นครบาลแจกใบปลิว-ตั้งคัตเอาท์ให้ชุมนุมอย่างสงบ "พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน" ลั่นปิดล้อมสภา ขวางแถลงนโยบายผิดเข้าข่ายกบฏ ยันใช้มาตรฐานเดียวกับพันธมิตรฯ ย้ำเจ้าหน้าที่เลี่ยงปะทะผู้ชุมนุมเด็ดขาด ด้าน นปช.เริ่มชุมนุมหน้ารัฐสภาแล้ว วอน "มาร์ค" ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน ส่วน "สุริยะใส" วอน นปช. ให้รัฐบาลทำงานก่อน

นครบาลแจกใบปลิวให้ชุมนุมอย่างสงบ "อำนวย นิ่มมะโน" ลั่นปิดล้อมสภาเข้าข่ายกบฏ

วันนี้ (28 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้นำคัตเอาท์ขนาดใหญ่ ระบุข้อความแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุม  ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธตามวิถีประชาธิปไตยในกรอบของกฎหมาย ช่วยกันป้องกันผู้ไม่หวังดีต่อชาติจำนวน 10 แผ่นป้าย ทยอยวางตามจุดต่าง ๆ ตั้งแต่ บริเวณฝั่งลานพระบรมรูปทรงม้าเรื่อยไปจนถึงหน้าอาคารรัฐสภา รวมถึงบริเวณสนามหลวงเพื่อเตือนสติผู้ชุมนุม

ขณะเดียวกันที่เวทีปราศรัยของกลุ่ม นปช.ฝั่งตรงข้ามหน้ารัฐสภา เมื่อเวลา 12.00 น. แกนนำได้ขึ้นเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นการจัดตั้งโดยมิชอบ สมควรต้องยุบสภาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ซึ่งผู้ชุมนุมขณะนี้มีจำนวนประมาณกว่า 100 คน ได้ส่งเสียงโห่ร้องเป็นระยะ

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยัน ได้สกัดกั้นการชุมนุมของกลุ่ม นปช. โดยยึดหลักมาตรฐานเดียวกับการดูแลพันธมิตรฯ หากมีการปิดล้อมรัฐสภา ขัดขวางการแถลงของนโยบาย จะเข้าข่ายกระทำผิดข้อหากบฏ โดยจะดำเนินคดีออกหมายจับทันทีหากมีการกระทำรุนแรงออกนอกกรอบกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการบันทึกภาพตลอดการชุมนุม พร้อมแจกแผ่นปลิวแจ้งเตือนผู้ชุมนุมให้ชุมนุมโดยสงบ ตามวิถีทางประชาธิปไตย จำนวน 4 หมื่นแผ่น หากสถานการณ์เสี่ยงต่อความรุนแรง ผู้นำการชุมนุมต้องสั่งสลายการชุมนุมทันที รวมทั้งจะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เปิดให้ผู้ชุมนุมเข้าทางฝั่งลานพระบรมรูปทรงม้าเพียงด้านเดียว มีการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย 24 กองร้อย พร้อมย้ำว่า เจ้าหน้าที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีการเคลื่อนขบวนของกลุ่ม นปช.จากท้องสนามหลวงมายังหน้ารัฐสภาในวันนี้ โดยไม่มีเหตุรุนแรง เพราะไม่มีรายงานของกลุ่มต่อต้านเข้าปะทะ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจรบริเวณดังกล่าวด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับแผ่นปลิวที่บช.น.จัดพิมพ์รวม 40,000 แผ่น และจะนำไปปิดที่บริเวณสนามหลวง หน้ารัฐสภา ตลอดจนแยกอู่ทองใน รวมทั้งแจกให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม เรื่อง ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตามวิถีประชาธิปไตย ในกรอบของกฎหมาย ช่วงกันป้องกันผู้ไม่หวังดีต่อชาติ เนื้อหาระบุว่า การชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ประชาชนชาวไทยพึงกระทำได้โดยชอบ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายที่ไม่ละเมิดกฎหมายและสิทธิของผู้อื่นและควร ระลึกว่า

1.ไม่ควรกระทำการใดๆให้กระทบกระเทือนต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ควรมุ่งเอาแพ้เอาชนะกัน มิเช่นนั้นแล้วผู้ที่แพ้อย่างแท้จริงคือประเทศไทยโดยน้อมนำพระราชดำรัสของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเตือนคนไทยไม่ให้ทะเลาะกันไว้ใส่เกล้าใส่กระหม่อม

2.ต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการวุ่นวาย ปั่นป่วน หรือเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้ชุมนุมและประชาชนซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน

