคม


 


เพื่อน ตท.10 อัด "เพื่อนป๊อก" ยุ่งการเมือง


เว็บไซต์แนวหน้า - พล.อ.วรวัฒน์ อินทรทัต  อดีตเลขานุการ รมว.กลาโหม  นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ เพื่อนร่วมเตรียมทหาร 10  ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของกองทัพช่วงนี้ว่า  รู้สึกผิดหวังต่อบทบาทของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  ผบ.ทบ. ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการจัดตั้งรัฐบาล แตกต่างจากสมัยก่อนยุคของ นายสมชาย  ตนมองในแง่ดีว่า  พล.อ.อนุพงษ์  เขาวางตัวดี ไม่เข้าข้างฝ่ายไหน แม้แต่ เขาออก ทีวี. บีบให้ นายสมชาย ลาออก หรือ ครั้งล่าสุดคือ ให้ยุบสภา   ตนก็ไม่คิดว่า เขาจะอยู่ฝ่ายไหน แต่พอมาตอนนี้ เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมากมาย ถึงบทบาทของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ตนไม่สบายใจก็คือ มีข่าวหนาหูมากว่า  พล.อ.อนุพงษ์ มีการ อ้างสถาบัน ในระหว่างการพูดจากับนักการเมือง  เพื่อให้มีการเปลี่ยนขั้ว


 


ผมในฐานะเพื่อนที่รู้จักเขามา  ผมยังไม่เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์  จะทำเช่นนั้น  เพราะการทำเช่นนั้น ถือเป็นการดึงสถาบันฯลงมาเกี่ยวข้อง  ทำให้เสื่อมเสีย  ผมมองในทางที่ดีไว้ก่อน ว่าทหาร ซึ่งเราพูดเสมอว่า เราเป็นทหารของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เราตายแทนพระองค์ได้  เราจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด แต่มีการพูดกันมาก จนผมไม่สบายใจ"  พล.อ.วรวัฒน์  กล่าว


 


พล.อ.วรวัฒน์  กล่าวต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ควรจะต้องอธิบายต่อสังคมด้วยว่า เพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น เพราะเรื่องการเมืองไม่ใช่หน้าที่ของทหารที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้นำกองทัพกลับไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก กองทัพจะเสื่อมเสีย


 


เสธ.หมึกเตือน"อนุพงษ์"จุ้นการเมืองกองทัพตกต่ำ


เว็บไซต์คมชัดลึก - 13 ธ.ค. พล.ท.พิรัช สวามิวัศดิ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พรางทาง สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ภายหลังพล.อ. ชวลิต ลาสิกขาบทว่า ความจริงก่อนบวชท่านศึกษาเรื่องธรรมะมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ติดพันทำให้ท่านไม่มีโอกาสได้บวช ซึ่งหลังจากลาสิกขาบทมาท่านอยู่เฉยๆ และฟังข่าวสารการเมืองบ้าง ส่วนสถานการณ์การเมืองขณะนี้ท่านคงต้องนิ่ง รอดูสถานการณ์อีกสักพัก แต่ไม่ได้ทิ้งบ้านเมือง ยังคงสดับตรับฟังสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใจจดใจจ่อ สิ่งที่ท่านเป็นห่วงขณะนี้คือ ความยากจนเกษตรกร ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ และปัญหาชายแดน ซึ่งท่านอาจจะชี้แนะให้กับผู้ที่รับผิดชอบดำเนินการ


 


เมื่อถามถึงกรณีที่ออกมาตำหนิกองทัพที่เข้าไปแทรกแซงการเมือง พล.ท.พิรัช กล่าวว่า กองทัพเข้าไปยุ่งการเมืองชัดเจนมากไป ทางกองทัพคงไม่ทราบว่า คนข้างนอกตำหนิกองทัพมากมาย ซึ่งพล.อ. ชวลิต เป็นห่วง จึงได้มีการเตือนไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับภารกิจของกองทัพควรให้การเมืองจัดการ สถานการณ์จะคลี่คลาย สถานการณ์ขณะนี้กองทัพต้องถอยกลับเข้ามาทำงานเกี่ยวกับเรื่องกองทัพโดยตรงไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง และต้องทบทวนว่าภารกิจของกองทัพคืออะไร ซึ่งการออกมาสะเปะสะปะจะทำให้กองทัพเสื่อม คนจะไม่เคารพนับถือ หรือมั่นใจเหมือนสมัยเก่า กองทัพจะตกต่ำ จึงน่าเป็นห่วงมาก


 


เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อนาคตของกองทัพจะเป็นอย่างไร พล.ท.พิรัช กล่าวว่า หากแต่งตั้งคนของกองทัพเป็นรมว.กลาโหม สถานการณ์คงจะดีขึ้น แต่ที่ผ่านมานาย สมัคร สุนทรเวช หรือนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.กลาโหม รู้จักทหารน้อยมาก ดังนั้นหากรมว.กลาโหมคนต่อไปเป็นทหาร คิดว่าความราบรื่นจะเกิดขึ้น เมื่อถามว่า หากการเมืองเปลี่ยนขั้ว กองทัพจะถูกล้างไพ่หรือไม่ พล.ท.พิรัช กล่าวว่า คิดว่า การเมืองเหนือกว่ากองทัพ



ป๋าเหนาะมั่นใจประชานั่งนายกฯ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ห้องรอยัลจูบิลี่ อิมแพคชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และภริยา ได้จัดงานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทานให้กับนายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้วซึ่งเป็นบุตรชาย และน.ส.ญาณิกา ธงพานิช เจ้าสาว โดยมีนักการเมือง ข้าราชการ มาร่วมงานจำนวนมาก


 


ก่อนหน้านี้ ที่บ้านพักนายเสนาะ กล่าวว่าการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติเรียบร้อยดีทุกประการไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกแล้ว โดยเฉพาะเรื่องเสียงสนับสนุน ซึ่งตนแน่ใจว่า ชนะขาดแน่นอน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวนที่ชัดเจน และยืนยันว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยินดีรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อชาติแล้ว ซึ่งการเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานการเมืองครั้งสำคัญ และเป็นประวัติศาสตร์การเมืองอีกหน้าหนึ่ง ตนเต็มใจทำเพื่อแก้วิกฤติบ้านเมือง หากการจัดตั้งสำเร็จจะเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมทำงานด้วย เพื่อให้เป็นไปตามแนวคิดการแก้ไขวิกฤติชาติอย่างแท้จริง โดยไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย


 


เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์สายตรงถึง พล.ต.อ.ประชา เพื่อให้รับตำแหน่งนายกฯ นายเสนาะกล่าวเพียงสั้นๆว่าไม่ทราบรายละเอียด หากมีการพูดคุยกันจริงถือเป็นเรื่องปกติ


 


รักษาการหน.เพื่อแผ่นดินให้เอกสิทธิ์สส.เลือกนายกฯ


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ได้ตัดสินใจแล้วจะไม่มีการเรียกประชุม ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินเพื่อพิจารณาการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 15 ธ.ค.นี้เพราะถือว่าการเลือกนายกฯถือเป็นเอกสิทธิของส.ส. หากมีการประชุมพรรคก็เท่ากับเป็นการบังคับการใช้วิจารณญาณของส.ส.ซึ่งจะขัดรัฐธรรมนูญ ส.ส.ของพรรคจึงน่าจะตัดสินใจด้วยสามัญจำนึกที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ทุกคนสามารถวินิจฉัยได้เองโดยยึดหลักประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่ความเป็นเอกภาพและความสามัคคีในพรรคก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ทุกคนจึงควรยึดสองหลักนี้ในการพิจารณา


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าความคิดเห็นที่แตกกันเป็นสองฝ่ายจะใช้อะไรเป็นหลักในการพิจารณา นายชาญชัย กล่าวว่า ความเห็นของคนสามารถแตกต่างกันได้ แต่สามัญสำนึกของทุกคนต้องมีอยู่ ในฐานะตนเป็นคนกลางไม่อยากจะเรียกประชุมอีก เพราะประชุมไปก็ไม่มีข้อยุติถ้าอีกฝ่ายอยากให้พรรคมีมติ ขณะที่อีกฝ่ายก็อ้างเอกสิทธิ์ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ


 


นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีอดีตส.ส.ของพรรคพลังประชาชนจำนวน 8 คนสมัครเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อแผ่นดินอย่างเป็นทางการแล้วทำให้พรรคเพื่อแผ่นดินมีส.ส.ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้จำนวน 29 คน