3.ระวังป้องกันไม่ให้บุคคล หรือกลุ่มบุคคลใดๆ กระทำการที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ในการชุมนุม

4.ความรัก ความสามัคคี คือศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของคนไทยและประเทศไทย

5.ไม่ส่งเสริมสนับสนุนวิธีการยั่วยุที่จะนำไปสู่ความรุนแรงทุกรูปแบบ

6.หากมีเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้ตัวท่าน ซึ่งบช.น. ได้จัดกำลังมาดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของ เรา

7. หากการชุมนุมก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวายในบ้านเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้เลิกการชุมนุม ผู้นำการชุมนุมต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยทันที ลงท้าย ด้วยรัก ห่วงใย และปรารถนาดี จากตำรวจของประชาชน บช.น. โทร 191 และ 1197 นอกจากนี้อีกด้านของแผ่นปลิว ระบุข้อความ ชุมนุมโดยสงบ เคารพกฎหมาย ไม่เกิดความวุ่นวาย แยกย้ายโดยสันติ , พี่น้องประชาชนที่รัก บช.น.หวังในความร่วมมือของพี่น้องประชาชนกับบช.น.ในการชุมนุมครั้งนี้จะเป็น ไปตามกฎหมายเพื่อนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต่อไป  , ชุมนุมอย่างมีขอบเขต ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความสามัคคี ตำรวจมีหน้าที่ดูแล , หากมีเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้ตัวท่าน ซึ่งบช.น.ได้จัดกำลังมาดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา

สุริยะใสแนะ นปช. ให้รัฐบาลทำงานก่อน อ้างพันธมิตรออกมาเมื่อรัฐบาลหมดความชอบธรรม

นอกจากนี้นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวระหว่างงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของพันธมิตรฯ ที่เมืองทองธานี วานนี้ (27 ธ.ค.) ว่า พันธมิตรฯ จะให้โอกาสรัฐบาลชุดนี้ทำงานไปก่อน โดยจะคอยตรวจสอบการทำงานต่อไป ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทุกเรื่อง โดยยึดหลักการว่าอำนาจอยู่ในมือใครก็จะต้องถูกตรวจสอบ ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเสื้อแดง (นปช.)จะปิดล้อมรัฐสภาในวันแถลงนโยบายนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นเรื่องสิทธิของแต่ละบุคคล แต่ควรจะปล่อยให้รัฐบาลทำงานไปก่อน ซึ่งการชุมนุมทุกคนทำได้แต่จะต้องมีความชอบธรรมมากกว่านี้ การชุมนุมของพันธมิตรฯ มีความแตกต่างกัน เพราะ นปช.ออกมาต่อต้านรัฐบาลทั้งๆ ที่รัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย แต่พันธมิตรฯ ออกมาเพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว

นายสุริยะใส กล่าวว่า  อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯจะคอยจับตาการทำงานของรัฐบาลต่อไป โดยเฉพาะนาย กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่มองว่าเป็นคนของพันธมิตรฯ ยิ่งจะต้องจับตามองมากที่สุด หากทำงานไม่ได้ทำตามที่เคยพูดไว้บนเวทีพันธมิตรฯไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เขาพระวิหาร พาสปอร์ตทักษิณ หากทำไม่ได้มือตบพันธมิตรฯ จะไปเยือนที่กระทรวงต่างประเทศเป็นคนแรกก็ได้ รวมทั้งที่มีข่าวว่า นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แนวร่วมพันธมิตรฯจะไปเป็น ผอ.ช่อง 11 นั้น ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน หากเป็นจริงประชาชนจะเป็นผู้ตรวจสอบเอง ขอยืนยันว่าการรับตำแหน่งใดๆ ใน รัฐบาลเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะรับตำแหน่ง ส่วนการการปฏิบัติงานจะเป็นอย่างไรเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พันธมิตรฯจะจัดตั้งพรรคการเมืองว่า 5 แกนนำขอยืนยันว่า ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่มีบางส่วนที่เป็นแนวร่วมได้พูดคุยกันเรื่องนี้บ้างเหมือนกัน ซึ่งการจัดตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องหลัก เพราะพันธมิตรฯยังมีภารกิจจะทำการเมืองใหม่เป็นหลักมากกว่าการตั้งพรรคการเมือง ส่วนกรณีเรื่องคดีความที่พันธมิตรฯถูกฟ้องว่า ตนเชื่อในกระบวนการยุติธรรมของศาล และได้เตรียมทนายความไว้พร้อมแล้ว

ที่มา: เรียบเรียงจากสยามรัฐ โพสต์ทูเดย์ มติชนออนไลน์