 


เมื่อถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก นายชาญชัย กล่าวว่า โดยกฎหมายจะต้องมีการส่งประวัติกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้กกต.ตรวจสอบภายใน 30 วันจากนั้นกกต.จะส่งกลับมายังพรรคอีกครั้ง เพื่อให้พรรคส่งสำนักราชกิจจานุเบกษาประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงจะมีผลสมบูรณ์ ขณะนี้จึงถือว่าพล.ต.อ.ประชาเป็นเพียงสมาชิกพรรคคนหนึ่งเท่านั้น


 


ต่อข้อถามที่ว่าผู้เป็นหัวหน้าพรรคถือเป็นผู้มีสิทธิเสนอรายชื่อรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า หัวหน้าพรรคทำหน้าที่ในการบริหารงานของพรรคและดำเนินนโยบายต่าง ๆ ในพรรค รวมถึงมีบทบาทในการส่งรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีตามที่กฎหมายบังคับไว้ด้วย คนอื่นไม่สามารถส่งรายชื่อรัฐมนตรีได้ถ้าหัวหน้าพรรคไม่รับรอง



 


โจรใต้ซุ่มยิงชรบ.ตาย3 เจ็บ3


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร  พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ  รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา  พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตำรวจภูธรยะลา เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา เดินทางเข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 90 และเลขที่ 94  หมู่ 1 บ.ตาโล๊ะสดาร์ ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา   หลังจากเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 3 ราย  เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 11 ธ.ค.51 ที่ผ่านมา


 


เหตุเกิดที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 94 หมู่ 1 ซึ่งเป็นของนายนดอรอแม  สะอุ  อายุ 42 ปี นักการภารโรง ของโรงเรียนบ้านตาโล๊ะสดาร์  หมู่ 1 ซึ่งเปิดเป็นร้านน้ำชา มีร่องรอยถูกกระสุนปืนที่บริเวณผนังจำนวนหลายแห่ง นอกจากนั้นรถยนต์บรรทุกยี่ห้อฮีโน หมายเลข 80-5102 ยะลา มีร่องรอยกระสุนที่บริเวณกระจกหน้า และกันชนหน้ารถได้รับความเสียหาย ส่วนที่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 1 ซึ่งอยู่ห่างจากหลักแรกประมาณ 100 เมตร  ที่บริเวณหน้าบ้านมีร่องรอยถูกกระสุนปืนหลายแห่ง  นอกจากนั้นรถยนต์กระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลข บจ 534 ยะลา มีร่องรอยกระสุนปืนที่ประตูด้านซ้าย และกระจกข้างด้านขวา ได้รับความเสียหาย


 


สำหรับผู้เสียชีวิต 3 คน ทราบชื่อคือ 1.นายมะรอพี  ซาเด็ง อายุ 38 ปี 2.นายดอรอฮะ  เจ๊ะเละ  อายุ 53 ปี  และ 3.นายอิบรอเฮง  กาหลง  อายุ 45 ปี  ทั้งหมดเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หมู่ 1   นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 รายคือ 1.นายอับดุลมาน๊ะ  วาแมดีซา  อายุ 38 ปี ถูกยิงเข้าที่ขาอาการสาหัส 2.นายฮาแซ  ลุงแซ  อายุ 32 ปี 3.นางสาวอัลลาวีย๊ะ  ลุงแซ  อายุ 28 ปี  ถูกยิงเฉี่ยวที่แขนซ้าย


 


นายดอรอแม  สะอุ  อายุ 42 ปี  นักการภารโรง  โรงเรียนบ้านตาโล๊ะสดาร์  กล่าวว่า  ก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมพวกจำนวน 7 คน เดินทางกลับจากพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านน้ำชา ได้หยุดพักนั่งพูดคุยและดื่มชา ประมาณ 30 นาที   จากนั้นแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปเข้าเวรยามที่โรงเรียน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร  ซึ่งในขณะที่ตนเองและนายมะรอพี กำลังเก็บของอยู่ที่หน้าบ้าน  ส่วนนายนายดอรอฮะ และนายอิบรอเฮง  ได้เดินเท้าไปยังบ้านเลขที่ 90  ซึ่งห่างไปประมาณ 100 เมตร  คนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ในพงหญ้าหน้าบ้านใช้อาวุธปืนยิงใส่ตน และเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว


 






เศรษฐกิจ


 


โรงงานอิเลคทรอนิกส์ปทุมฯ จ่อเลิกจ้างหลายพันคน


เว็บไซต์คมชัดลึก - 13 ธ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน นาง อัมพร นิติศิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้สัมภาษณ์กรณี ที่พนักงานบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด(มหาชน) อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประมาณ 2,000 คนปิดถนนลาดกระบัง-กิ่งแก้วประท้วงพร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ อาทิ ขอจัดตั้งสหภาพแรงงาน ขอโบนัสประจำปี เป็นต้น ว่าสามารถตกลงกันได้แล้ว โดยบริษัทยอมจ่ายโบนัสให้ 2 เดือน อย่างไรก็ตามได้เคยย้ำไปแล้วว่า การเรียกร้องใดๆสามารถทำได้ แต่ไม่ควรปิดถนนหรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน


 


นางอัมพร กล่าวว่า สถานการณ์การเลิกจ้างขณะนี้ จะเห็นได้ว่าตัวนายจ้างเองก็พยายามปรับตัว ซึ่งจะเห็นได้จากในหลายแห่งที่มีการเลิกจ้างก็จะมีการบอกกล่าวล่วงหน้าและจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย เพราะนายจ้างไปไม่ไหวจริงๆ แต่ยังคิดว่าในอนาคตอาจจะกลับมาดำเนินธุรกิจดังเดิม เพราะต้องยอมรับว่าสภาวะเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ยิ่งมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ยิ่งทำให้กลายเป็นตัวเร่งมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านอิเลคทรอนิคส์ แค่ขาดชิ้นส่วนที่นำเข้าเพียง 1-2 วันก็เกิดปัญหาแล้ว


 


 " บางบริษัทเคยมีออร์เดอ 8 แสนก็เหลือแค่ 8 พัน แต่เขาพยายามปรับตัว ไปหาตลาดใหม่ๆในลาว กัมพูชา บางบริษัทมีระบบที่ดี จริงๆแล้วการมีสหภาพแรงงานไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย ในทางตรงกันข้าม สหภาพแรงงานอาจช่วยเจรจากับพนักงาน และเป็นเครดิตในการกู้เงินด้วย " นางอัมพร กล่าว และว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็น 3 ระดับคือ 1. เลิกจ้าง 2. มีแนวโน้มเลิกจ้าง 3. ได้รับผลกระทบจนทำให้สภาพการจ้างเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยจะนำเข้ามูลเหล่านี้ไปใช้วางแผนในการแก้ไขปัญหาให้ทันกับสถานการณ์


 


นางอัมพร กล่าวว่า ในกิจการด้านอิเลคทรอนิกส์กำลังประสบปัญหามาก ล่าสุดได้รับรายงานว่าในสัปดาห์หน้าโรงงานในย่านจ.ปทุมธานี จะเลิกจ้างลูกจ้างอีกหลายพันคน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ของกสร.ได้เข้าไปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่จ่ายค่าชดเชยต่างๆตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามคาดว่าอย่างไรเสียอุตสาหกรรมด้านอิเลคทรอนิคส์ ยังคงต้องมีอยู่โดยเห็นได้จากนายจ้างเอง ยังยอมจ่ายเงินตามกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากวิกฤตตอนปี 2540 ซึ่งขณะนั้นตั้งตัวกันไม่ทัน


 


นางอัมพร ยังกล่าวถึงการเรียกร้องโบนัสของพนักงานในช่วงสิ้นปีว่า ขณะนี้ยังไม่รุนแรง มีเพียง 2 แห่งที่ยื่นข้อเรียกร้องคือบริษัทประกอบรถยนต์ฟอร์ดที่จ.ระยอง และบริษัทยานภัณฑ์ ซึ่งเรื่องการจ่ายโบนัสเป็นเรื่องข้อตกลงสภาพการจ้างที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงร่วมกัน ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปีจะจ่ายโบนัสมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการเจรจาตกลงกันเอง


 


นาย ยงยุทธ เม่นตะเภา ประธานสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แรงงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มีอยู่ราว 5 แสนคน ที่น่าเป็นห่วงว่าถูกเลิกจ้างคือแรงงานเหมาค่าแรงที่มีอยู่กว่า 2 แสนคน ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยถูกเลิกจ้างไปแล้ว โดยในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้ามีพนักงาน 1.5 หมื่นคนเป็นลูกจางเหมาค่าแรงกว่า 8 พันคน ตอนนี้เลิกจ้างไปแล้ว 200 คน เช่นเดียวกับลูกจ้างเหมาค่าแรงของโรงงานจีเอ็มเลิกจ้างไปแล้ว 200 คน ล่าสุดทราบว่าโรงงานของอีซุซุซึ่งมีลูกจ้าง 3-4 พันคนได้ลดเวลาการทำงานจากที่เคยเข้า 2 กะ เหลือเพียงกะเดียว ถามว่าแล้วคนงานเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน แถมยังมีการเปิดรับให้ลาออกโดยสมัครใจด้วย


 


 " ผมเชื่อว่าหลังไตรมาสแรก รววเดือนมีนาคม-เมษายน สถานการณ์จะยิ่งรุนแรงเพราะออเดอร์หมดลง และยังไม่มีคำสั่งใหม่เข้ามา ลูกจ้างส่วนใหญ่ของโรงงานประกอบรถยนต์มีเงินเดือนเพียง 7-8 พันบาท แต่ที่ได้ 2 หมื่นบาทเพราะทำงานล่วงเวลา หากไม่มีงานล่วงเวลาแล้วคงต้องลำบากกันมาก เพราะต่างกู้หนี้ยืมสิน ผ่อนบ้านผ่อนรถกันไว้แล้ว พวกเขาจะไปหาเงินมาจากไหนกัน " นายยงยุทธ กล่าว


 


นายยงยุทธ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2542 กิจการด้านประกอบรถยนต์เติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากการลดค่าเงินบาทซึ่งผู้ประกอบการต่างมีกำไรสะสมและขยายโรงงานกันใหญ่โต และตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้ก็ยังมีกำไรอยู่ เพียงแต่ช่วงนี้เท่านั้นที่เกิดปัญหาซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในสหกรัฐฯ ทำให้คำสั่งซื้อจากตะวันออกกลาง ยุโรป ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ลดลง ดังนั้นจึงยังควรจ่ายโบนัสให้พนักงานเหมือนเดิม


 


" ผมเชื่อว่าลูกจ้างเอ๊าท์ซอสจะถูกเลิกจ้างกันเกือบหมดในกิจการประกอบรถยนต์ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงแรงงานความติดตามสถานการณ์ให้ใกล้ชิดกว่านี้ ควรตั้งคณะกรรมการระดับชาติร่วมระหว่างสหาภาพแรงงานและราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหา เพราะตอนนี้มีหลายบริษัทที่ฉวยโอกาสเลิกจ้างระหว่างที่ลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้อง " นายยงยุทธ กล่าว


 


พลังงานขอรอดูสถานการณ์ตลาดโลกก่อนลดราคาน้ำมัน


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - รมว. พลังงานขอรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอีก 2-3 วันเพื่อพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกลงอีกตามราคาตลาดโลก


 


นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ยอมปรับราคาน้ำมันขายปลีกให้สอดคล้องกับสภาพตลาดว่า ที่ผ่านมาราคาน้ำมันค่อนข้างผันผวน คงต้องรอดูสภาพตลาดก่อนแต่ก็ได้มอบหมายให้ สนพ.ไปดูแลค่าการตลาดแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและเป็นธรรมกับผู้บริโภค


 


และในวันนี้ กระทรวงพลังงานหนุนใช้พลังงานทดแทนในชุมชน โดยจัดงานตลาดนัดพลังงานชุมชนครั้งที่ 3 บริเวณสวนรถไฟกรุงเทพฯ  มีการนำโครงการพลังงานชุมชนจากชุมชนกว่า 300 ชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงสินค้าและการพัฒนาภายในชุมชนต่างๆ มาจัดแสดงแลกเปลี่ยน ให้ชุมชนนำไปปรับใช้ได้ตามพื้นที่ต่างๆ  อาทิ เตาข้าวหลาว เตาหุงต้มจากพลังงานแกลบ การผลิตถ่านอัดแท่ง การผลิตถ่านผลไม้  จักรยานสูบน้ำ จักรยานสีข้าว นอกจากนี้ยังมีการสาธิตเทคโนโลยีแบบใหม่ เช่น กังหันลมขนาดเล็กผลิตไฟฟ้าใช้เอง เครื่องผลิตไบโอดีเซล เตาอบปิ้ง-ย่างไร้ควัน ไกย่างจากแสงอาทิตย์ และน้ำสมุนไพรต้มด้วยพลังงานแกลบ ซึ่งได้รับความสนใจจาประชาชนจำนวนมาก


 






ต่างประเทศ


 


85 พรรคต่างชาติหนุน ปชป.รัฐบาล


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบรรยายและร่วมสนทนากับเครือข่ายพรรคการเมืองเสรีประชาธิปไตย ซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมืองจาก 85 ประเทศ เกี่ยวกับหน้าที่ฝ่ายค้านในการปกป้องประชาธิปไตย ตัวแทนฝ่ายประชาธิปไตยกับการเลือกตั้ง และผลกระทบของนานาชาติกับการพัฒนาประเทศไทย


 


จากนั้นเครือข่ายฯ ออกแถลงการณ์สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์ จะเป็นนักการเมืองที่นำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตและมีประชาธิปไตยได้ เพราะจากประสบการณ์ของประเทศกลุ่มสมาชิกพบว่านักการเมืองเมื่อเป็นผู้นำจะบริหารประเทศได้ดีกว่านักธุรกิจ


 


อายัดทรัพย์อดีต ปธ.ตลาด Nasdaq


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ผู้พิพากษาศาลกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินทั้งหมดของนายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดหุ้น Nasdaq  ที่ถูกจับกุมตัวในข้อหาจัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของ แชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับแต่งตั้งให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เป็นผู้ดำเนินการทรัพย์สินทั้งหมดของมาดอฟฟ์


 


คดีฉ้อโกงของมาดอฟฟ์ถือเป็นหนึงในคดีการฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ หลังจากที่ได้เกิดคดีใหญ่สะเทือนวงการธุรกิจโลกอย่าง "คดีเอ็นรอน" ในปีพ.ศ.2544 ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ทั้งหมด 6.34 หมื่นล้านดอลลาร์ และส่งผลให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับความสามารถในการทำงานของ SEC


 


ทนายความของมาดอฟฟ์เปิดเผยว่า มาดอฟฟ์ได้สารภาพกับบุตรชายทั้งสองของเขาว่า ธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ที่ตั้งขึ้นในนามของเขานั้นเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าเป็นวงเงินสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่อมาบุตรชายของมาดอฟฟ์ได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งต่อสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) จึงนำไปสู่การจับกุมตัวมาดอฟฟ์ในช่วงเช้าวานนี้ พร้อมกับยืนยันว่า มาร์ค และ แอนดรูว์ บุตรชายทั้งสองของมาดอฟฟ์ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการฉ้อโกงครั้งนี้แต่อย่างใด


 


มาดอฟฟ์ได้รับการประกันตัวออกมาโดยใช้สินทรัพย์มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง มาดอฟฟ์ก็จะถูกจำคุก 20 ปี และถูกเปรียบเทียบปรับ 5 ล้านดอลลาร์


 


รายงานระบุว่า ณ วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทของมาดอฟฟ์มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเป็นวงเงินสูงถึง 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยลูกค้าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ส่วนที่เหลือเป็นธนาคารพาณิชย์และนักลงทุนระดับมหาเศรษฐี ทั้งนี้ มาดอฟฟ์ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักการเงินที่มีชื่อเสียงและมีฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยบริษัทของเขามีลูกค้าเดินเข้าออกจำนวนมากเพื่อขอรับคำแนะนำด้านการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง


 


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ลูกค้าของมาดอฟฟ์ที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายมากที่สุดจากคดีฉ้อโกงครั้งนี้คือบริษัท แฟร์ฟิลด์ กรีนวิช กรุ๊ป ของนายวอลเตอร์ โนเวล ซึ่งทุ่มเงินลงทุนในบริษัทของมาดอฟฟ์สูงถึง 7.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนลูกค้ารายอื่นๆที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือบริษัท คินเกท เมเนจเมนท์ ที่สูญเงินลงทุนไปถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net